ตอนที่ 439 หมดลมหายใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 439 หมดลมหายใจ

ต้าจิ้นกล่าวว่าหากต้าเหลียงยอมมอบเมืองที่เคยยึดไปตอนที่ต้าจิ้นบุกทำลายแคว้นสู่คืนมาให้ต้าจิ้น สงครามครั้งนี้ก็จะยุติเพียงเท่านี้ มิเช่นนั้นต้าจิ้นพร้อมทำสงครามกับต้าเหลียงจนถึงที่สุด

หลิ่วหรูซื่อมีวาทศิลป์ในการเจรจา เขาเอ่ยถึงสงครามที่หนานเจียง กล่าวถึงกองทัพที่รบไม่เคยแพ้อย่างกองทัพไป๋ กล่าวถึงเสี่ยวไป๋ไซว่แห่งกองทัพไป๋เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไป๋ชิงเหยียนผู้กล้าหาญและวางแผนไม่เคยผิดพลาด

ราชสำนักต้าเหลียงจึงรับรู้ว่าผู้ที่วางแผนให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางไม่ใช่แม่ทัพใหญ่อย่างหลิวหงแต่เป็นหลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง…คือสตรีที่สังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียงผู้นั้น

หลิ่วหรูซื่อกล่าวว่าครั้งนี้ต้าจิ้นไว้หน้าต้าเหลียง หากต้าเหลียงยังไม่ยอมเจรจาสงบศึก เขายังมีพระราชโองการอีกหนึ่งฉบับคือเปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่เป็นไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวต้องสังหารทหารยอดฝีมือของต้าเหลียงจนต้าเหลียงไม่กล้าบุกมารุกรานแคว้นต้าจิ้นอีกอย่างน้อยห้าปีแน่นอน

สวินเทียนจางส่งฎีกามาขอกำลังเสริมจากต้าเหลียงประมาณห้าถึงหกรอบกล่าวว่าจะนำทัพไปยึดอวี้ซานกวนคืนให้ต้าเหลียง

ทว่า จักรพรรดิต้าเหลียงตัดสินใจทำสัญญาสงบศึก แบ่งดินแดนส่วนหนึ่งให้ต้าจิ้นและยอมเป็นพันธมิตรกับต้าจิ้น

สวินเทียนจางได้ยินข่าวก็โมโหจนกระอักเลือด สิ้นลมหายใจอยู่ที่ภูเขาชุนมู่

ไป๋เวยถิงเคยกล่าวไว้ว่าขอเพียงยังมีกองทัพไป๋อยู่ เขาขวางกั้นไม่ให้ต้าเหลียงรุกรานเข้ามาในภูเขาชุนมู่ได้ ทว่า สวินเทียนจางไม่เชื่อคำนั้น อวี้ซานกวนถูกยึดไปจากมือของตระกูลสวิน เขาต้องนำมันกลับคืนมาให้ได้

ทว่า สวินเทียนจางนึกไม่ถึงเลยว่า ชีวิตนี้เขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่กลับไปเยือนอวี้ซานกวนอีกครั้ง

สองแคว้นลงนามทำสัญญาสงบศึกเรียบร้อย ขณะเคลื่อนทัพกลับเมืองหลวง ไป๋จิ่นจื้อร่างกายแข็งแรงกลับมาร่าเริงสดใสอีกครั้งแล้ว

เพราะต้องดูแลเสิ่นชิงจู๋ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ขากลับหลูผิงจึงบังคับรถม้าด้วยตัวเอง เสิ่นชิงจู๋และจี้หลางหวานั่งอยู่บนรถม้าคันเดียวกัน

ขณะผ่านเมืองโยวฮว่า ชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับและตะโกนเรียก “แม่ทัพไป๋ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่” กันอย่างเสียงดังเซ็งแซ่

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนผ่านเมืองโยวฮว่า หญิงสาวเคยสั่งให้แม่ทัพหวังเต๋ออันผู้คุ้มกันเมืองโยวฮว่าจัดระเบียบเมืองให้เรียบร้อย ตอนนั้นชาวบ้านต่างรับรู้ว่าขอเพียงแม่ทัพไป๋มาที่นี่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องอพยพไปเป็นคนเร่ร่อนอีกต่อไป

กองทัพที่สามารถปกป้องไม่ให้พวกเขาเดือดร้อนจากสงคราม ทำให้พวกเขาไม่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปที่อื่น กองทัพเช่นนี้จะไม่ให้ชาวบ้านนับถือได้อย่างไรกัน

แม้ผู้อื่นจะบอกว่าไป๋ชิงเหยียนคือเทพสังหารกลับชาติมาเกิด ทว่า เทพสังหารผู้นี้ปกป้องชีวิตของพวกเขาเอาไว้ พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก

หลิวหงได้ยินชาวบ้านร้องตะโกนเรียกนามของไป๋ชิงเหยียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นตอนที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่

ทว่า ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนสมควรได้รับการยกย่องจริงๆ แม้เขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่ในสงครามครั้งนี้ ทว่า ต้าจิ้นได้รับชัยชนะเพราะการวางแผนของไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียวเท่านั้น

กองทัพเดินทางอย่างไม่รีบร้อน ถึงเมืองหลวงในวันที่สิบสอง เดือนเจ็ด

องค์รัชทายาทพาคนไปรอต้อนรับกองทัพที่นอกเมืองด้วยตนเอง แม้แต่คุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อก็ไปรอต้อนรับทันทีที่รู้ข่าวเช่นเดียวกัน

ไป๋จิ่นจื้อมองเห็นไป๋จิ่นเซ่อซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่ไกล สาวน้อยรีบควบม้าไปด้านหน้า “พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรองและน้องหญิงเจ็ดมาเจ้าค่ะ เจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงด้วยเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นเซ่อ ทั้งสองถูกองครักษ์คุ้มกันให้ยืนอยู่ข้างรถม้า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นเซ่อจึงโบกมือให้นางอย่างทนไม่ไหว

เว่ยจงยืนอยู่ข้างกายของเจี่ยงหมัวมัวที่กำลังยืนใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตานิ่งๆ เขาก้มหน้าต่ำไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

คงเป็นเพราะองค์รัชทายาทเสด็จมาต้อนรับกองทัพด้วยพระองค์เอง ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันที่ประตูทิศเหนือ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ก็มาต้อนรับเช่นเดียวกัน

“แปลกจริง ที่นี่ครึกครื้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่เห็นกลุ่มของหลู่หยวนเผิงกันเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา

ไป๋จิ่นเซ่อประคองแขนของไป๋จิ่นซิ่ว เมื่อเห็นพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงสี่ ดวงตาของสาวน้อยแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจากกันเพียงสองเดือน ไป๋จิ่นเซ่อกลับรู้สึกว่าตนไม่ได้เจอพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงสี่นานมากแล้ว

เมื่อเห็นหลิวหงและไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า องค์รัชทายาทรีบเข้าไปโค้งกายคำนับพลางกล่าวขึ้น “ลำบากแม่ทัพทุกท่านแล้ว!”

บรรดาไป๋ชิงเหยียนรีบทำความเคารพกลับทันที

“ที่กองทัพของพวกเราได้รับชัยชนะในครั้งนี้เป็นเพราะการวางแผนที่เยี่ยมยอดของแม่ทัพไป๋เพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ แม้กระหม่อมจะเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ไร้ซึ่งความดีความชอบพ่ะย่ะค่ะ!” ใบหน้าของหลิวหงมีแต่รอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยความไม่พอใจปรากฏให้เห็นเลยสักนิด

องค์รัชทายาทได้ยินก็ยิ้มออกมา หันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวกับหลิวหง “เราเข้าใจความรู้สึกของแม่ทัพหลิวดี เพราะสงครามที่หนานเจียง เราในฐานะแม่ทัพใหญ่รบชนะได้ก็เพราะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เช่นเดียวกัน”

ไป๋ชิงเหยียนรีบยกมือคารวะองค์รัชทายาท “เพราะองค์รัชทายาทและแม่ทัพหลิวเชื่อใจหม่อมฉันเพคะ”

เฉวียนอวี๋พาบ่าวรับใช้เดินถือเหล้าเข้าไปให้บรรดาแม่ทัพทุกคน องค์รัชทายาทกล่าวว่าเป็นการฉลองชัยชนะให้แม่ทัพทุกคน

ศึกครั้งนี้ได้รับชัยชนะกลับมา ฮ่องเต้สั่งให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยงล่วงหน้าแล้ว ให้กองทัพตั้งค่ายพักผ่อนอยู่นอกเมือง แม่ทัพกลับไปพักผ่อนที่จวนจนหายเหนื่อยแล้วค่อยเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงและรับรางวัล

ไป๋จิ่นจื้อยืนอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน เฉวียนอวี๋กงกงนำสุรามามอบให้พี่หญิงใหญ่อย่างนอบน้อม จากนั้นมอบให้นางด้วย สาวน้อยรีบกล่าวยิ้มๆ “ขอบคุณเฉวียนอวี๋กงกงเจ้าค่ะ!”

องค์รัชทายาทเห็นหลิ่วหรูซื่อเดินลงมาจากรถม้าจึงสั่งให้เฉวียนอวี๋นำสุราไปมอบให้ชายหนุ่มเช่นกัน “ใต้เท้าหลิ่วลำบากแล้ว!”

หลิ่วหรูซื่อรีบกล่าวว่าไม่ลำบาก

“แม่ทัพทุกท่านกลับไปพักผ่อน เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่จวนก่อนเถิด เสด็จพ่อสั่งให้คนเตรียมงานเลี้ยงกลางคืนเพื่อฉลองชัยชนะกับพวกท่านแล้ว” องค์รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ

สิ้นเสียงขององค์รัชทายาท ครอบครัวของบรรดาแม่ทัพทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาสามีของตัวเอง ขอบตาร้อนผ่าว

“เราไปส่งจวิ้นจู่กลับจวนเอง!” องค์รัชทายาทรู้ดีว่าตอนนี้ตระกูลไป๋ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงแล้ว องค์หญิงใหญ่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง คุณหนูสามไป๋จิ่นถงคอยดูแลรับใช้ แม้เจี่ยงหมัวมัวจะพาคุณหนูเจ็ดมารอต้อนรับ ทว่า ก็เงียบเหงากว่าครอบครัวของแม่ทัพคนอื่นอยู่ดี

องค์รัชทายาทต้องการถือหางไป๋ชิงเหยียน เพราะตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นพวกของเขาแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนรีบกล่าวขึ้น “ไม่กล้ารบกวนองค์รัชทายาทเพคะ!”

“พี่หญิงใหญ่! เสี่ยวซื่อ!” ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นเซ่อเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อท่ามกลางการอารักขาขององครักษ์

“พี่หญิงใหญ่และเสี่ยวซื่อได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วปวดใจจนยากจะบรรยาย ดึงแขนของไป๋จิ่นจื้อไปสำรวจ “โดนไฟลวกจริงๆ ด้วย ต้องเป็นแผลเป็นแน่”

ข่าวจากเป่ยเจียงส่งมารายงานตลอดเวลา ไป๋จิ่นซิ่วแทบอยู่ไม่เป็นสุข

“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะพี่หญิงรอง มีแผลเป็นยังดีกว่าไม่รอดชีวิตนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ คงเป็นเพราะองค์รัชทายาทและชาวบ้านยังอยู่ ไป๋จิ่นจื้อจึงกล่าวเสริมอีกประโยค “อีกอย่าง แผลแค่นี้แลกกับความปลอดภัยของชาวบ้าน เสี่ยวซื่อรู้สึกคุ้มค่ามากเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือลูบไปที่ศีรษะของน้องสาว ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเสียงตะโกนให้ม้าหยุดของคนบังคับม้าจึงหันไปมอง

รถม้าหยุดลง เยว่สือซึ่งนั่งอยู่ข้างคนบังคับม้ากระโดดลงมาจากรถม้า ประคองร่างสูงโปร่งของเซียวหรงเหยี่ยนในชุดสีขาวลงมาจากรถม้า

เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนและองค์รัชทายาท

เมื่อไป๋จิ่นจื้อเห็นเซียวหรงเหยี่ยน ใบหน้าของสาวน้อยส่อแววยินดีทันที “เซียวเซียนเซิง!”

“หรงเหยี่ยนบอกว่าจะมาถึงวันพรุ่งนี้มิใช่หรือ” องค์รัชทายาทก็ดีใจเช่นเดียวกัน

สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น “การเดินทางในแคว้นต้าจิ้นราบเรียบดีจึงมาถึงเร็วกว่ากำหนดพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อลอบยิ้มอยู่ในใจ เซียวเซียนเซิงผู้นี้รีบมาเพราะพี่หญิงใหญ่ของนางอย่างแน่นอน