บทที่ 525 รูปแบบการเข้าหอของฮ่องเต้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 525 รูปแบบการเข้าหอของฮ่องเต้

เคยได้ยินมาจากชายแดน มาจากต่างประเทศ ปีนขึ้นมาจากน้ำ ก็คือไม่เคยได้ยินตกลงมาจากท้องฟ้า

ยังตกลงมาอย่างสะบักสะบอมอีก หากว่าไม่ใช่เขาเคลื่อนกำลังภายในมารับไว้ คาดว่านางคงกระแทกทำให้ท้องพระโรงใหญ่เป็นหลุมไปนานแล้ว

“ใช่แล้ว! ท่านว่าโชคร้ายหรือไม่ เมื่อตกลงมาก็พบกับเรื่องพรรคนี้”

ลอบสังหารฮ่องเต้!

เรื่องรุนแรงขนาดนี้ เกิดขึ้นในท้องพระโรงใหญ่ อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าของเหล่าขุนนางทหารอีก

แต่สำหรับเรื่องการคุ้มกันเรื่องนี้……

แม้ว่าจะมีเหล่าขุนนางทหารอยู่ ก็เหมือนว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ช่วยเหลือไม่ได้

ในนี้บอกว่าไม่มีแผนการร้ายนั่นคือปลอม นางล้วนมองออกแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้ที่ชาญฉลาดเก่งกาจเบื้องหน้าผู้นี้จะมองไม่ออกหรอก?

ด้วยเหตุนี้ นางเปิดปากพูดอีก :

“แต่ ยังต้องขอบคุณท่านมากๆ หากไม่มีท่านรับไว้ ตกลงมาจากบนท้องฟ้า อาจจะตกลงมาตายได้”

แม้ว่าวิธีการพูดเช่นนี้ค่อนข้างเกินความจริง มีเจ้าระบบอยู่ คงจะไม่เป็นอัมพาตครึ่งซีก แต่คงตกลงมาจนจุกเป็นแน่

“ดังนั้น ขอเตือนด้วยความเป็นมิตร เหล่าขุนนางทหารของท่านนั้นจำเป็นต้องสะสางสักหน่อยแล้วเพคะ”

ใครจะรู้ มีคนไม่แยแสคำพูดของนาง

หรือพูดได้ว่าเดิมทีพวกเขาสนทนากันคนละช่อง

“บ้านของฮองเฮาอยู่ที่ไหน? อายุเท่าไหร่? วังของเทพเซียนอยู่แห่งใด?”

“……เออะ พูดออกมาจะทำให้ท่านตกใจตายเพคะ” ดูท่าฮ่องเต้ที่เหมือนจะชาญฉลาดเก่งกาจผู้นี้ เหมือนท่าทางจะไม่ฉลาดนัก

เขาคงไม่หาว่านางเป็นเทพธิดาที่ลงมาบนโลกแล้วหรอกนะ?

“พูด”

ฮ่องเต้ใช้สาสน์กราบทูลข้อราชการที่ม้วนขึ้น เคาะโต๊ะทำงานด้านหน้าของเขา เป็นครั้งแรกที่ฟังหญิงประหลาดพูดจาด้วยความอดทนอย่างมาก

นั่นคือชีวิตที่ต้องเผชิญกับการสังหารความกระหายเลือดมาอย่างโชกโชนของเขา เป็นอารมณ์ที่ผ่อนคลายลงมาซึ่งหาได้ยากยิ่ง

“ดาวโลกประเทศจีน สองศูนย์สองแปด วงแหวนที่3ปักกิ่งเพคะ”

สิ่งที่หลานเยาเยาพูดนั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก สามารถจำวงแหวนที่3ปักกิ่งได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นหมอทหารจากหน่วยรบพิเศษอีก และเป็นบุคคลแรกบนโลกที่มีกรุ๊ปเลือด A3อีกทั้งยังปลูกฝังระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บขึ้นสุดยอดอีกด้วย ผู้เดียวในโลก ไม่มีใครเหมือน นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว

“สองศูนย์สองแปดแก่ไปหน่อยจริงๆ”

ฮ่องเต้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าสังเกตนางอย่างละเอียดอีก นี่คือครั้งแรกที่มองการสวมใส่ของนางอย่างละเอียด ขมวดคิ้วทันที “วังของเทพเซียนที่เจ้าอยู่ใหญ่กว่าพระราชวังของข้า?”

เอ่อ!

แก่? นั่นคือเลขปี ไม่ใช่อายุ แต่เห็นเขาไม่ได้ประหลาดใจ ราวกับว่าไม่ได้สนใจโดยสิ้นเชิง!

ในส่วนของที่อยู่……เช่นนี้มีให้เทียบหรือ?

ที่นางอยู่ก็ไม่ใช่ทั้งวงแหวนที่3 แต่เป็นคฤหาสน์เดี่ยวในวงแหวนที่3 เป็นธรรมดาที่ไม่สามารถเทียบกับพระราชวังที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มากได้

“ไม่มีเพคะ”

เมื่อคำพูดนี้ออกไป ลำตัวของฮ่องเต้ก็ยิ่งตรงขึ้นแล้ว ถามอีก :

“เป็นหมอ?”

“แน่นอนเพคะ หมอทหารของหน่วยรบพิเศษ เป็นบุคคลผู้เดียวบนโลกที่เชี่ยวชาญทักษะวิชาการรักษาขั้นสูงที่สุดเพคะ”

เช่นนั้นก็เก่งกาจแล้ว

เหมือนที่พระคุณเจ้าหยวนซูพูดไว้พอดี นางก็คือผู้หญิงที่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของเขาได้

“เช่นนั้นก็ดี ซู่เอ๋อ ฮองเฮาของข้า ตามข้ากลับห้องบรรทมเถอะ!”

อะไร?

หลานเยาเยาตะลึงงันแล้ว ดังนั้นประเด็นของการสนทนาเมื่อครู่คืออะไร?

เห็นฮ่องเต้ยืนแล้ว เดินไปทางด้านหลังฉากกั้น หลานเยาเยาพิจารณากลิ่นอายในความมืดครู่หนึ่ง อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ ตามก้นไปติดๆ

บนท้องพระโรงใหญ่ ทุกคนล้วนมองไม่เห็นหลานเยาเยาคลานอยู่ที่พื้น เจ็บปวดจนยืดตัวตรงไม่ได้

เสียงพิณยังคงดังต่อไป แต่สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นขาวซีดแล้ว

ปะติดปะต่อแล้ว……

นอกจากเวลาที่ข้ามเวลา นอกเหนือจากนั้นทั้งหมดล้วนปะติดปะต่อได้แล้ว

ที่แท้ตัวเองก็อยู่ที่แผ่นดินใหญ่ตอนต้นตั้งนานแล้ว ก็ได้ข้ามเวลามาครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเป็นการข้ามเวลามาทั้งร่างกายและวิญญาณ

มิน่าล่ะในหุบเขาจิ้นที่ชนเผ่าหยินไห่ นางได้ปรากฏอาการหลงลืมในระยะสั้นครั้งหนึ่ง ในอาการหลงลืม เหมือนกับว่านางเห็นภาพที่เลือนรางเหล่านี้แล้ว เป็นหานแสปลุกให้นางตื่น

มิน่าล่ะขณะอยู่ในมายาของหมู่บ้านฝันฮั๋ว นางใช้ความคิดเปิดรูปแบบการรักษาด้วยการนอนหลับของระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ทำงาน แปลกใจที่พบว่ารูปแบบการรักษาด้วยการนอนหลับถูกเปิดทำงานแล้วไม่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ในความทรงจำของนางยังไม่เคยเปิดทำงานมาก่อน

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้

ตอนนี้ดูจากสถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าความทรงจำที่ถูกปิดสนิทค่อยถูกเปิดออกโดยเสียงพิณของจิ่วเซียวหวงเพ่ย

หรือว่าสุดท้ายในที่สุดแล้วคือตายทั้งคู่ ดาวตกนับหมื่น ล้างแผ่นดินใหญ่อีกครั้งหรือ?

ถ้าหากเป็นแบบนี้ เช่นนั้นนางจะสามารถหยุดได้หรือไม่?

อย่างไรก็แล้วแต่!

ฮ่องเต้ที่เหมือนกับเย่แจ๋หยิ่งเป๊ะๆเหมือนกับว่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงความคงอยู่ของนาง

เมื่อภาพเปลี่ยนไป ห้องบรรทมของฮ่องเต้

นางกำนัลและองครักษ์ได้ถูกให้ถอยออกไป มองดูร่างกายที่สูงใหญ่ ห้าวหาญ ฮ่องเต้ที่สง่างามเฉกเช่นเทพเซียนผลักประตูและเข้าไป และปิดประตูห้องแน่นสนิท

ด้วยเสียงของประตูห้องนั่นที่ลงกลอนแน่น หลานเยาเยาที่ได้เปลี่ยนเป็นชุดฮองเฮาแล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

มองดูชุดแต่งงานสีแดงที่เป็นสิริมงคลในห้องบรรทม นางรู้ถึงเรื่องไม่ดีครั้งใหญ่ แต่กลับไม่สามารถจากไปได้

ไม่เพียงเพราะว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ควบคุมอยู่ตลอด แต่เพราะขณะนั้นที่ฮ่องเต้ไม่อยู่ ระบบได้แอบออกมาให้ภารกิจแก่นางแล้ว

ก็คือรวบรวมเลือดกรุ๊ปเลือด A3ของอีกผู้หนึ่ง

สำหรับคนในหลายพันล้านคนชนิดนี้ จึงจะมีอัตราที่เป็นไปได้ปรากฏออกมาหนึ่งคน นางได้อยู่ในสภาพท้อแท้สิ้นหวังแล้ว จากการแนะนำด้วยมิตรภาพของเจ้าระบบ นางได้เล็งเป้าไปบนร่างของฮ่องเต้โดยตรง ดังนั้นถึงมีเหตุผลให้นางจำเป็นต้องอยู่ต่อ

ระหว่างที่ใจลอยอยู่ ฮ่องเต้ได้เปลื้องชุดคลุมแล้ว สีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางเหมือนถูกบังคับด้วยความจนปัญญาต้องทำอย่างเป็นทางการ เมื่อมาถึงด้านหน้าของนาง ไม่ให้โอกาสนางได้ขัดขืน โน้มตัวไปแล้วขึ้นไปกดทับบนตัวนาง เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู

“ซู่เอ๋ออย่ากลัว ข้ามีประสบการณ์ จะไม่ทำให้เจ้าเจ็บเด็ดขาด”

หลานเยาเยาเม้มปากไม่พูด

ในมือได้เตรียมยาเสน่ห์ไว้ดีแล้ว รวมถึงยาผงที่ทำให้อับอาย

บังอาจถอดเสื้อผ้านาง ก็รอการแก้แค้นสุดโหดของนางเถอะ!

นางไม่พูดจา ฮ่องเต้ก็ถือว่านางยอมรับแล้ว

ด้วยเหตุนี้!

เขาปล่อยผ้าม่านของเตียง ปิดบังพวกเขาทั้งสอง เมื่อดึงผ้าห่ม ผู้มีประสบการณ์ช่ำชอง

จากนั้นหนึ่งคืนก็ผ่านไปเช่นนี้แล้ว……

ถูก!

ก็คือผ่านไปด้วยการกดทับเช่นนี้

เช้าตรู่วันที่สอง หลานเยาเยาไม่ได้นอนทั้งคืน มองท้องฟ้าโดยไม่รู้จะพูดอะไร

ไม่มีประสบการณ์ นางยังไม่เคยเห็นผู้มีประสบการณ์หรือ?

นี่ก็คือสิ่งที่ฮ่องเต้บอกว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ช่ำชอง?

นางคาดว่า ฮ่องเต้ไม่เคยเห็นผู้มีประสบการณ์ ยิ่งไม่เคยได้มีประสบการณ์ด้วย

แต่ว่า มีจุดหนึ่งเขาพูดถูก คือไม่เจ็บ ก็คือทับบนตัวนางเหนื่อยมาก ทั้งตัวชาไปหมดแล้ว

นางเคลื่อนไหว ทำให้บางคนรีบตกใจตื่น

ลืมตาสองข้างขึ้นในพริบตา แรงสังหารปรากฏขึ้นทันที กลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เหน็บหนาวแหลมคมอบอวลอย่างรวดเร็ว สะกดเข้าในตาคือหญิงผู้หนึ่งที่ขมวดคิ้ว

ถึงได้จดจำได้อย่างฉับพลันว่าหญิงผู้นี้คือฮองเฮาของเขา ไม่ใช่นักฆ่าที่มาลอบสังหารเขา

สมควรตาย!

เขาที่โดยปกติหลับไม่สนิท เมื่อคืนทำเรื่องเสร็จเขากลับหลับลึกมากอย่างประหลาด ตื่นมาพบว่าเขายังทับอยู่บนร่างของฮองเฮา

หรือว่ายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้แตะต้องผู้หญิง สัมผัสผู้หญิงเป็นครั้งแรกค่อนข้างไม่สาสมใจ?

แต่ว่า……

ทำไมเขาถึงไม่รู้สึก แม้แต่ความรู้สึกปลอดโปร่งก็ไม่มี?

หรือว่าเป็นเพราะไม่ชอบเป็นเหตุผล?

ฮ่องเต้พลิกตัวลงมาจากบนร่างของหลานเยาเยา นอนอยู่อีกข้าง

ในใจของหลานเยาเยากลั้นหัวเราะไว้ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา ทำได้เพียงหัวเราะอย่างเคอะเขินเสียงหนึ่ง ตอบว่า :

“ก็ดี”

เป็นถึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เข้าหอก็ทำไม่เป็น ยังเป็นมือใหม่มากกว่ามือใหม่อีก ไทเฮาไม่ได้เคยหาคนมาสอนเขาก่อนที่เขาจะบรรลุนิติภาวะหรือ?

ทำให้นางกังวลใจตลอดทั้งคืน

แต่ว่า ก็นับว่าเขาโชคดี ไม่เช่นนั้นบทลงโทษที่โหดร้ายของนางก็ไม่ใช่เรื่องตลก

หลังจากที่ร่างกายอิสระแล้ว นางลุกขึ้นด้วยความชา ขยับทั้งร่างที่เหน็บชาของตัวเอง ยังทุบมือทุบเท้าให้ตัวอีก สีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างมาก

“ยังทำให้เจ้าเจ็บอีก?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว

ได้ยินว่าประสบการณ์ครั้งแรกของผู้หญิงจะเจ็บมาก แต่สีหน้าท่าทางของนางเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ รังเกียจที่เขาไม่ออกแรง?

แต่เมื่อคืนทั้งคืนเขาก็ไม่ได้ออกจากร่างของนาง ยังไม่พอใจอีก?