บทที่ 530 สารภาพผิด

สำหรับสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง พวกเขาเป็นเหยื่อตามคำสั่งของฉินจ้าวศิษย์จากเหลียงโจว เพราะสำหรับฉินจ้าวแล้วทั้งสองเหมือนภัยคุกคาม

ศาลต้าหลี่ไปพาฉินจ้าวมาเพื่อสอบปากคำทันที

“ก่อนสอบ ฉู่จิ้นได้แอบยัดโพยให้สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง เขาให้การว่าเจ้าเป็นคนสั่ง เจ้ามีอะไรจะแก้ต่างไหม?” เจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ถาม

“สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งความจำดีมาก เขาต้องใช้โพยโกงข้อสอบหรือ?” ฉินจ้าวประชด

“หากข้าจะทำร้ายพวกเขาทั้งสองคน ข้าจะใช้วิธีที่ตื้นเขินเช่นนี้หรือ?”

“ในการสอบหน้าพระที่นั่งข้าจะต้องได้จ้วงหยวนอันดับหนึ่งอยู่แล้ว สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อจัดการพวกเขา” น้ำเสียงของฉินจ้าวเย่อหยิ่ง

“ความบริสุทธิ์คือความบริสุทธิ์ ความผิดคือความผิด ข้าจะเผชิญหน้ากับฉู่จิ้นในศาลเอง”

ฉินจ้าวและฉู่จิ้นโต้แย้งกันในศาล ฉินจ้าวถามคำถามสองสามข้อ ฉู่จิ้นไม่สามารถหาข้อโต้แย้งได้ เขาจึงต้องสารภาพผิดทั้งหมด

เป็นเพราะเขาไม่อาจเอาชนะสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งได้ หากสองคนนี้ถูกตัดสิทธิ์ เขาจะได้อันดับหนึ่งจึงเลือกที่จะโจมตีคนทั้งสอง ฉู่จิ้นถูกศาลต้าหลี่ตัดสินโทษโดยการโบยห้าสิบไม้และถูกเนรเทศไปทำงานหนักที่ชายแดน

หลังจากจบการพิจารณาคดี เขาก็เดินโซเซทันที

“ใต้เท้า ข้าสำนึกแล้ว ข้ารับผิดแล้ว อย่าเนรเทศข้าเลย ใต้เท้าขอรับ ท่านโบยข้าได้!”

“ใต้เท้า ข้าหลงผิดไปชั่ววูบได้โปรดเถอะ ข้าเรียนมาสิบปีแล้วให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถอะขอรับ!”

เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เขาจึงได้เกิดความกลัว แต่ไม่เคยคิดเลยว่าด้วยแผนการของเขาจะทำให้บัณฑิตที่ตรากตรำเรียนหนังสืออย่างหนักมาตลอดสิบปีจะเสียโอกาสไปมากแค่ไหน อนาคตของพวกเขาพังพินาศและถูกตราหน้า

ไม่ว่าฉู่จิ้นจะอ้อนวอนมากสักเพียงใด การตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง ศาลต้าหลี่แจ้งให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบการสอบรับรู้ถึงผลการตัดสิน

หลังจากการเจ้าหน้าที่ได้รู้ว่าสวี่ลู่ไป๋เป็นผู้บริสุทธิ์ เขาก็คืนคุณสมบัติของบัณฑิตให้ เมื่อสวี่ลู่ไป๋ได้ทราบข่าวเขาร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขานอนไม่ได้เลย เอาแต่ตั้งตารอข่าวของศาลต้าหลี่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นข่าวดีเช่นนี้!

ศาลต้าหลี่คืนความบริสุทธิ์ให้เขา เขายังสามารถมาสอบได้อีกครั้งแม้จะต้องรอถึงสามปีแต่ก็ยังมีโอกาส!

นั่นคือความหวัง ในช่วงสามปีนี้เขาจะพยายามให้หนักเพื่อที่จะคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนมาให้ได้!

หากเขาไม่ได้พบกับหญิงสาวคนนั้นเขาคงกลายเป็นศพเน่าอืดในตอนนี้ไปแล้ว ซ้ำยังมีมลทินติดตัวตามไปอีกด้วย

ผู้หญิงคนนั้นคือของขวัญที่สวรรค์ส่งมา!

ผู้มีพระคุณของเขานามว่าถังหลี่ นางเป็นฮูหยินของเจ้ากรมอาญา

สวี่ลู่ไป๋สลักชื่อของผู้มีพระคุณไว้ในใจอย่างลึกซึ้ง เขาไปที่จวนอู่โหวและขอบคุณถังหลี่ก่อนจะเอ่ยลา

“ฮูหยิน ข้าจะกลับไปที่ฉิงโจวและจะมาสอบชุนเหวยในอีกสามปีข้างหน้า” สวี่ลู่ไป๋กล่าว

“ข้าขอให้ท่านคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนมาให้ได้ในอีกสามปีข้างหน้านะ”

“ขอบคุณขอรับฮูหยิน” สวี่ลู่ไป๋โค้งคำนับให้ถังหลี่ก่อนจะหันหลังจากไป

พริบตาเดียวก็เข้ากลางเดือนสามแล้ว เป็นเวลาที่จะประกาศผลการสอบ ที่หน้ากระดานประกาศมีผู้คนมากมายกำลังรายล้อมต่างคนต่างชะเง้อดูค้นหาชื่อของตัวเอง

มีทั้งผู้ที่สมหวังและสิ้นหวัง

“จื่ออั๋ง ข้าเห็นชื่อเจ้าแล้ว!” สวี่เจวี๋ยเขย่งมองไปที่ด้านใน เขาร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นชื่อของเว่ยจื่ออั๋ง

“แล้วของเจ้าล่ะ?” สวี่เจวี๋ยเขย่งเท้ามอง

“ชื่อของข้าอยู่ถัดจากเจ้า” สวี่เจวี๋ยรีบหาชื่อของเขา

“จั๋วชู ข้าเห็นชื่อจั๋วชู!” ทั้งสามคนสอบติด

เว่ยจื่ออั๋งยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง ทั้งน่ารักและอ่อนหวาน เมื่อสองคนเห็นรายชื่อของตนแล้ว พวกเขาโดนใครบางคนจับที่หัวไหล่จากด้านหลัง

“ไม่เลวนี่” เสียงของจ้าวจิ่งซวนดังขึ้นที่ข้างหูของเขา

จ้าวจิ่งซวนเป็นองค์ชาย เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมสอบด้วย ในช่วงระหว่างการสอบ เขาไม่ได้ไปที่กั๋วจื่อเจี้ยนเลย

จ้าวจิ่งซวนกลับวัง แต่สามวันที่ผ่านมานี้เขานอนไม่ค่อยหลับเพราะกังวลใจมาก

“ไม่เคยเห็นเจ้ากังวลแบบนี้เวลาสอบเลย” พระมารดาหรือพระสนมเหลียงหยอกล้อเขา

“ต่อให้ข้าไม่ได้เข้าร่วมสอบด้วย ข้าก็กังวล”

จ้าวจิ่งซวนพูดอย่างไม่อาย เขาหัวเราะเสียงฮิๆ ออกมา

“สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเป็นเหมือนพี่น้องของข้า ข้ารอให้พวกเขาทำให้ข้าได้หน้า”

เขาเป็นคนไม่เอาไหน แต่มีน้องชายถึงสองคนที่ทำให้เขาสามารถคุยโวได้ เขาจึงได้รู้สึกกังวลในการประกาศผลสอบ

ในที่สุดผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ทั้งคู่สอบติด เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยหันไปมองเขา

“พวกเจ้าสอบติดตามที่พี่คาดจริงๆ” จ้าวจิ่งซวนมีความสุขมาก

“ไปเถอะ พี่ชายคนนี้จะพาไปกินของอร่อยๆ”

“ครอบครัวของข้าเตรียมมื้อเที่ยงเอาไว้แล้ว มารดาขอให้ข้ากลับไปกินที่จวน” จ้าวจิ่งซวนยิ่งดีใจเขายิ้มกว้างขึ้น

“ดี! ข้าจะไปกินข้าวที่จวนพวกเจ้า”

จ้าวจิ่งซวนที่ผิวหน้าหนาจึงได้ตามเด็กทั้งสองไปกินข้าวที่จวนอู่โหวด้วย

เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ยและจั๋วชูอยู่ในลำดับต้นทั้งสามคน แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ทางการเรียนรู้ของพวกเขาคือของจริง

เมื่อผลสอบออกมาทั้งจวนอู่โหวมีความสุขมาก มื้อกลางในวันนี้จึงเป็นการเลี้ยงฉลอง

ต่อไปก็เป็นการสอบหน้าพระที่นั่งแล้ว ทั้งสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งให้ความสนใจกับการสอบหน้าพระที่นั่งอย่างจริงจัง

เนื่องจากในการสอบครั้งนี้ฮ่องเต้จะทรงเป็นผู้ตั้งคำถามเป็นการส่วนพระองค์ ฮ่องเต้จะทรงมีส่วนร่วมวินิจฉัยตรวจคำตอบ และตัดสินผู้ที่ได้สามอันดับแรก

การแข่งขันสามอันดับแรกในปีนี้จึงค่อนข้างดุเดือดมาก

ผู้ท้าชิงมีที่มาจากกั๋วจื่อเจี้ยนอย่างสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง หรือแม้กระทั่งฉินจ้าวที่เป็นผู้สมัครจากต่างเมือง

ว่ากันว่าในการสอบชุนเหวยนั้นผู้ตรวจต่างประหลาดใจกับกระดาษคำตอบของทั้งสามคน พวกเขาผลัดเวียนกันอ่านและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้เข้าสอบในปีนี้เข้มข้นและน่าตื่นตามาก

พริบตาเดียวก็ถึงต้นเดือนเมษายนแล้ว

ก่อนวันสอบหน้าพระที่นั่ง

จวนรุ่ยอ๋อง

จ้าวชูกำลังเล่นหมากรุกกับฉินจ้าว

“พรุ่งนี้เป็นวันสอบแล้ว หยุนเหวินเตรียมตัวเป็นอย่างไรบ้าง?” จ้าวชูถาม

“ตั้งแต่วันที่กระหม่อมเข้าเมืองหลวง กระหม่อมก็พร้อมแล้วพะย่ะค่ะ” ฉินจ้าวกล่าว

ปีนี้ฉินจ้าวอายุสิบเก้าแล้ว หากเขาหวังเพียงแค่สอบผ่านคงไม่ต้องรอจนถึงอายุเท่านี้ เขาทุ่มเทการเรียนอย่างหนักเพื่อหวังคว้าตำแหน่งจ้วงหยวน เขาไม่ชอบตกเป็นรองใคร

สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งมีความสามารถก็จริง แต่ก็เป็นเพียงแค่คนที่จะมาเพิ่มความท้าทายให้เขาเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองจะไคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนไปจากเขา!

เขาจะคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนในการสอบหน้าพระที่นั่งให้มีชื่อขจรไปทั่วแผ่นดิน!

“แล้วสวี่เจวี๋ยกับเว่ยจื่ออั๋ง..”

“น่าสนใจจริงๆ พะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนี้ ใครจะมาเป็นอันดับสองในการสอบ” ฉินจ้าวกล่าว

จ้าวชูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เขาชอบความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองของฉินจ้าวมาก สมควรแล้วที่จะเป็นคนที่เขาพอใจ!