เจียงซื่อมองไปที่จิ่งหมิงฮ่องเต้
ภายในห้องมีแสงไฟส่องสว่าง ทำให้มองเห็นพระขนงที่ขมวดเป็นปมแน่น รอยย่นที่หางตา และปอยเกศาสีเงินของจิ่งหมิงฮ่องเต้ได้อย่างชัดเจน
ระหว่างมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์ หากมีคนหนึ่งตาย คนหนึ่งรอด แม้ยึดตามหลักปฏิบัติของต้าโจวก็ยังเป็นตัวเลือกที่ยากยิ่ง
หากบิดาต้องการให้บุตรตาย บุตรก็จะต้องตาย หากบุพการีในวัยชราร้องทุกข์ต่อทางการว่าบุตรอกตัญญู ทางการจะช่วยบุพการีลงทัณฑ์บั่นคอบุตรเขาโดยไม่ให้โอกาสแก้ตัว เพราะถือว่านี่คือพฤติการณ์ชั่วช้า
ฉะนั้นสำหรับจิ่งหมิงฮ่องเต้แล้ว ความลังเลระหว่างมารดาและลูกสะใภ้ถือว่าแสดงความใจกว้างมากแล้ว
เจียงซื่อไม่อาจรอให้จิ่งหมิงฮ่องเต้เป็นคนตัดสินใจ นางเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพ่อ เสด็จย่าในตอนนี้ถูกกู่สัมพันธ์แม่ลูกของตั่วหมัวมัวควบคุมอยู่ หากฝ่ายตั่วหมัวมัวหมายจะให้มัจฉาตายตาข่ายขาด[1] ก็อาจกระทบต่อชีวิตของเสด็จย่า แต่หากหม่อมฉันย้ายหนอนพิษกู่ตัวลูกมาไว้ในร่างของหม่อมฉัน หม่อมฉันมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมมันได้เพคะ พระองค์ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันทราบดี แต่เสด็จย่าทรงมีชันษามากแล้ว เกรงว่าอาจทนความเจ็บปวดทรมานเช่นนั้นไม่ไหวเพคะ…”
“เจ้ามั่นใจจริงๆ งั้นหรือ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ดวงตาเป็นประกาย
เจียงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอนเพคะ”
มุมปากของฮองเฮากระตุกไหววูบ นางสงสัยว่าความสามารถเช่นนี้ก็เป็นศาสตร์วิชาที่ติดตัวนางมาแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ เพียงแต่นางไม่ได้ถามออกไป
ฮ่องเต้เคยส่งหน่วยองครักษ์จิ่นหลินไปสืบมาก่อนแล้ว หากพระชายาเยี่ยนอ๋องมีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์มนาจริง ฮ่องเต้คงไม่เพิ่งสงบสติอารมณ์ได้เอาบัดนี้
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบงัน
เวลาคืบเคลื่อนไปทีละน้อย
ฮองเฮาไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้ จึงออกปากเร่งเร้า “ฝ่าบาท?”
หากยังตัดสินใจไม่ได้จะไม่ทันการณ์
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไปที่เจียงซื่อด้วยอารมณ์สับสนยุ่งเหยิง “สะใภ้เจ็ด ข้าขอฝากชีวิตไทเฮาไว้กับเจ้า”
แม้ว่าเขาจะอยากให้สัญญากับลูกสะใภ้ ทว่ากล่าวไม่ออกเลยสักคำเดียว
เพราะหากมีอันเป็นไป คำมั่นสัญญาย่อมไร้ความหมาย แต่หากนางรักษาได้สำเร็จ เขาก็ต้องตอบแทนไปตามเรื่อง
เมื่อฮองเฮาเห็นว่าฮ่องเต้ตกลงใจได้เสียที นางถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับหันไปถามเจียงซื่อ “มีของสิ่งใดที่เจ้าต้องใช้หรือไม่ เพลานี้ไทเฮาน่าจะเข้าบรรทมไปแล้ว…”
“ไม่ต้องเตรียมสิ่งใดทั้งนั้นเพคะ ให้คนพาหม่อมฉันไปหาไทเฮาก็พอแล้วเพคะ ดีเสียอีกที่เสด็จย่ากำลังบรรทมอยู่ ในตอนย้ายหนอนพิษกู่ตัวลูก ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวนเป็นอันขาดนะเพคะ…” เจียงซื่อบอกเงื่อนไข
“ฮองเฮา เจ้าสั่งคนให้พาสะใภ้เจ็ดไปเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบของนางใน แล้วให้นางเข้าไปเยี่ยมไทเฮาพร้อมพวกเราก็แล้วกัน”
ฮองเฮาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งให้คนพาเจียงซื่อออกไป
ในตอนนั้น ภายในห้องเหลือเพียงฮ่องเต้และฮองเฮา บรรยากาศในห้องอึมครึมอยู่พักใหญ่
“ข้าเห็นแก่ตัวเกินไปใช่ไหม” จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำลายความเงียบ
ฮองเฮาใคร่ครวญก่อนจะตอบ “ใครต่างก็มีคนที่ตนรักทั้งนั้น ไทเฮาเลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนเติบใหญ่ พระองค์อย่าโทษตัวเองไปเลยเพคะ”
“หากเกิดเรื่องไม่ดีกับสะใภ้เจ็ด ข้าคงไม่มีหน้าไปสู้เจ้าเจ็ด…”
ฮองเฮาเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบแห้ง “โลกนี้ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่างเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หัวเราะอย่างขมขื่น “ข้ารู้ ระหว่างสะใภ้เจ็ดกับไทเฮา ข้าต้องเลือกไทเฮา แต่ความจริงแล้วหากนางไม่พูดแต่แรก นางคงไม่ต้องเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเช่นนี้ เด็กคนนี้ช่างมีใจกตัญญูเหลือเกิน หนี้บุญคุณของนาง ข้าจะไม่มีวันลืม…”
“ฝ่าบาทวางพระทัยเถิดเพคะ พระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นคนดี สวรรค์ต้องคุ้มครองนางแน่นอนเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ผงกพระเศียร
แม้คำปลอบประโลมจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ต้องการมันมากกว่าสิ่งใด
แต่ถ้าหาก…แต่ถ้าหากสะใภ้เจ็ดเป็นอะไรไป เขาจะชดใช้ให้แก่บิดาและพี่ชายของนาง และจะปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขาไปชั่วชีวิต
ไม่นานนัก นางกำนัลก็พาเจียงซื่อกลับเข้ามาในชุดกระโปรงธรรมดาเฉกเช่นนางในทั่วไป
จิ่งหมิงฮ่องเต้อดถามไม่ได้ “สะใภ้เจ็ด เจ้ามีอะไรจะฝากฝังหรือไม่”
เจียงซื่อหันไปค้อมตัวให้ฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ไม่ว่าหม่อมฉันจะทำสำเร็จหรือไม่ ขอเสด็จพ่อโปรดอย่าบอกความจริงกับอาจิ่นนะเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้าแช่มช้า “ได้ ข้าสัญญา”
ฮ่องเต้และฮองเฮาเดินจูงมือกันไปที่ตำหนักฉือหนิง ส่วนเจียงซื่อก็เดินรวมกลุ่มไปกับเหล่านางในที่เหลือ
ไฟในตำหนักฉือหนิงยังคงสว่างไสว
เนื่องจากพระหัตถ์ของไทเฮามีอาการปวดร้าวระบมขึ้นมากะทันหัน แพทย์หลวงจึงถูกตามตัวมาที่นี่ ไม่มีใครข่มตาหลับได้ลง และแม้แต่แพทย์หลวงอาวุโสก็ยังถูกเชิญมาด้วย
ทันทีที่เห็นฮ่องเต้และฮองเฮา ขันทีที่หน้าประตูก็เตรียมเข้าไปรายงาน ทว่าถูกฮ่องเต้ห้ามไว้เสียก่อน
“อย่าไปรบกวนการพักผ่อนของไทเฮาเลย”
หมัวมัวผู้ดูแลกิจการฝ่ายในเข้ามาถวายความเคารพ
“ข้าได้ยินว่าอาการของไทเฮาทรุดหนัก ข้าถึงได้รีบมาดู บัดนี้พระนางเป็นอย่างไรบ้าง”
หมัวมัวเดินตามจิ่งหมิงฮ่องเต้เข้าไปด้านในพลางตอบ “บัดนี้เหนียงเหนียงกำลังบรรทมอยู่เพคะ”
“ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”
ไม่นานก็เข้ามาถึงด้านในตำหนัก ไทเฮาในขณะนี้กำลังหลับสนิท
สภาพภายนอกของนางดูเหมือนคนปกติ มีเพียงพระขนงที่ขมวดแน่นเป็นปม
“เจ้าออกมาอธิบายอาการของไทเฮาให้ข้าฟังที่โถงด้านนอกซิ” จิ่งหมิงฮ่องเต้พยายามกันหมัวมัวออกไป พร้อมหันไปบอกฮองเฮา “ข้าเป็นห่วงไทเฮา ฮองเฮาเจ้าอยู่เฝ้าพระนางในนี้ก็แล้วกัน”
“ขอฝ่าบาททรงวางพระทัย” ฮองเฮากล่าวพร้อมค้อมตัวให้ฮ่องเต้ รอจนจิ่งหมิงฮ่องเต้พาหมัวมัวและคนอื่นๆ ออกไปจนหมดแล้ว นางก็หันไปกล่าวแก่เจียงซื่อ “พระชายา ที่เหลือข้าฝากเจ้าด้วย”
ฮองเฮาเดินไปเฝ้าที่ประตูอย่างรู้งาน พร้อมกับหันหลังให้กับห้องบรรทม
เจียงซื่อพิศมองฮองเฮาครู่หนึ่งแล้วจึงเอื้อมมือไปวางไว้ที่ของมือของไทเฮา
นางตรวจสอบชีพจรของไทเฮาแล้วกลับมีความรู้สึกสงสัยเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่ากู่สัมพันธ์แม่ลูกจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างของไทเฮาได้ไม่นาน
ทั้งที่ตั่วหมัวมัวรับใช้ไทเฮามานานหลายสิบปี แต่ไฉนถึงได้เลือกลงมือเอาตอนนี้
เจียงซื่อปล่อยความสงสัยแล่นวนเพียงชั่วครู่ เนื่องจากทราบดีว่ามีเวลาอยู่อย่างจำกัด นางรีบทำการย้ายหนอนพิษกู่ตัวลูกผ่านเข้ามาทางมือของนาง
เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เจียงซื่อก็เดินไปยืนอยู่ข้างหลังฮองเฮาพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “เสด็จย่า พระอาการดีขึ้นแล้วเพคะ”
ความตึงเครียดของฮองเฮาคลายลงในบัดดล นางสั่งให้นางในคนสนิทไปรายงานฮ่องเต้
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับเข้ามาพร้อมถามฮองเฮา “เสด็จแม่เป็นเช่นไรบ้าง”
“เสด็จแม่หลับสนิทอยู่ตลอดเวลาเลยเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมหันไปกล่าวแก่หมัวมัวผู้ดูแลกิจการฝ่ายใน “คืนนี้พวกเจ้าก็เฝ้าไทเฮาให้ดี หากมีเรื่องอะไรเร่งด่วนก็ให้คนไปรายงานข้าและฮองเฮาได้ทันที”
แม้หมัวมัวจะแปลกใจกับการที่ทั้งสองพระองค์มาถามไถ่อาการไทเฮาถึงที่ดึกๆ ดื่นๆ แต่กระนั้นก็อดซาบซึ้งในความกตัญญูของทั้งสองไม่ได้
“ไม่ต้องรายงานไทเฮาว่าข้ากับฮองเฮามาที่นี่ พระนางจะได้ไม่เป็นห่วง”
“บ่าวทราบแล้วเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่อาจรอให้กลับไปถึงตำหนัก เขาหันไปถามความคืบหน้าจากเจียงซื่อ “ว่าอย่างไรบ้าง”
เจียงซื่อคลี่ยิ้ม “หนอนตัวลูกเข้ามาอยู่ในร่างของหม่อมฉันเรียบร้อยแล้วเพคะ บัดนี้พระวรกายของไทเฮาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเพคะ”
“แล้วเจ้า…” ประโยคของจิ่งหมิงฮ่องเต้ขาดห้วง เขารู้สึกผิดกับแววตาเปล่งประกายตรงหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้กับคนที่อายุน้อยกว่า เป็นเรื่องจริงที่มนุษย์เราไม่ควรทำเรื่องน่าละอายแก่ใจ
“โชคดีที่หนอนตัวลูกเข้าไปอยู่ในร่างของไทเฮาได้ไม่นาน ยังมิได้กลายร่างเป็นมวลสารขนาดใหญ่ หม่อมฉันจึงสกัดมันได้ ไม่เป็นปัญหาเลยเพคะ”
“แล้วถ้าหากตั่วหมัวมัวทำร้ายตัวเอง หรือหากนางถูกทรมาน จะส่งผลกับเจ้าหรือไม่”
“เสด็จพ่อวางพระทัยได้เพคะ หากหนอนตัวลูกถูกสกัดไว้แล้ว หนอนตัวแม่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ้มได้ในที่สุดพร้อมกล่าว “ดีเหลือเกิน ช่างดีเหลือเกิน”
ฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ กล่าวเตือน “ฝ่าบาท ตั่วหมัวมัวบอกว่านางยังมีหนอนพิษกู่ชนิดอื่นๆ อยู่ในร่างของนางอีกนะเพคะ หากจับนางไปทรมาน นางสามารถปลิดชีพของตัวเองด้วยหนอนพิษนั้นในเวลาเพียงชั่วอึดใจ หากเป็นเช่นนี้ การจะเค้นความจริงจากปากนางคงเป็นเรื่องยากยิ่ง…”
“เรื่องนั้น หม่อมฉันจะลองดูเพคะ”
————————————————–
[1] มัจฉาตายตาข่ายขาด แปลว่า สู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย