นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 346 มีคนตาย1
หัวใจของเขาชะงักงัน เขาอ้าปากแล้วปิดลง สุดท้ายก็กลืนคำพูดปลอบใจของเขากลับไป แล้วรีบเดินออกไป ก่อนจะนำอาหารที่แขกคนก่อนสั่งออกมาจากครัว และวางลงตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน
พอได้กลิ่นปีกไก่และน่องไก่ร้อนๆ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมา จึงคว้าปีกไก่ขึ้นมากัดกิน
แต่พอกินเข้าปาก นางกลับไม่รับรู้ถึงรสชาติของมันเลย
แต่นางก็กินไม่หยุด เริ่มกัดปีกไก่กินทีละคำ
หลังจากกินไปหนึ่งชิ้น นางรู้สึกว่าปีกไก่มีกระดูกมากเกินไป แทะกินลำบาก นางจึงคว้าน่องไก่อีกอันขึ้นมา แล้วกัดกินเข้าไปทีละคำ เนื้อไก่ที่กรอบนอกนุ่มในกระจายอยู่ในปากของนาง นางได้กลิ่นหอม แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความอร่อย เหมือนไม่ได้รสชาติอะไรเลย
ถึงอย่างนั้น นางก็กินไม่หยุด หัวใจว่างเปล่า ท้องก็ว่างเปล่า นางแค่อยากกินให้เยอะ เติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าของนางให้เต็ม
และข้อเท้าที่เจ็บจนชาไปแล้ว ในตอนนี้นางไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
คิ้วของไป๋ยี่เซวียนขมวดเป็นเส้นแล้ว เหมือนมีมือเหล็กกำลังบีบคอของเขาไว้ ไม่ให้เขาส่งเสียงใดๆ ออกมา
เขายื่นมือออกไป อยากจะดึงมือของให้หยุดกิน แต่พอยกมือขึ้นกลางอากาศ เขาก็หยุดชะงักไป แล้วหันไปด้านข้าง คว้าถาดมาวางตรงหน้าเขา แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เจ้า …เจ้ากินช้าๆ …”
“ข้าหิวแล้ว” โจวกุ้ยหลานตอบ แล้วเอื้อมมือไปดึงถาดกลับมา ก่อนจะกินน่องไก่ในมือของนางต่อ
หลังจากกินน่องไก่เสร็จ นางเห็นอีกชามเต็มไปด้วยเนื้อไก่ชิ้นทอดกรอบ นางจึงคว้ามายัดเข้าปากทีละชิ้น
ไม่นาน นางก็กินจนหมดถาด นางส่งเสียงเรอออกมา แต่นางก็ยังรู้สึกร่างกายว่างเปล่า
นางเงยหน้าขึ้นมองไป๋ยี่เซวียนแล้วฝืนยิ้มออกมา: “เถ้าแก่ไป๋ ขอเพิ่มได้ไหม”
“เจ้ากินไม่ได้แล้ว!” ไป๋ยี่เซวียนลุกขึ้นยืนทันที เขาระงับความโกรธและตะโกนใส่นาง
โจวกุ้ยหลานยังคงยิ้มแหย “แต่ข้าหิว ข้าจ่ายเงินก็ได้!”
ไป๋ยี่เซวียนกำหมัดแน่นและกัดฟันกรอด รู้สึกว่าความโกรธกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก
เขาเดินไปดึงโจวกุ้ยหลานที่นั่งอยู่บนโซฟาขึ้นมา แล้วลากนางไปหลังร้าน
“เท้า! ข้อเท้าของข้าเจ็บ!” โจวกุ้ยหลานตะโกนออกมา นางใช้มือจับพนักโซฟาไว้แน่น มือของนางมันเยิ้มเพราะเพิ่งกินไก่ทอด ทำให้ตอนนี้ด้านหลังของโซฟาสกปรกไปด้วย
แต่ในเวลานี้ ไม่มีใครสนใจ
ไป๋ยี่เซวียนหันกลับมามอง แล้วจับแขนอีกข้างของนาง แล้วผลักนางไปข้างหน้า
ในเวลานี้ความเหลื่อมล้ำทางเรี่ยวแรงระหว่างชายและหญิงมีความชัดเจนมาก
โจวกุ้ยหลานถูกเขาผลักไปข้างหน้า และไม่สามารถต้านทานได้ นางพยายามดิ้นรนและร้อง แต่ก็ไม่มีประโยชน์
คนในร้านมองมาทางพวกเขา และดูการกระทำของพวกเขา
บางคนคิดจะเข้ามาห้าม แต่คนข้างๆ เขากระซิบบอกเขาว่านี่คือสองสามีภรรยาเจ้าของร้าน ให้พวกเขาอย่าเข้าไปยุ่ง
คนพวกนั้นถึงได้นั่งลง
โจวกุ้ยหลานก็หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้วเช่นกัน จึงปล่อยให้ไป๋ยี่เซวียนพานางไปที่สวนหลังบ้าน เข้าไปในห้องที่ว่างเปล่า ก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปข้างใน ก่อนจะถูกกดให้นั่งบนเก้าอี้ข้างใน
นางหันศีรษะไปมอง ก็พบว่าไป๋ยี่เซวียนเดินออกไปแล้ว
นางฟุบนอนอยู่บนโต๊ะ ทั้งร่างรู้สึกหมดแรง สิ่งที่แวบเข้ามาในสมองของนาง คือสีหน้าที่เย็นชาและไม่แยแสของสวีฉางหลินและคำพูดสุดท้ายของเขาที่บอกว่าไม่รู้จักนาง
ไม่รู้จักอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาอยู่ด้วยกันมาสองปี มีลูกชายด้วยกันสองคน แต่เขากลับบอกว่าเขาไม่รู้จักนาง?
เมื่อก่อนนางยังปลอบใจตัวเองได้ เขาอาจมีเรื่องลำบากใน ดังนั้นจึงทำเป็นไม่รู้จักนางกับลูกทั้งสอง แต่ตอนนี้ล่ะ?
เขาจะแต่งงานกับองค์หญิงหรือ?
นี่หรือคือสิ่งที่เขาเคยสัญญากับนาง? ว่าในชีวิตนี้เขาจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียว?
นางรู้สึกทรมาน แทบจะหายใจไม่ออก
นางอยากกิน แต่ไป๋ยี่เซวียนกลับขังนางไว้ในห้องนี้
นางฟุบนอนลงบนโต๊ะ หลับตา ในสมองของนางเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งหมด แต่ความทรงจำเหล่านั้นดูเหมือนจะถูกคลุมด้วยผ้าโปร่งโปร่งบางอีกชั้น ดังนั้นนางจึงมองเห็นไม่ชัดเจน
นางพยายามที่จะจดจำใบหน้าของสวีฉางหลิน แต่มีเพียงใบหน้าสุดท้ายที่เย็นชาและไม่แยแสของเขา ส่วนใบหน้าอื่นนางจำไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก นางเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นไป๋ยี่เซวียนเดินเข้ามาพร้อมกล่องไม้ในมือ ก่อนจะเห็นเขาปิดประตูตามหลัง
เขานั่งลง แล้วเปิดกล่องไม้ออก หยิบขวดเหล้าออกมา วางตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน พร้อมกับแก้วเหล้า ก่อนจะหยิบถั่วลิสงทอดออกมาหนึ่งจาน และตะเกียบหนึ่งคู่
จากนั้น เขาก็หยิบขวดเหล้ารินใส่แก้วจนเต็ม แล้วไว้ตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นว่าใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มที่เคยมีแล้ว แต่สีหน้าบึ้งตึง
นางมองลงไปที่แก้วเหล้าตรงหน้า แล้วยื่นมือออกไป หยิบมันยกขึ้นมา แล้วจิบดื่ม ในปากมีรสเผ็ด
นางจิบปาก แล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ ดับกลิ่นเผ็ดในปาก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นดื่มเหล้าในแก้วจนหมด
รับรสได้แล้ว ในที่สุดลิ้นก็รับรสได้แล้ว
โจวกุ้ยหลานหยุดชะงัก และวางแก้วเปล่าไว้ตรงหน้าไป๋ยี่เซวียน
ไป๋ยี่เซวียนเติมเหล้าใส่แก้วให้โจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานหยิบขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้นดื่มจนหมด
หลังจากดื่มเหล้าเข้าไปห้าแก้ว โจวกุ้ยหลานก็เริ่มเมา นางเมาแล้ว แต่กลับฟุบนอนบนโต๊ะเงียบๆ ไม่มีร้องไห้หรืออาละวาดใดๆ
ไป๋ยี่เซวียนมองไปทางโจวกุ้ยหลานที่ฟุบหลับไปแล้ว ดวงตาของเขาก็ฉายแววสงสาร ถึงแม้ปกตินางจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็มองออกว่านางคิดถึงสวีฉางหลินทุกวัน การได้ยินข่าวเช่นนี้ สร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางมาก
ปอยผมหลุดลงมาตรงแก้มของนาง ไป๋ยี่เซวียนยื่นมือของเขาออกไป แต่พอใกล้จะสัมผัสโดนริมฝีปากของนาง เขาก็หยุดชะงักไป แล้วดึงมือกลับมา
เขายืนขึ้นด้วยความร้อนตัว แล้วรีบออกจากห้อง มองไปข้างนอก สูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ก่อนจะสงบสติอารมณ์ได้
เขาหันกลับไป แล้วปิดประตู
พอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง เขาหันไปมองจึงเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาด้วยท่าทางรีบร้อน
เด็กหนุ่มคนนั้นหยุดยืนหอบหายใจตรงหน้าเขา และพูดอย่างรีบร้อน “เถ้าแก่ ข้างนอก… มีคนกำลังก่อปัญหาอยู่ข้างนอก!”
ไป๋ยี่เซวียนหยุดชะงัก จากนั้นก็รีบเดินออกไป เด็กหนุ่มรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
พอไปถึงด้านหน้าร้านอาหาร ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้โวยวายเสียงดัง และมีผู้คนยืนมุงดู
เขารีบเดินเข้าไป และได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นร้องไห้โวยวาย
ผู้คนที่ยืนมุงดูตะโกนขึ้นมา “นี่ไง ร้านอาหารนี้เป็นของเขา!”
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นไป๋ยี่เซวียน นางก็รีบเดินไปไป๋ยี่เซวียนกำลังจะลงไม้ลงมือ ไป๋ยี่เซวียนรีบก้าวถอยหลัง และมีชายสองคนที่หน้าประตูรีบเข้ามาขวางนางไว้
“นายหญิง ช่วยเด็กก่อนเถอะ” ไป๋ยี่เซวียนรีบเตือน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเคยเปิดร้านอาหารมาหลายร้าน และไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จะจริงหรือเท็จต้องเรียกท่านหมอมาช่วยชีวิตคนก่อน
“ช่วยอะไร ลูกข้าตายแล้ว! เขาตายหลังจากดื่มน้ำโค้กของร้านเจ้า!” นางร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหล
แม้แต่คนที่ได้ยินเรื่องนี้ก่อนแล้ว แต่พอมาได้ยินอีกครั้ง พวกเขาก็ยังตกใจ