ตอนที่ 993 ความซวยไม่ทันหาย ความฉิบหายเข้าแทรก (4) ตอนที่ 994

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 993 ความซวยไม่ทันหาย ความฉิบหายเข้าแทรก (4) / ตอนที่ 994 ความซวยไม่ทันหาย ความฉิบหายเข้าแทรก (5)
ตอนที่ 993 ความซวยไม่ทันหาย ความฉิบหายเข้าแทรก (4)

สยงป้าโยนงานทิ้งทันทีและรีบเดินทางกลับมาที่นี่ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในตึกเขาก็เห็นท่าทางหยิ่งยโสของซั่งกวนเยี่ยน ความโกรธพลันปะทุขึ้นในใจเขา

หลินเชวียหันไปสวามิภักดิ์กับท่านผู้นั้น ทำให้ทุกคนในตึกน้ำค้างเหมันต์เริ่มมองคนอื่นต่ำกว่าพวกเขา และเริ่มมองไม่เห็นหัวคนจากตึกอื่นๆ อีกสามตึก

ซั่งกวนเยี่ยนไม่คิดว่าจู่ๆ สยงป้าจะกลับมา เมื่อเขาเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา เขาก็อดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้

สยงป้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์รุนแรง เมื่อเขาถูกยั่วยุ เขาก็ไม่รั้งตัวเองเลยสักนิด

“หัวหน้าตึกสยง” ซั่งกวนเยี่ยนมองสยงป้าอย่างลำบากใจ

สยงป้าส่งเสียงหึออกมาอย่างดูถูกและพูดว่า “ครั้งนี้ตึกน้ำค้างเหมันต์ยื่นมือออกมายาวเกินไปแล้ว ลานประลองสัตว์วิญญาณย่อมมีกฎของตัวเอง ถ้าเจ้ารู้สึกว่าสัตว์วิญญาณของคุณชายจวินมีปัญหา เจ้าก็หาคนมาท้าชิงเขาได้ แล้วขอให้คนของลานประลองสัตว์วิญญาณตรวจสอบพวกเขาอย่างละเอียดตอนนั้นสิ แค่นั้นก็ไขข้อข้องใจของเจ้าได้แล้วไม่ใช่หรือ แต่เจ้ากลับตัดสินใจมาที่ตึกของข้าแล้วก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นเพื่อให้ใครดู ข้าสยงป้ายังมีชีวิตอยู่! ตราบใดที่ข้ายังอยู่ตึกเพลิงพิโรธจะไม่ยอมให้ใครมาทำนิสัยชั่วช้าที่นี่!”

ดวงตาของสยงป้าส่องประกายเกรี้ยวกราด ซั่งกวนเยี่ยนเย็นวาบไปทั้งร่าง

“ทำไมพวกเจ้ายังยืนอยู่อีก รีบไสหัวไปเสีย! หรือรอให้ข้าสั่งให้พี่น้องในตึกเพลิงพิโรธของข้าเชิญพวกเจ้าออกไป” สยงป้าไล่ตะเพิดเสียงดัง

ขนาดคนยโสโอหังอย่างซั่งกวนเยี่ยนยังไม่กล้าหาเรื่องสยงป้าตรงๆ ต่อหน้าผู้คนมากมาย ถึงจะโดนด่าจนน้ำลายเต็มหน้าแต่ซั่งกวนเยี่ยนก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากล่าถอยกลับไปจากตึกเพลิงพิโรธด้วยสีหน้าหมองหม่น

เมื่อซั่งกวนเยี่ยนจากไป สยงป้าก็ให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเอง ส่วนเขาพาชิงอวี่กับจวินอู๋เสียไปที่สนามหลังตึก เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนอื่นอยู่แถวนั้น สยงป้าจึงถามด้วยความงุนงงว่า “เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินว่าคนของตึกน้ำค้างเหมันต์มาก่อความวุ่นวายที่นี่ แล้วซั่งกวนเยี่ยนมาจ้องเล่นงานคุณชายจวินได้อย่างไรกัน”

สยงป้าได้ยินเรื่องราวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นขณะที่รีบกลับมาที่นี่ เขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น

ชิงอวี่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้สยงป้าฟังทันที

ในที่สุดสยงป้าก็เข้าใจ

“มิน่าเจ้าสารเลวซั่งกวนเยี่ยนถึงได้กล้าขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะเจ้าลูกชายไม่เอาถ่านของมันถูกสัตว์วิญญาณของจวินเสียทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้ มันถึงได้แล่นมาถึงที่นี่ ฮ่าๆๆ! ข่าวดีจริงๆ! ในเมื่อควบคุมสัตว์วิญญาณของตัวเองไม่ได้ก็สมควรแล้ว ที่เจอโชคร้ายแบบนี้ก็เป็นความผิดของมันทั้งหมด”

“ที่จริงเหตุการณ์นี้คุณชายจวินไม่ได้ทำอะไรเลยนะขอรับ วานรทมิฬหกแขนของเขาคลั่งขึ้นมาแล้วพุ่งลงจากเวทีประลองไปกระแทกกับซั่งกวนเหมี่ยว เห็นได้ชัดเลยว่าซั่งกวนเยี่ยนพยายามจะใช้ตำแหน่งของเขาในทางที่ผิด” ชิงอวี่พูดพร้อมขมวดคิ้ว ที่ลานประลองสัตว์วิญญาณมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยเห็นเป็นเรื่องใหญ่

ตั้งแต่แรกที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเข้ามาที่ลานประลองสัตว์วิญญาณ ก็ไม่ได้ถูกละเว้นการตรวจสอบที่จำเป็นต้องทำเลย นั่นเป็นสิ่งที่ชิงอวี่แน่ใจมาก

แม้ว่าเขาจะสงสัยมากว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทำให้วานรทมิฬหกแขนกลัวจนหนีเตลิดเปิดเปิงแบบนั้นได้อย่างไร แต่เขาก็เชื่อว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทำมันด้วยพลังของมันเอง ไม่ใช่พลังจากที่อื่น

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าไม่คิดว่ามันจะทำให้หลินเชวียเสียหายอะไรมากมายจนกล้าทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ซั่งกวนเยี่ยนอาจจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ข้าว่าเขาจะส่งคนมาท้าชิงสัตว์วิญญาณของคุณชายจวินอีกมาก” สยงป้าพูด เขาหันไปทางจวินอู๋เสียและพูดต่อว่า “ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ขอรับ! ข้าไม่คิดว่าสัตว์วิญญาณที่ดูอ่อนแอน่ารักของท่านจะเก่งกาจขนาดทำให้วานรทมิฬหกแขนกลัวจนหนีไปได้ ข้าเคยสังเกตเห็นว่ามันเชื่อฟังท่านมาก อย่าบอกข้านะว่าคุณชายจวินก็รู้วิธีฝึกสัตว์วิญญาณด้วย”

จวินอู๋เสียตอบหน้าตาเฉยว่า “โชคชะตาพาเรามาอยู่ด้วยกันน่ะ”

ฝึกหรือ นางไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเองต่างหากที่มาเกาะติดนางแจ แล้วตอนนี้ก็ยังมีเจ้ากระต่ายโลหิตเพิ่มมาอีกตัวด้วย!

ตอนที่ 994 ความซวยไม่ทันหาย ความฉิบหายเข้าแทรก (5)

“ระวังตัวให้ดีนะขอรับ ถ้าท่านรู้สึกว่ามันมากไปก็บอกทางลานประลองสัตว์วิญญาณแล้วถอนตัวออกจากการแข่งขันเสีย” สยงป้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องลานประลองสัตว์วิญญาณนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จวินอู๋เสียถึงได้สนใจลานประลองสัตว์วิญญาณมากขนาดนั้น

โชคดีที่ถึงแม้เมืองพันอสูรจะถูกท่านผู้นั้นควบคุมอยู่ แต่นางไม่ได้มายุ่งกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น และยังคงเป็นชวีเหวินเฮ่าที่เป็นคนตัดสินใจในเรื่องแบบนี้ ดังนั้นตึกน้ำค้างเหมันต์จึงไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต

“ข้ารู้” จวินอู๋เสียตอบ นางไม่กังวลว่าคนของลานประลองสัตว์วิญญาณจะตรวจอะไรได้จากใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ นางรู้ว่าตราบใดที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตั้งใจจะทำ มันก็สามารถซ่อนพลังของมันได้อย่างมิดชิด และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามตรวจสอบมากขนาดไหนก็ตาม มันจะยังแสดงตัวเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับต่ำ

จวินอู๋เสียไม่อยากให้ตัวตนของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะในฐานะสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติถูกเปิดเผยออกมา และก็ไม่อยากยอมแพ้เรื่องกำไลสะกดอสูรเช่นกัน นางจะรอดูว่าตึกน้ำค้างเหมันต์จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้

“ถ้าท่านรู้ก็ดีแล้ว” สยงป้ามั่นใจในสติปัญญาของจวินอู๋เสียมาก และด้วยคำรับรองของจวินอู๋เสีย เขาจึงไม่กังวลในเรื่องนี้มากนัก

ตึกเพลิงพิโรธสงบลงแล้ว แต่ที่ตึกน้ำค้างเหมันต์กลับลุกเป็นไฟ

“อะไรนะ ซั่งกวนเยี่ยนจับสัตว์วิญญาณของจวินเสียมาไม่ได้อย่างนั้นหรือ” หลินเฟิงมองคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า เขาส่งคนไปรายงานบิดาแล้ว ขอให้บิดาสอบสวนเรื่องสัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสีย และบิดาของเขาก็ส่งซั่งกวนเยี่ยนไป ถึงอย่างไรคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คือซั่งกวนเหมี่ยว ซั่งกวนเยี่ยนย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่แถมยังโกรธจัดในสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรชายของเขาอีกด้วย

ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำอะไรสัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสียไม่ได้ แถมยังถูกสยงป้าด่ากลับมาอีก

“หัวหน้าตึกเพลิงพิโรธบอกว่าถ้าจะทำการตรวจสอบ ทางลานประลองสัตว์วิญญาณต้องเป็นคนทำ และจะเป็นเช่นนั้นก็เมื่อมีคนท้าชิงพวกเขา คุณชายขอรับ ลานประลองสัตว์วิญญาณอยู่ใต้อำนาจของท่านเจ้าเมือง ต่อให้เป็นตึกน้ำค้างเหมันต์ก็เข้าไปก้าวก่ายไม่ได้” คนรับใช้พูดเบาๆ

หลินเฟิงขบกรามแน่น ขนาดซั่งกวนเหมี่ยวยังล้มหมอนนอนเสื่อทั้งๆ ที่จวินอู๋เสียเพิ่งมาที่เมืองพันอสูรได้แค่สองวัน และเขาก็ได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งของลานประลองสัตว์วิญญาณแล้ว ถ้าข่าวนี้ไปถึงหูของชวีหลิงเย่ว์ละก็หายนะแน่

หลินเฟิงเค้นสมองคิดหาวิธี แล้วทันใดนั้นเขาก็คิดออก!

“ช่วงนี้การฝึกมังกรมายาเป็นอย่างไรบ้าง” หลินเฟิงถามขึ้น

คนรับใช้สะดุ้งก่อนจะพูดว่า “การฝึกเกือบสมบูรณ์แล้วขอรับ”

“ดี” หลินเฟิงพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าเด็กต่างเมืองคิดจริงๆ หรือว่าสัตว์วิญญาณตัวเล็กๆ ของมันจะเข้ามาประกาศตัวว่าเหนือกว่าใครในเมืองพันอสูรได้ ข้าอยากจะเห็นนักเชียวว่าสัตว์วิญญาณระดับต่ำของมันจะสามารถยืนหยัดต่อหน้ามังกรมายาได้หรือเปล่า!”

เมื่อคนรับใช้ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ก้มหัวลงคำนับกับพื้นวิงวอนว่า

“คุณชายขอรับ! อย่าคิดทำเช่นนั้นนะขอรับ! มังกรมายาเป็นของขวัญที่นายท่านเตรียมจะมอบให้แก่ท่านยาย ถ้านายท่านรู้ว่าคุณชายเอามังกรมายาออกไปละก็ ข้าเกรงว่า…”

“หุบปาก!” หลินเฟิงพูดด้วยความโกรธ “ข้าแค่ขอยืมมังกรมายาไปสักวันสองวันเท่านั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นได้กัน อย่าบอกข้านะว่าเจ้าคิดว่าสัตว์วิญญาณระดับต่ำตัวเล็กๆ จะสามารถทำร้ายมังกรมายาได้ ข้าแค่จะหาของว่างให้มังกรมายากินเล่นเท่านั้นเอง หลังจากที่มันกินสัตว์วิญญาณของจวินเสียไปแล้ว ข้าก็จะนำมังกรมายากลับมาคืนอย่างปลอดภัย ท่านพ่อก็ยังสามารถมอบมันให้ท่านยายเป็นของขวัญได้อยู่”

คนรับใช้คนนั้นยังคงตัวสั่นอยู่ที่พื้น ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หลินเฟิงชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของตัวเอง มังกรมายาฝึกยากมาก บิดาของเขาจัดการฝึกมันหลังจากที่พบชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษหลายปีให้ค่อยๆ ฝึกมัน และมังกรมายาไม่ได้จดจำเจ้านายจากตัวบุคคล แต่จดจำจากสิ่งของ!