สายตาที่จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไปยังเจียงซื่อเรียกว่าเป็นความรู้สึกทึ่ง
ชาติที่แล้ว สะใภ้ของเขาคนนี้แอบไปร่ำเรียนวิชาจากเผ่าอูเหมียวมาหรือ
จิ่งหมิงฮ่องเต้เคยส่งหน่วยองครักษ์จิ่นหลินไปสืบเรื่องของเจียงซื่อ แต่ข้อมูลที่ได้มายืนยันว่า นางเป็นเพียงสตรีชั้นสูงทั่วไป ฉะนั้นนางไม่น่าข้องเกี่ยวกับคนอูเหมียวอย่างแน่นอน
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกงุ่นง่านใจคือ เจ้าเจ็ดไอ้ลูกชายตัวดีรู้จักเจียงซื่อตั้งแต่แรกแล้ว! มิน่าในงานชมดอกเหมยถึงได้มอบดอกเหมยทั้งหมดให้นาง นั่นก็หมายความว่าแอบหมายตานางมาตั้งนานแล้ว แต่กลับมาเล่นละครตบตาเขาเสียอย่างนั้น
แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยเรื่องนั้นไป
ผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างจิ่งหมิงฮ่องเต้เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของคนหนุ่มเป็นอย่างดี
“สะใภ้เจ็ด เจ้าจะลองอย่างไรรึ”
เจียงซื่อตอบราบเรียบ “หม่อมฉันจะลองสกัดหนอนพิษกู่ในร่างตั่วหมัวมัวดูเพคะ”
“หนอนพิษกู่ในร่างคนอื่นก็สกัดได้อย่างนั้นหรือ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถามอย่างใคร่รู้
เจียงซื่อผงกศีรษะรับก่อนจะอธิบาย “หม่อมฉันสามารถสกัดกู่สัมพันธ์แม่ลูกในร่างได้ เลยคิดว่าน่าจะสกัดหนอนพิษกู่ชนิดอื่นๆ ในร่างของตั่วหมัวมัวได้ด้วยหลักการเดียวกันเพคะ”
การจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอูเหมียวต้องมีพรสวรรค์ติดตัวเป็นอันดับแรก เพราะหากปราศจากพรสวรรค์แล้วไซร้ ต่อให้มุมานะเพียงใด ก็เป็นได้เพียงคนเลี้ยงหนอนพิษกู่ธรรมดาเท่านั้น
ในเผ่าอูเหมียว ผู้เดียวที่สามารถสกัดหนอนพิษกู่ได้คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ จึงนับว่านี่จะเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมากับผู้ที่ได้รับตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความลึกลับที่ไม่อาจอรรถาธิบายให้เข้าใจได้
ว่ากันว่า สาเหตุที่ตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกเว้นว่างในขณะนี้ เป็นผลอันเนื่องมาจากในบรรดาสตรีที่ถูกเลือก ไม่มีผู้ใดมีวิชาสกัดหนอนพิษกู่เลยสักคนเดียว
เจียงซื่อจำได้ว่าตอนที่นางฝึกวิชาสกัดหนอนพิษกู่ได้สำเร็จ หัวหน้าผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียวตกตะลึงเพียงใด
ในตอนนั้น หัวหน้าผู้อาวุโสจ้องมองมาที่นางด้วยความประหลาดใจพร้อมโพล่งออกมาว่า “มิน่าล่ะ…”
เพียงแต่ตอนนั้น หัวหน้าผู้อาวุโสมิได้กล่าวต่อให้จบ ส่วนนางก็มิได้ติดใจจะถาม
แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทัศนคติของหัวหน้าผู้อาวุโสอูเหมียวที่มีต่อนางก็เปลี่ยนไป นางถ่ายทอดวิชาให้เจียงซื่อด้วยความใจเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับเจียงซื่อแล้ว หากหัวหน้าผู้อาวุโสมิได้มาด้วยตนเอง การจะจัดการกับผู้อาวุโสรุ่นแรกอย่างผู้อาวุโสฮวาวั่วอาจต้องใช้กำลังมากพอตัว แต่ทว่าการใช้วิชาสกัดหนอนพิษกู่ในร่างผู้อาวุโสรุ่นที่สองอย่างตั่วหมัวมัวกลับมิได้ยากเย็น
“ที่แท้ก็ใช้หลักการเดียวกันนี่เอง…” จิ่งหมิงฮ่องเต้ลูบเครา ทว่าในใจอยากถามออกไปว่า หลักการที่ว่าหมายถึงหลักการอะไร แต่กระดากอายเกินกว่าจะถาม เขาถึงได้ตอบสนองไปเช่นนั้น และหันไปส่งสายตาให้ฮองเฮาแทน
ฮองเฮารู้งานเป็นอย่างดีจึงเอ่ยถาม “เรื่องที่พระชายาเล่า ฟังดูลึกลับ เกินความเข้าใจของข้าไปเสียหน่อย การจะสกัดหนอนพิษกู่ในร่างของอีกคนต้องใช้หลักการเดียวกันที่ว่าคือหลักการอะไรงั้นหรือ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลอบพยักพระพักตร์เห็นพ้อง
ฮองเฮาประเสริฐกว่าเสียนเฟยจริงๆ
เจียงซื่อส่งยิ้ม “เรื่องนี้ลึกลับซับซ้อนจริงตามที่เสด็จแม่ตรัส ดังนั้นการจะให้หม่อมฉันอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นงานยากยิ่ง แต่หากจะเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณก็ย่อมได้เพคะ…”
ฮองเฮาถูผ้าเช็ดหน้าในมือ
เมื่อเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิด คงไม่มีความจำเป็นต้องถามอีกแล้ว
นางหันมองจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างช่วยไม่ได้
ฝ่ายจิ่งหมิงฮ่องเต้เองก็จนปัญญาจะซักไซ้ เพียงแต่ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถสกัดหนอนพิษกู่ในร่างตั่วหมัวมัวก่อนที่นางฆ่าตัวตายหนีความผิดได้”
ในตอนนั้นเจียงซื่อไม่ได้ตอบคำถามของจิ่งหมิงฮ่องเต้
เมื่อเป็นเจียงซื่อ จิ่งหมิงฮ่องเต้ดูอดทนมากกว่าปกติแล้ว เขายังคงรอคำตอบจากนางเงียบๆ
ผ่านไปนานหลายอึดใจก่อนที่เจียงซื่อจะคลี่ยิ้มออกมา “เสด็จพ่อ บนโลกนี้มีอะไรแน่นอนด้วยหรือเพคะ ลูกเพียงแต่จะลองทำอย่างสุดความสามารถ หากว่าลูกสกัดหนอนพิษกู่ในตัวตั่วหมัวมัวได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่หากไม่สำเร็จ อย่างแย่ที่สุดก็แค่กลับไปเป็นอย่างเดิม พระองค์ว่าจริงไหมเพคะ”
นางไม่อยากให้จิ่งหมิงฮ่องเต้จดจำว่านางมีอิทธิฤทธิ์เสกทุกสิ่งได้ดั่งใจนึก
เพราะเกรงว่าจะติดเป็นนิสัย เพราะต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิก็มิควรมีนิสัยเช่นนั้น
หากปล่อยให้คนอื่นๆ คิดว่านางเนรมิตทุกสิ่งได้ ผลลัพธ์ในสองครั้งแรกอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซึ้ง แต่หากหลายครั้งเข้า อีกฝ่ายคงทึกทักว่าไปว่านางต้องทำได้ ในอนาคตอาจกลายเป็นว่าหากนางไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอีกฝ่าย อาจเป็นเหตุให้นางถูกลงโทษ
ที่กล่าวมามิได้เจาะจงว่าเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแท้จริงแล้ว เรื่องเช่นนี้คือธรรมชาติของมนุษย์
จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่ถูกถามเช่นนั้นรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาหัวเราะกลบเกลื่อน “จริงของสะใภ้เจ็ด ข้าคิดน้อยไปเอง”
ฮองเฮาแอบตกพระทัยอยู่ข้างๆ
พระชายาเยี่ยนอ๋องช่างอาจหาญเสียจริง กล้าต่อกรแม้กระทั่งฮ่องเต้
เจียงซื่อเพียงแต่เม้มปากเบาๆ กับปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮา
เช่นเดียวกันกับที่นางเคยดูถูกองค์หญิงใหญ่หรงหยางเมื่อครั้งก่อนว่า คนที่ไร้ความสามารถจะทำทุกวิถีทางให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้บังคับบัญชาจะเป็นตัวกำหนดความรู้สึกของคนผู้นั้น
หากต้องเป็นเหมือนคนพวกนั้น นางขอเลือกวางตัวให้น่าเคารพดีกว่า
ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ยอมถอย เจียงซื่อรู้สึกว่าการตัดสินใจก่อนแต่งงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ว่าจะไม่อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ นั้นถูกต้องแล้ว
แม้ว่าสุดท้ายจุดจบอาจไม่ต่างกัน แต่นางกลับไม่รู้สึกเสียดาย เพราะอย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
หากนางไม่ได้ตั้งครรภ์ และมีสุราอยู่ในมือตอนนี้พร้อมกับคนที่นางรัก นางคงนั่งเริงอภิรมย์อยู่กับเขาทั้งวัน
“ถ้าเช่นนั้น ก็ไปเค้นความจริงจากปากตั่วหมัวมัวกันเถอะ!” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตัดสินพระทัยในทันที
เพราะเขาเห็นว่าสะใภ้เจ็ดช่วยไทเฮาได้อย่างราบรื่น ถึงได้หลงคิดไปว่านางต้องทำสำเร็จ โชคดีที่นางเตือนเขาได้ทันเวลา
ภายในห้องที่มีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ตั่วหมัวมัวในขณะนั้นยังมีสติครบถ้วน
สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่นางไม่วางตา ประหนึ่งว่านางจะแปลงร่างเป็นยุงบินหนีไป และเพราะเหตุนี้ นางถึงไม่อาจข่มตาหลับได้ลง
ประตูถูกเปิดออก พานไห่ก้าวเท้าเข้ามาเป็นคนแรก
ตั่วหมัวมัวคร้านจะหันไปมอง นางยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง
พานไห่ขยับไปยืนด้านข้าง พร้อมเชิญฮ่องเต้และฮองเฮาเข้ามา
เปลือกตาของตั่วหมัวมัวถึงได้ขยับไหว นางเอ่ยถาม “ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี ฝ่าบาทก็ทรงเปลี่ยนพระทัยแล้วหรือเพคะ หรือว่าพระองค์จะปล่อยหม่อมฉันออกจากวังก่อนกำหนดเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หัวเราะเยาะ “เปลี่ยนใจน่ะใช่ แต่เรื่องปล่อยเจ้าออกจากวังน่ะ ฝันไปเถอะ!”
ความรู้สึกของการเป็นต่อนี่มันดีต่อใจเหลือเกิน
เขาชำเลืองมองด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
เจียงซื่อรอท่าอยู่ด้านนอก ไม่ได้ตามเข้ามา
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกหวั่นวิตกเล็กน้อย เขาเพียงแต่ได้ยินว่าเจียงซื่อกำจัดหนอนพิษกู่จากตัวไทเฮา ทว่าไม่ได้เห็นกับตา แต่กระนั้น ลึกๆ เขาเองก็รู้สึกว่าสะใภ้เจ็ดไม่น่าเอาเรื่องเช่นนี้มาล้อเล่น
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเหลือเพียงตัวเลือกเดียว
ตั่วหมัวมัวไม่ทราบว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากที่ใด นางจึงกล่าววาจาเสียดเย้ย “ฝ่าบาทไม่ห่วงความปลอดภัยของไทเฮาหรือเพคะ ดูเหมือนว่าความกตัญญูที่พร่ำแสดงตลอดมาจะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง!”
“หุบปาก! เรื่องระหว่างข้ากับไทเฮา เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแสดงความคิดเห็น!” จิ่งหมิงฮ่องเต้พ่นลมหายใจเย็นชา พลางหันไปกล่าวแก่พานไห่ “ข้าจะอยู่ดูนางที่นี่ เค้นความจริงจากปากนางมาให้ได้ว่าเหตุใดนางถึงมาก่อเรื่องวุ่นวายในวังหลวง!”
พานไห่รับคำสั่ง แล้วหันไปส่งสายตาให้ข้าหลวงอีกสองคน
ข้าหลวงสองคนเข้ามาจับตัวตั่วหมัวมัวด้านซ้ายหนึ่งคน ด้านคนขวาหนึ่งคน มือของนางถูกตรึงแน่นอยู่กับที่ เข็มเหล็กถูกตอกเข้าที่เล็บมือของนาง
ตั่วหมัวมัวร้องครวญคราง แต่เมื่อร่างกายชินชากับความเจ็บปวดนั้นแล้ว ใบหน้าของนางก็บิดเบี้ยวด้วยความพรั่นพรึง “ทำไมนางถึงไม่เป็นอะไรเลย เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาหันไปสบตากับฮองเฮาแวบหนึ่ง
ทั้งคู่เห็นรอยยิ้มผ่านแววตาของกันและกัน
พระชายาเยี่ยนอ๋องสกัดหนอนสัมพันธ์แม่ลูกได้จริงๆ ด้วย!
ภายหลังความตกตะลึงนั้น ตั่วหมัวมัวก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้ นางรีบปลุกกู่กินใจในร่างของตัวเอง
กู่กินใจจะกัดกินหลอดเลือดหัวใจในเสี้ยววินาที สะดวกและรวดเร็ว ถือเป็นวิธีการฆ่าตัวตายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทันทีที่นางใช้วิชาปลุกหนอนพิษกู่ กู่กินใจที่หลับใหลอยู่ในอวัยวะหัวใจก็ตื่นขึ้น ทว่าการตอบสนองของมันทำให้สีหน้าของนางแลดูพิลึกพิลั่น