บทที่ 496 เข้าเมือง
“อาซือ ตื่นได้แล้ว”
หลินซือยังคงง่วงงุน เจี่ยงเถิงจึงทำได้แค่เพียงตบหน้าเด็กสาวเบา ๆ
“ถึง…ถึงแล้วหรือ?” ดวงตาของหลินซือลืมขึ้นไม่เต็มที่ เด็กสาวเดินออกไปด้วยความงัวเงีย
เจี่ยงเถิงรีบดึงตัวนางกลับมา เช็ดใบหน้าของหลินซือด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น หลังจากดื่มชาร้อน ๆ แล้วจึงสวมผ้าคลุมผืนหนาให้กับหลินซือ รอให้เด็กสาวตื่นอย่างเต็มที่ถึงค่อยพานางลงจากรถไป
“เย็นมาก ๆ” ทันทีที่ลงรถ หลินซือก็เข้าไปเบียดกับแผ่นหลังของเจี่ยงเถิง แต่ดูเหมือนว่าลมหนาวจะพัดมาจากทุกทิศทาง จึงไม่สามารถไปหลบที่ไหนได้
“หนาวใช่ไหม ถ้าเมื่อครู่เจ้าลงมาด้วยสภาพที่ยังไม่ตื่น ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะกลายเป็นน้ำแข็งแน่” เจี่ยงเถิงแย้มยิ้ม ก่อนนำเสื้อคลุมที่หลินซือปฏิเสธจะใส่ในรถนำมาทำเป็นผ้าพันคอและก็พานางเข้าที่พักไป
ที่พักได้รับการจองไว้แล้ว เจี่ยงเถิงจัดการกับสภาพของหลินซือเรียบร้อยก็กำชับสาวใช้ให้เตรียมอาหารเช้า จากนั้นก็เดินถือของของตนเองไป
“นี่ พี่อาเถิง ท่านจะไปไหนน่ะ?” หลินซือหยุดเจี่ยงเถิงด้วยความประหลาดใจ
“ข้าไปเก็บสัมภาระของข้า ห้องของข้าอยู่ถัดจากตรงนี้ไป” เจี่ยงเถิงอธิบาย
หลินซือจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่ควรจะนอนด้วยกัน เด็กสาวหน้าแดงขึ้นมา จึงรีบพยักหน้าด้วยความลังเลแล้วตอบกลับไปหนึ่งคำ
เจี่ยงเถิงไม่เข้าใจว่าหลินซือหมายความว่าเช่นไร จึงคิดว่าอีกฝ่ายออกเดินทางเป็นครั้งแรกแล้วรู้สึกกลัว เด็กหนุ่มจึงกล่าวปลอบ “ไปเก็บของเสร็จ เดี๋ยวก็กลับมาพาเอ้อเป่าไปทานข้าวเช้า”
หลินซือตอบกลับหนึ่งคำ เจี่ยงเถิงจึงรีบไปเก็บสัมภาระ
อาหารการกินของเมืองสุ่ยจินไม่ได้แตกต่างจากเมืองหลวงมากนัก หลินซือที่รู้สึกหิวมาตั้งแต่เช้าจึงรับประทานเข้าไปไม่น้อย
ครั้นเจี่ยงเถิงเห็นว่ารสชาติไม่ได้ส่งผลใดต่อเด็กสาว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากรอหลินซือกินจนอิ่ม เจี่ยงเถิงจึงกล่าวขึ้น “ช่วงสายของวันนี้ ข้าต้องไปทำงานข้างนอก อาซือก็นอนพักผ่อนอยู่รอที่โรงเตี๊ยมเสีย อย่าออกไปเล่นที่ไหน”
เจี่ยงเถิงกลัวว่าหลินซือจะหายไป ไม่ใช่เพราะว่านางจะรู้สึกเบื่อหน่าย แต่เป็นเพราะนางถูกหลอกง่ายเกินไป
หลินซือที่เพิ่งจะกินอิ่มและรู้สึกง่วงนอนจึงพยักหน้าโดยพลัน หลังจากเจี่ยงเถิงเช็ดปากเสร็จเรียบร้อย เด็กสาวจึงขึ้นเตียงไป ไม่นานก็เข้าสู่ภวังค์
เจี่ยงเถิงยังคงรู้สึกไม่วางใจ จึงห่มผ้าให้หลินซือดี ๆ ก่อนจะออกจากประตูไปก็ได้กำชับกับคนใช้ให้คอยจับตาดูเด็กสาวไว้ อย่าให้หลินซือออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
เด็กรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็มองเจี่ยงเถิงด้วยความประหลาดใจ จนเจี่ยงเถิงรู้สึกราวกับอีกฝ่ายมองว่าตนเองนั้นเป็นพ่อค้ามนุษย์
เด็กหนุ่มเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบาย จึงได้ให้เงินกับเขาไป เด็กรับใช้จึงดูแลให้และไม่พูดมาก
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงเถิงกังวลเป็นอย่างมาก ในตอนเที่ยงวันหลังเด็กหนุ่มกลับมาจากการทำงาน หลินซือก็ยังคงหลับอยู่โดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่งของนางเลยด้วยซ้ำ
เจี่ยงเถิงพลันยิ้มออกมา และปลุกเด็กสาวให้ตื่นด้วยความยากลำบาก
“จะออกไปกันหรือยัง?” หลินซือขยี้ตาและบ่นพึมพำ
“อื้ม อาซือไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ประเดี๋ยวพวกเราออกไปกินข้าวกัน” เจี่ยงเถิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
การออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกนี้ ถึงแม้ว่าหลินซือจะไม่มีคนรับใช้คอยติดตามมาด้วย แต่เจี่ยงเถิงก็ทำหน้าที่ของคนรับใช้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หลังจากเด็กสาวจัดการตนเองเรียบร้อย ทั้งสองก็ออกไปยังร้านอาหารที่จองเอาไว้
ถึงอย่างไรแผนการของเจี่ยงเถิงจะไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน เป็นหลินซือเองที่จะเป็นเหตุสุดวิสัยที่ใหญ่ที่สุด ตัวอย่างเช่น การที่นางปฏิเสธจะนั่งรถม้าและต้องการจะเดินชมทิวทัศน์ของเมืองสุ่ยจิน หรือไม่อยากเข้าร้านอาหารเพราะต้องการกินอาหารข้างถนน
“พี่เจี่ยงเถิง” หลินซือลากเจี่ยงเถิงไปมาราวกับว่าตนเป็นเด็กน้อย “พวกเรากินเกี๊ยวน้ำกันดีไหม? ตอนนี้ข้ายังอิ่มอยู่เลย ต้องกินเนื้อไม่ลงแน่ ๆ เกี๊ยวน้ำน่าจะดีที่สุด”
“ที่ข้าสั่งมาไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ล้วนเป็นของที่เจ้าชอบ” เจี่ยงเถิงไม่คล้อยตาม
“แต่ตอนนี้สิ่งที่ข้าชอบที่สุดคือเกี๊ยวน้ำ พวกเราค่อยไปร้านอาหารตอนกลางคืนดีไหม ข้าขอล่ะนะ” หลินซือเริ่มงอแง
เจี่ยงเถิงอยากจะบอกกับนางว่าตอนกลางคืนพวกเขาจะไปงานวัดกับร้านอาหารที่อยู่ทางใต้ของเมือง อีกหนึ่งที่อยู่ทางทิศเหนือของเมือง แต่ด้วยความงอแงของหลินซือ เด็กหนุ่มจึงตอบได้เพียงแค่ว่า “ได้สิ”
“ว้าว!” หลินโห่ร้องด้วยความดีใจและลากเจี่ยงเถิงไปที่ร้านเกี๊ยวทันที
ถ้าเจี่ยงเถิงจะไม่พอใจก็เป็นเพราะว่าร้านเกี๊ยวแห่งนี้ทำแผนของเขารวนไปหมด แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลิ่นของเกี๊ยวน้ำนั้นช่างหอมอบอวลจริง ๆ อีกทั้งแป้งบางและไส้เยอะ
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว การได้กินเกี๊ยวน้ำร้อน ๆ เช่นนี้ ไม่ว่าจะโกรธเคืองมาจากไหนพอได้กินเข้าไปแล้วความโกรธเหล่านั้นก็จะสลายไปทันใด สุดท้ายหลินซือก็กินไปหนึ่งชามส่วนเจี่ยงเถิงกินไปถึงสองชาม
หลินซืออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านดูสิ ถึงพูดว่าไม่อยากมา ข้ายังดูออกว่าท่านชอบกินเป็นที่สุด!”
“ใช่ ๆ ๆ ที่เจ้าเอ่ยมาล้วนถูกต้องทั้งหมด” เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงเถิงพยายามที่จะยั่วโมโหหลินซือ และลากคนกินจนอิ่มไปเดินเล่นต่อ
หลินซือยังคงไม่สำนึกผิด “ท่านควรจะมอบธงให้ร้านขายเกี๊ยวนะ จะได้ช่วยให้เราประหยัดเงินไปเยอะเลย”
“เงียบปาก” เจี่ยงเถิงจ้องหลินซือเขม็ง นางเอามือปิดปากอย่างเชื่อฟัง
เจี่ยงเถิงไม่มีแผนการสำหรับการซื้อของยามบ่าย เขาคิดว่าถ้าหลินซือชอบร้านไหนก็เข้าไปร้านนั้น
แต่พอผ่านไปได้ครึ่งวันหลินซือกลับไม่ได้แสดงอาการว่าชอบร้านใด ๆ เลย เจี่ยงเถิงจงใจเดินช้าลงเมื่อเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับหยกหลายแห่ง แต่หลินซือกลับไม่ได้พูดอะไรสักคำเช่นกัน
“อาซือ เจ้าไม่ชอบหรือ?” เจี่ยงเถิงสงสัย
หลินซือก้มหน้าเตะก้อนหินบนถนนและไม่ได้พูดอะไร
“เป็นอะไรไป?” เจี่ยงเถิงรู้สึกถึงความไม่ปกติ อารมณ์ของหลินซือดูเหมือนจะแย่ลง
หลินซือปิดปากและเงยหน้าขึ้น
เจี่ยงเถิงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตนเองนั้นบอกให้นางเงียบปาก หลินซือโกรธเสียแล้ว เด็กหนุ่มจึงรีบกล่าวขอโทษ “อาซือ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ทั้งใจจะโมโหใส่เจ้า ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่?”
หลินซือแค่นเสียงก่อนจะสะบัดหน้าหนี
เจี่ยงเถิงจับมือที่ปิดปากของเด็กสาวออก เด็กหนุ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้แรงมาก เขาจึงรู้ว่าหลินซือไม่ได้โมโหเท่าไรนัก จึงคลายกังวลหลายส่วน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ “อาซือ เจ้าพูดอะไรหน่อยสิ ข้าขอร้องล่ะ”
หลินซือจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเมตตา “ได้สิ ข้าให้อภัยท่าน แต่ว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้มองดูถนนเส้นนี้อย่างละเอียดเลย ท่านอยากจะพาข้าเดินดูอีกรอบไหม”
เมื่อเห็นหลินซือยื่นมือออกมา เจี่ยงเถิงก็สามารถรับรู้ได้ว่านางหมายความว่าอย่างไร หลังจากนั้นก็หันหลังและก้มตัวอุ้มหลินซือขึ้นอย่างง่ายดาย
“ข้าอยากจะไปที่ร้านเกี๊ยวน้ำน่ะ” หลินซือเน้นย้ำ
“ได้” เจี่ยงเถิงยิ้มตอบอย่างช่วยไม่ได้
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อาซือดื้อน่าตีมากอะ โตเป็นสาวแล้วนะอย่าลืมสิ คงมีแต่เจี่ยงเถิงเท่านั้นแหละที่รับมือไหว
ไหหม่า(海馬)