สายลมพัดผ่าน พัดผมของเจียงหยุนเอ๋อไสวไปมา แต่เธอเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงนั่งเหม่อลอย ร่างที่โดดเดี่ยวทำให้ผู้พบเห็นก็ทุกข์ใจไปด้วย

เมื่อมองเจียงหยุนเอ๋อที่นั่งในสวนอยู่เพียงลำพัง ดวงตาของลี่จุนถิงที่อยู่ในเงามืดของก็หมองหม่น

ชิงโม่ที่อยู่ข้างๆก็มองไปที่ลี่จุนถิงอย่างเป็นกังวล แม้เขาจะรู้ว่าลี่จุนถิงในตอนนี้สูญเสียความจำไปแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขากลับรู้สึกว่าลี่จุนถิงในตอนนี้คงเป็นทุกข์อยู่ไม่น้อย

ชิงโม่คิดถูก ความรู้สึกในใจของลี่จุนถิงรู้สึกเจ็บปวด ถึงแม้ว่าจะจำเรื่องราวที่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่กับเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไร มองดูเจียงหยุนเอ๋อที่โดดเดี่ยวแบบนี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด

“พวกเราเคยรักกันมากไหม?”ลี่จุนถิงหันไปมองชิงโม่ที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยกระซิบถามเสียงเบา

ชิงโม่มองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลนัก เขารู้ว่าลี่จุนถิงในตอนนี้จำอะไรไม่ได้ ก็ถอนหายใจเล็กน้อย“ใช่ครับ คุณและคุณนายต่างก็รักกันมาก แม้ว่าคุณหญิงท่านจะไม่เห็นด้วยที่จะให้พวกคุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่คุณก็ยังคงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะแต่งงานกับคุณนาย และความรักก็ผลิดอกออกผล ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ตอนนี้ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกเดียวที่มีคือความเจ็บปวด มันทำให้ฉันหายใจลำบาก ”หลังจากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ ลี่จุนถิงพูดอย่างช้าๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่รู้อย่างหลงใหล

บางทีอาจจะเพราะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เจียงหยุนเอ๋อก็หันหน้ามาทางที่พวกเขาอยู่ ชิงโม่ตกใจกลัวจนดึงลี่จุนถิงให้หมอบลง ซ่อนตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆไม่กล้าขยับไปไหน กลัวว่าเจียงหยุนเอ๋อจะสังเกตเห็นความผิดปรกติ

ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อที่มองไม่เห็นอะไรก็รู้สึกอ้างว้าง

ในตอนที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ เธอคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนลี่จุนถิงมักจะปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเธอเสมอ แล้วโอบกอดเธอไว้แน่น เธอจึงคาดหวังที่จะหันกลับไปแล้วเจอเขา

ยังไงความจริงก็คือความจริง เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

“จุนถิง คุณต้องการให้ฉันทำยังไง ? คุณอยู่ที่ไหน ? หรือคุณไม่ต้องการฉันกับถวนจื่อ และลูกในท้องคนนี้แล้วเหรอ ? กลับมาเถอะ พวกเราคิดถึงคุณ”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น กระแทกเข้าหัวใจของทุกคน

ลี่จุนถิงรู้สึกเจ็บปวดในใจเขาราวกับถูกฉีกให้เป็นชิ้นๆ เขากุมหน้าอกตัวเองเอาไว้แน่น พยายามระงับความเจ็บปวดที่มีอยู่ภายใน

ทุกอย่างกลับไร้ประโยชน์ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจียงหยุนเอ๋อ เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

“เจียงหยุนเอ๋อ มานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม ? เมื่อกี้เห็นยังเล่นกับถวนจื่ออยู่เลยนี่ ? ”

ทันใดนั้น เสียงของซูม่านลีก็ดังขึ้น เธอเดินเข้ามาหาเจียงหยุนเอ๋อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เมื่อได้ยินเสียงของซูม่านลี เจียงหยุนเอ๋อก็หันกลับไปมอง เธอยกยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ เมื่อกี้มองดูถวนจื่อแล้วรู้สึกอึดอัด ก็เลยออกมาสูดอากาศสักหน่อย พอให้ได้คิดเรื่องงานไปด้วย ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูม่านลีก็ถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า :“ลูกก็นะ เข้มแข็งเกินไป บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปใหญ่โตขนาดนี้ จะให้ลูกที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาบริหารจัดการในเวลาสั้นแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง ? ทำได้เพียงยื้อเอาไว้ก็เท่านั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าจุนถิงอยู่ไหน ลูกคิดว่าลูกจะทำอะไรได้ !”

“ทำยังไง ? ลูกสบายดี ลูกจะช่วยจุนถิงดูแลรักษาบริษัทให้ดี เมื่อก่อนเป็นเขาที่ คอยดูแลลูกอยู่ตลอด ตอนนี้เขามีปัญหา ยังไงหนูก็ไม่ไปไหนเด็ดขาด อีกอย่างลูกรับปากกับจุนถิงเอาไว้ จะรอเขากลับมา ลูกกับลูกน้อยในท้องและถวนจื่อจะรอไปด้วยกัน ”

เจียงหยุนเอ๋อลูบไปที่ท้องเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรัก

ซูม่านลีขมวดคิ้วเล็กน้อย และตีไปที่หลังของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ

“เจ้าลูกคนนี้ เอาแต่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ และทนเงียบอยู่คนเดียว แต่ว่าแม่เป็นแม่ของลูก เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก จะไม่รู้ได้ยังไงว่าลูกคิดอะไร ? ลูกยังคิดถึงลี่จุนถิงอยู่ใช่ไหม ? ”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย

“ลูกหยุดคิดถึงเขาไม่ได้ ในช่วงที่เขาประสบอุบัติเหตุตาขวาลูกก็กระตุกอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นลูกก็รู้สึกผิดปกติแล้ว แต่ในใจก็ยังคงตั้งตารอ ไม่คิดว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไร ลูกเป็นห่วงเขามาก ”

“ก็ใช่ แม้ว่าตระกูลลี่จะส่งคนจำนวนมากออกไปตามหา แต่ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรของลี่จุนถิงเลย ? คนเป็นๆทั้งคนจะหายไปได้ยังไงกัน ? มองเห็นลูกในสภาพนี้แล้ว แม่ก็รู้สึกแย่ไปด้วย ก็ได้แต่หวังว่าลี่จุนถิงจะกลับมาเร็วๆ ”

ซูม่านลีมองออกไปยังเบื้องหน้า แล้วเอ่ยพูดเสียงเรียบ

เจียงหยุนเอ๋อเคาะไปที่โต๊ะเบาๆ

“หลายวันมานี้ลูกรู้สึกว่าลูกในท้องเตะลูกอยู่ตลอด ดูแล้วก็คงจะเป็นห่วงพ่อเหมือนกัน เลยเตือนให้ลูกออกไปตามหา!”

เมื่อได้ยินเจียงหยุนเอ๋อเอ่ยพูดถึงลูกในท้อง ซูม่านลีก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก เธอขมวดคิ้ว:“ช่วงนี้ลูกเอาแต่ยุ่งเรื่องงานของบริษัท และไม่ได้พักผ่อนให้ดี ลูกในท้องจะไปทนได้ยังไง ? แม่ว่าที่ลูกเตะเพราะอยากเตือนให้ลูกพักผ่อน ลูกต้องดูแลตัวเองนะ !”

“แม่คะ วางใจเถอะ ลูกจะดูแลตัวเอง เรื่องของบริษัทมีพี่จุนซินดูแลอยู่ ลูกก็โล่งใจไปมาก ตอนนี้หวังแค่ให้จุนถิงกลับมาอย่างปลอดภัย!”

พูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็พนมมือ อธิษฐานขอพรอย่างเงียบ ๆ

ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น จับไปที่มือของซูม่านลีอย่างร้อนรน

“แม่คะ ลูกนึกอะไรขึ้นมาได้ หากจุนติงได้รับบาดเจ็บอยู่ข้างนอก และไม่มีใครคอยดูแลเขา มันจะทำให้แผลเขารุนแรงมากขึ้นไปอีกไหมคะ ? แล้วอย่างนี้ต้องทำยังไงกันดี ?”

ขณะที่พูด ก็คิดไปถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ดวงตาของเจียงหยุนเอ๋อก็แดงขึ้นเล็กน้อย

ในวินาทีต่อมา น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาเป็นสายอย่างรวดเร็ว หยดลงบนหลังมือของเธอ บนเสื้อผ้าเธอ บนโต๊ะหิน และเธอก็ตัวสั่นไหวไปมาเล็กน้อย

เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อในสภาพแบบนี้ ซูม่านลีก็รู้สึกเจ็บปวด

เธอหักห้ามความคิดแง่ร้ายในใจ และกอดเจียงหยุนเอ๋อไว้ในอ้อมอก เอ่ยปลอบไปว่า “ลูกวางใจเถอะ จุนถิงเป็นคนมีวาสนา เขาจะไม่เป็นอะไรไปแน่ ยังไงเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ !”

“แต่ในใจลูกกลับร้อนอกร้อนใจ เต้นแรงผิดปรกติ แม่คะ แม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับจุนถิงไหมคะ ? ไม่อย่างนั้นทำไมป่านนี้เขายังไม่กลับมาอีก ?”

ในอ้อมกอดของซูม่านลีเจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะพูดความกังวลที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา

“แม้ว่าตอนนี้แม่จะไม่รู้ว่าลี่จุนถิงอยู่ไหน แต่แม่เชื่อว่ายังตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ลูกก็อย่าเอาแต่พูดบั่นทอนตัวเอง ยังไงเขาก็ต้องกลับมาแน่ เพียงแต่ว่าจะเป็นเมื่อไรก็เท่านั้น อีกอย่างเขาจะทิ้งลูกในท้องของเขาไปได้ยังไงกัน ?”

ซูม่านลีเอ่ยพูดเสียงเบา แล้วมือลูบไปที่ผมของเจียงหยุนเอ๋อด้วยความรัก