บทที่ 495 ออกจากบ้าน

บทที่ 495 ออกจากบ้าน

หลังจากที่เข้าวังแล้ว หลินซือก็รู้สึกว่าก้อนหินก้อนใหญ่ได้ถูกยกออกจากหัวใจไป หลังจากนั้นจึงเริ่มคิดเกี่ยวกับร้านใหม่ของตน

แต่การเปิดร้านใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายก็พบว่าร้านของตนนั้นเปิดในเวลาที่สั้นเกินไป ถึงได้รับการสนับสนุนจากเหยาซู แต่หลินซือก็ยังต้องพิจารณาให้รอบคอบ

และยังมีเรื่องของอวี้อวี้

ช่างฝีมือดีที่ตนเองไปอ้อนวอนอย่างไร้ยางอายต้องจัดการเรื่องแผงขายของที่ยุ่งเหยิงให้กับอีกฝ่าย อีกทั้งก่อนที่จะเปิดร้านก็ต้องจัดการกับเรื่องของหลี่จื้อสิงให้แล้วเสร็จเสียก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋หรูปิงที่กำลังวุ่นวายกับเรื่องวันขึ้นปีใหม่ หลินซือจึงรู้สึกเกรงใจที่จะไปรบกวน วันทั้งวันตนเองจึงได้แต่ครุ่นคิดจนผมร่วงแล้วก็ยังไม่พบร้านที่เหมาะสม

“อาซือ” เจี่ยงเถิงอยู่ที่หน้าประตูเรือนมองมายังหลินซือ ชายหนุ่มเอ่ยเรียกสักพักหากแต่ยังไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ จึงทำได้แค่ส่งเสียงตะโกนใหม่อีกครั้ง “อาซือ!”

หลินซือก็ยังคงไม่ได้ยิน เจี่ยงเถิงไม่รู้ว่าสติของอีกฝ่ายล่องลอยไปถึงไหน จึงเดินเข้าลานบ้านมา โบกมือตรงหน้าของเด็กสาว “กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? จิตใจถึงได้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้”

เช่นนี้หลินซือจึงมีสติกลับมา และบอกความกลัดกลุ้มของตนให้อีกฝ่ายฟัง “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องเปิดร้านใหม่ ข้าครุ่นคิดมาแล้วสองวัน ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเปิดร้านที่ไหนดี”

เจี่ยงเถิงเอ่ยขึ้นด้วยความเข้าใจ “ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการวันดี ๆ หลังวันปีใหม่เพื่อที่จะเปิดร้าน แต่ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาล คนงานเองต่างก็กลับบ้าน จะจ้างวานใครก็ต้องจ่ายเพิ่มหลายเท่า โดยเฉพาะร้านก็ไม่ได้หากันง่าย ๆ ผู้คนที่เปิดร้านในช่วงวันขึ้นปีใหม่ล้วนก็เตรียมตัวมาก่อนครึ่งปี ไม่ใช่สิ้นปีแล้วจึงเริ่มลงมือ”

“ท่านพูดได้ถูกต้อง เป็นข้าเองที่รีบร้อนเกินไป”

หลินซือถอนหายใจออกมา นางฟุบหน้าลงบนโต๊ะหินอย่างหมดเรี่ยวแรง

เจี่ยงเถิงยื่นมือไปรองใบหน้าหลินซือไว้ทัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงใบหน้ารูปไข่ที่เย็นเฉียบผ่านการสัมผัสด้วยฝ่ามือ จึงรีบดึงเด็กสาวให้ลุกขึ้น “ข้างนอกอากาศเย็น อยากจะพักผ่อนก็รีบกลับเข้าห้องเสีย”

หลินซือเกือบจะถูกเจี่ยงเถิงอุ้มเข้าห้องนอนไปแล้ว จึงได้บ่นพึมพำ “เมื่อครู่กำลังวุ่นวายไปหมด และในห้องก็อบอ้าวเกินไป ข้าจึงออกมาสูดอากาศข้างนอก”

“พอแล้ว” เจี่ยงเถิงพาเด็กสาวเข้าไปในห้อง และรินชาอุ่น ๆ ให้กับอีกฝ่าย​ “รีบดื่มให้ร่างกายอุ่นเร็วเข้า ตัวเจ้าเย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว”

หลินซือเชื่อฟังคำร้องของอีกฝ่าย จนกระทั่งเจี่ยงเถิงลูบมือของนาง และพบว่าเริ่มอุ่นขึ้น จึงได้เริ่มพูดเรื่องที่จริงจัง

“อาซือ เจ้าอยากจะออกจากเมืองหลวงหรือไม่?”

“ออกจากเมืองหลวง?” หลินซือกลับมาสดชื่นอีกครา “อยากออกแน่นอน เมื่อไรเล่่า? แล้วจะไปกับผู้ใด? แล้วไปนานเท่าใด?”

เจี่ยงเถิงรู้อยู่แล้วว่าอีกฝั่งจะจะตอบกลับเช่นนี้ เด็กหนุ่มยิ้มแล้วตอบกลับ “ก็วันพรุ่งนี้ ไปเมืองสุ่ยจินด้วยกันกับข้า ไปสองวันแล้วค่อยกลับมา”

เดิมทีหลินซือคิดว่าเจี่ยงเถิงจะพาตนเองออกไปเที่ยวเล่นหลังวันขึ้นปีใหม่ เมื่อได้ยินว่าไปสองวันก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่อย่างไรเสียพรุ่งนี้นางก็สามารถไปได้ เด็กสาวจึงตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าต้องเตรียมอะไรบ้าง?” หลินซือกระตือรืนร้น

เจี่ยงเถิงลูบหลังปลอบโยนหลินซือ “เอาเสื้อผ้าไปให้พอก็ได้แล้ว อย่างอื่นให้ข้าเตรียมจะดีกว่า ข้าไปตรงนั้นเพราะมีงานเล็กน้อย เพียงแค่ใช้เวลาประมาณครึ่งวันพูดคุยกับขุนนางท้องถิ่น เหลืออีกวันครึ่งพวกเราก็เที่ยวเล่นที่นั่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีแม่น้ำสองสายไหลผ่าน และตอนนี้แม่น้ำก็เป็นน้ำแข็งหมดแล้ว พวกเราไปเล่นไถน้ำแข็งกันเถอะ”

หลินซือเพียงแค่ฟังคำบรรยายที่ไร้อารมณ์ของเจี่ยงเถิงก็รู้สึกตื่นเต้นกับเมืองเล็ก ๆ นั่นแล้ว

“เช่นนั้นข้าจะไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่!”

“ช้าก่อน” เจี่ยงเถิงรั้งหลินซือไว้ “ข้าบอกไว้แล้ว สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเตรียมเสื้อผ้าที่กันความเย็นเท่านั้น หลังจากนั้นวันนี้เข้านอนให้เร็วหน่อย เช้า ๆ พวกเราจะออกเดินทางกัน”

ถ้าหากให้หลินซือตื่นในตอนเช้าของฤดูหนาวก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่านาง แต่ว่าตอนนี้นางต้องการที่จะออกจากเมือง นางจึงไม่ลังเลแม้แต่ชั่วอึดใจเดียวที่จะตอบตกลง เด็กสาวกำชับเจี่ยงเถิง “ท่านอย่าตื่นสายเล่า”

เจี่ยงเถิงยิ้มแล้วตอบกลับ “ได้”

หลังจากที่ส่งเจี่ยงเถิงเสร็จ หลินซือก็ปรี่ไปเตรียมข้าวของ ถึงแม้ว่าเจี่ยงเถิงจะบอกนางว่าเตรียมเสื้อผ้าไปแค่ไม่กี่ตัวก็พอแล้ว แต่นางกลับเตรียมสิ่งของไปมากมาย โชคดีที่เหยาซูแวะมาดูพอดี เมื่อเห็นท่าทางหลินซือที่เก็บข้าวของอย่างทำอะไรไม่ถูก เหยาซูจึงช่วยลดปริมาณสัมภาระให้กับนาง

เมื่อยุ่งจนถึงเวลาเย็น เหยาซูรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วนางจึงกำชับลูกสาว

หลินซือได้ยินเสียที่ไหน ไม่ว่าเหยาซูจะกล่าวอะไร เด็กสาวก็ตอบรับอย่างขอไปทีและกลอกตาไปจ้องเหยาซูที่กำลังหยิบของบางอย่างออกจากห่อสัมภาระของเด็กสาว

เหยาซูถอนหายใจ และทำได้เพียงแค่กำชับให้อวิ๋นซิ่วดูแลคุณหนูให้ดี ๆ อย่าให้เพิ่มของที่รกวุ่นวายเข้าไป จากนั้นเหยาซูก็จากไป

วันต่อมา หลินซือมาก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้ครึ่งชั่วยาม เก็บกวาดนู่นนี่นั่น ก็ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลานัด

ทว่าหลินซือตื่นเต้นเสียจนแทบจะวิ่งไปที่ประตูเพื่อรอให้อีกฝ่ายมารับ

โชคดีที่เจี่ยงเถิงมาถึงก่อน หลินซือจึงได้เข้ามานั่งในรถม้าอุ่น ๆ โดยไม่ต้องรอแม้แต่น้อย

เจี่ยงเถิงพยักหน้าให้กับเหยาซูที่เดินออกมา และเด็กหนุ่มก็พาเด็กสาวออกไป

“พวกเราต้องใช้เวลาเท่าไร” หลินซือขยับตัวลูบนั่นสัมผัสนี่บนรถม้าอย่างตื่นเต้น

“หนึ่งชั่วยามครึ่ง” เจี่ยงเถิงจับมือของเด็กสาวที่จะผลักหน้าต่างรถเอามากุมไว้ ชายหนุ่มแสร้งตำหนิ “ทำตัวดี ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่พาเจ้าไปด้วยแล้ว”

หลินซือไม่เกรงกลัวคำขู่ของเจี่ยงเถิง ยังคงขยับไปรอบ ๆ และสุดท้ายเป็นเขาที่ทนไม่ไหวจึงกอดเด็กสาวเอาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของหลินซือซับสีแดงระเรื่อก่อนจะค่อย ๆ สงบลง

“พักผ่อนสักครู่เถอะ” เจี่ยงเถิงกล่าวเสียงเบา

หลินซือสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของทรวงอกเวลาที่อีกฝ่ายพูด รวมถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ในท้ายที่สุดนางก็หลับไปจริง ๆ

เจี่ยงเถิงรู้สึกว่าลมหายใจของคนในอ้อมแขนของเขาค่อย ๆ คงที่ ร่างกายที่ตึงเครียดจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง และเปลี่ยนหลินซือให้อยู่ในท่านอนที่สบายก่อนจะหลับตาพักผ่อนตามไป

…………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะมีใครดูแลอาซือได้ดีเท่าพี่เถิงอีกล่ะเนี่ย องค์รัชทายาทนี่ตัดทิ้งไปได้เลย

ไหหม่า(海馬)