การแสดง​ของ​เฟ่ย​หยาง​จบ​ลง​แล้ว​

หลาย​คน​คล้าย​กับ​ไม่สามารถ​ตั้งสติ​ได้​ในทันที​

ไม่มีใคร​พูดจา​

ไม่รู้​ว่า​เฟ่ย​หยาง​ลอบ​เช็ดน้ำ​ตาจน​แห้ง​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​

ทันใดนั้น​เอง​

มีคน​ปรบมือ​

ผ่าน​ไป​หลาย​นาที​ ห้อง​ส่งจึงมีเสียง​ปรบมือ​เสียงดัง​กึกก้อง​!

หลิน​เยวียน​ก็​ปรบมือ​

ทว่า​ปรบมือ​ไป​ได้​เพียง​ไม่กี่​ครั้ง​ จู่ๆ ก็​สัมผัส​ได้​ถึงความ​เปียกชื้น​บน​ใบหน้า​

เขา​ยก​มือขึ้น​สัมผัส​ตาม​สัญชาตญาณ​​ รู้สึก​เย็น​ๆ

หลิน​เยวียน​จึงได้​พบ​ว่า​ ตน​ร้องไห้​ออกมา​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ก็​ไม่รู้​

เขา​เอง​ยัง​ไม่รู้ตัว​ว่า​ทำไม​ตน​ถึงร้องไห้​

เป็น​เพราะ​ซาบซึ้งใจ​กับ​เฟ่ย​หยาง​หรือ​?

กล้อง​จับภาพ​มาที่​เขา​พอดี​

และ​มีผู้ชม​สังเกตเห็น​ถึงฉาก​นี้​พอดี​

“อย่า​ร้องไห้​!”

“สู้ๆ !”

“เซี่ยนอวี๋​สู้ๆ !”

“พวกเรา​รัก​คุณ​นะ​!”

“พ่อ​เพล​งอ​วี๋​เก่ง​ที่สุด​!”

“…”

ผู้คน​ตะโกน​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ !

เสียง​ปรบมือ​ยิ่ง​ดัง​กระหึ่ม​!

หลิน​เยวียน​โบกมือ​ให้​กับ​ผู้ชม​ จากนั้น​จึงรับ​กระดาษ​จาก​อัน​หง​มาเช็ด​น้ำตา​

เขา​ไม่ได้คิด​ต่อว่า​ทำไม​ตน​ถึงร้องไห้​

ต่อให้​เขา​จะไม่รู้​ว่า​ใน​คอมเมนต์​นั้น​เต็มไปด้วย​คำ​สอง​คำเต็ม​หน้าจอ​

‘ปวดใจ​!’

บางที​ภาพ​นี้​อาจ​กระตุ้น​ความคิด​เชื่อมโยง​ของ​ผู้คน​มากมาย​

เฟ่ย​หยาง​ “…”

ผม​ก็​ร้องไห้​เหมือนกัน​!

จนกระทั่ง​อัน​หง​เดิน​ขึ้น​มาบน​เวที​ ประโยค​แรก​ของ​เขา​จึงทำ​ให้เสียง​ปรบมือ​และ​การ​ถกเถียง​เงียบ​ลง​

“ขณะที่​ทุกคน​กำลัง​ปลอบใจ​อาจารย์​เซี่ยนอวี๋​​ อันที่จริง​ทุกคน​ต้องการ​กำลังใจ​ ใน​ความเห็น​ของ​ผม​ บางที​หลังจากนี้​ผม​อาจ​ไม่เปิด​ฟังเพลง​นี้​ง่ายๆ​ อีก​”

นั่นสิ​

เซี่ยนอวี๋​ต้องการ​การ​ปลอบใจ​

เฟ่ย​หยาง​ต้องการ​การ​ปลอบใจ​

แล้ว​ผู้ชม​ไม่ต้องการ​การ​ปลอบใจ​หรือ​?

ทุกคน​รวมกัน​เป็น​กลุ่มก้อน​ของ​ความเศร้า​

แม้ว่า​พ่อ​ของ​บางคน​จะยัง​มีชีวิต​อยู่​ แต่​สำหรับ​บางคน​ พ่อ​ของ​พวกเขา​ได้​ลา​จากไป​แล้ว​ตลอดกาล​

ทว่า​ความรู้สึก​ที่​มีต่อ​พ่อ​ ใคร​ไม่เหมือนกัน​บ้าง​?

ทุกคน​อยู่​ใน​บทเพลง​

อัน​หง​มอง​ไป​ยัง​เฟ่ย​หยาง​ “อาจารย์​เฟ่ย​หยาง​มีอะไร​อยาก​พูด​ไหม​ครับ​”

เฟ่ย​หยาง​ปรับ​สภาพ​จิตใจ​เรียบร้อย​แล้ว​

เขา​หยิบ​ไมโครโฟน​ขึ้น​มา เอ่ย​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “เฉพาะ​เพลง​นี้​ ผม​ยินดี​เป็น​อันดับ​สอง​”

ผู้ชม​หัวเราะ​ลั่น​

สำหรับ​เฟ่ย​หยาง​ในเวลานี้​ เพลง​นี้​คงจะ​มีความหมาย​ลึกซึ้ง​เป็นพิเศษ​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หลังจาก​พ่อ​ของ​เขา​ผ่าน​การ​เข้า​รักษา​ฉุกเฉิน​

ความรู้สึก​ของ​การ​ได้รับ​กลับมา​หลังจาก​สูญเสีย​ไป​นั้น​ ยิ่ง​ทำให้​คนเรา​เข้า​ใจถึงคุณค่า​ของ​หลาย​สิ่งมาก​ยิ่ง​

เฟ่ย​หยาง​พูด​ต่อ​ “ขอบ​คุณพ่อ​ของ​ผม​ที่​สนับสนุน​ผม​มาตลอด​หลาย​ปี​ ผม​พูด​มาตลอด​ว่า​แฟนคลับ​คือ​คน​ที่​ทำให้​ผม​ประสบความสำเร็จ​ ที่จริง​แล้ว​คำพูด​เหล่านี้​เป็น​เพียง​มุก​ ผม​คิด​ว่า​ผม​ประสบความสำเร็จ​ด้วยตัวเอง​ เป็น​เพราะ​ความพยายาม​ ความ​ยืนหยัด​ และ​พรสวรรค์​ของ​ผม​เอง​ ผม​รู้​ว่า​คำพูด​นี้​ออกมา​แล้ว​อาจ​ทำให้​ใคร​หลาย​คน​ไม่สบายใจ​ แต่​ต้อง​ขอโทษ​ด้วย​ครับ​ นี่​คือ​ความคิด​ที่อยู่​ใน​ใจของ​ผม​มาตลอด​”

“โอ้​?”

ถ้าหาก​อยู่​ใน​โอกาส​อื่น​ คำพูด​นี้​ของ​เฟ่ย​หยาง​ ย่อม​ไม่เหมาะสม​อย่าง​แน่นอน​

ทว่า​ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ อัน​หง​กลับ​คลี่​ยิ้ม​ “สิ่งที่​คุณ​เข้าใจ​นั้น​ไม่ผิด​หรอก​ครับ​ แฟนคลับ​สนับสนุน​คุณ​​ เพราะ​จุดเด่น​เช่นนี้​ของ​คุณ​​ พวกเรา​ขอบคุณ​แฟนคลับ​ แต่​ก็​ต้อง​ไม่ลืม​ขอบคุณ​ตัวเอง​ด้วย​”

“แต่​ความคิด​ของ​ผม​เปลี่ยนไป​”

เฟ่ย​หยาง​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​ “ที่จริง​ความพยายาม​และ​ความ​ยืนหยัด​ของ​ผม​ ไม่สำคัญ​เท่า​การ​สนับสนุน​จาก​พ่อ​ ถ้าไม่มีแรง​สนับสนุน​จาก​พ่อ​ ผม​ไม่มีทางเดิน​มาถึงทุกวันนี้​ เมื่อก่อน​เงิน​ที่​ใช้ทำ​เพลง​ ล้วน​เป็น​เงิน​ที่​พ่อ​ให้​ ถ้าไม่มีพ่อ​ แม้แต่​เงิน​ซื้อ​เสื้อผ้า​ใส่ขึ้น​แสดง​ครั้งแรก​ผม​ยัง​ไม่มีเลย​ ดังนั้น​ก่อนที่จะ​ขอบคุณ​ตัวเอง​ ผม​อยาก​ขอบคุณ​พ่อ​ก่อน​”

เสียง​ปรบมือ​ดัง​ขึ้น​

เฟ่ย​หยาง​หันไป​ท่ามกลาง​เสียง​ปรบมือ​ “ขณะเดียวกัน​ ต้อง​ขอบคุณ​อาจารย์​เซี่ยนอวี๋​​ อันที่จริง​อาจารย์​เซี่ยนอวี๋​ทำให้​ผม​เรียนรู้​อะไร​หลาย​หยาง​ การแข่งขัน​รอบ​ตัดสิน​รายการ​ราชา​หน้ากาก​นักร้อง​ เขา​ทำให้​ผม​เข้าใจ​ว่า​บทเพลง​จำเป็นต้อง​มีความรู้สึก​จึงจะเข้าถึง​ผู้คน​ได้​ ตอนนั้น​ผม​ถึงได้​รู้​ว่า​ทิศทาง​ของ​ตัวเอง​มีปัญหา​”

หลิน​เยวียน​พยักหน้า​

ผู้ชม​ทำได้​เพียง​ยิ้ม​ขมขื่น​

คุณ​ยอมรับ​แล้ว​จริงๆ​

สมแล้ว​ที่​เขา​คือ​เป็น​หลาน​ห​ลิง​อ๋อง​

เฟ่ย​หยาง​พูด​ต่อ​ “ตอนที่​อาจารย์​เซี่ยนอวี๋​หยิบ​เพลง​นี้​ให้​ผม​ ผม​ได้​เรียนรู้​สิ่งใหม่​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ บทเพลง​จำเป็นต้อง​มีความรู้สึก​จึงจะเข้าถึง​ผู้คน​ได้​ แต่​เงื่อนไข​คือ​ความรู้สึก​ของ​ผม​ต้อง​ออก​มาจาก​ใจ”

ใน​รอบ​ตัดสิน​รายการ​ราชา​หน้ากาก​นักร้อง​ เฟ่ย​หยาง​ร้องเพลง​ให้​ตนเอง​

ทว่า​ใน​วันนี้​ เฟ่ย​หยาง​กลับ​ร้องเพลง​ให้​พ่อ​ ความรู้สึก​ใน​ครั้งนี้​ จริงใจ​ยิ่งกว่า​ครั้ง​ใด​

เป็นครั้งแรก​ ที่​เขา​ร้องเพลง​แล้ว​ร้องไห้​

และ​เป็นครั้งแรก​ ที่​เขา​ร้องเพลง​จน​ไม่อาจ​ควบคุม​ตัวเอง​ได้​

เสียง​ของ​เขา​กด​ต่ำ​ลง​ “มีเรื่อง​หนึ่ง​อยาก​แบ่งปัน​กับ​ทุกคน​ นั่น​คือ​มีครั้งหนึ่ง​ต้อง​ย้ายบ้าน​ และ​ผม​ไป​เห็น​ได​อารี​ของ​พ่อ​เข้า​โดยบังเอิญ​​ พวกคุณ​รู้​ไหม​ว่า​สำหรับ​ลูก​แล้ว​ ได​อารี​เล่ม​นั้น​เหมือน​สมบัติ​ล้ำค่า​ชิ้น​หนึ่ง​ ราวกับ​มีเวทมนตร์​ดึงดูด​ให้​เข้าไป​เปิด​อย่า​งอด​ไม่ได้​”

ผู้ชม​พยักหน้า​

ใน​ได​อารี​นั้น​คงจะ​แบกรับ​ความรัก​ของ​พ่อ​ที่​มีต่อ​ลูก​

แต่ว่า​…

เฟ่ย​หยาง​ส่ายหน้า​ “ได​อารี​เล่ม​นั้น​ไม่ได้​เขียน​ว่า​พ่อ​รัก​ผม​แค่​ไหน​ ใน​ได​อารี​ของ​เขา​มีแต่​บันทึก​ตาราง​เวลาทำงาน​”

ผู้ชม​หัวเราะ​

หัวเราะ​ไป​เรื่อยๆ​ ทันทีที่​ทุกคน​เงียบ​ลง​อีกครั้ง​

นี่​ไม่ใช่ความรัก​รูปแบบ​หนึ่ง​หรอก​หรือ​ นี่​คือ​ความรัก​ที่​หนักแน่น​เสีย​ยิ่งกว่า​

เฟ่ย​หยาง​หัวเราะ​ “ผม​รู้​ว่าการ​ร้องเพลง​นี้​คง​ทำให้​บรรยากาศ​หนักหน่วง​มาก​ทีเดียว​ แต่​อาจารย์​เซี่ยนอวี๋​ทำให้​ทุกคน​ครึกครื้น​กัน​มาสามรอบ​แล้ว​ พวกคุณ​ต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​กัน​บ้าง​”

ผู้ชม​หัวเราะ​ครืน​อีกครั้ง​

การแข่งขัน​ใน​เวที​นี้​ ทำให้​ทุกครั้ง​หัวเราะ​เคล้า​น้ำตา​

อัน​หง​เอ่ย​ว่า​ “งั้น​ผม​ของ​แบ่งปัน​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​ทุกคน​สักหน่อย​ครับ​ เรื่อง​นี้​ผม​เคย​อ่าน​จาก​ใน​นิยาย​เรื่อง​หนึ่ง​ ลูกชาย​พา​พ่อ​วัยชรา​ซึ่งเป็น​อัลไซเมอร์​ไป​กิน​เกี๊ยว​ พ่อ​ยื่นมือ​ออกมา​หยิบ​เกี๊ยว​ใส่ใน​กระเป๋าเสื้อ​ ลูกชาย​รู้สึก​ขายหน้า​ จึงรีบ​ถามว่า​ พ่อ​ ทำ​อะไร​น่ะ​ครับ​ พ่อ​ของ​เขา​กระซิบ​ตอบ​ว่า​ ลูกชาย​ผม​…ชอบ​กิน​”

เขา​หลงลืม​ทุกสิ่ง​ แต่กลับ​ยังคง​จดจำ​คุณ​ได้​

ผู้ชม​นิ่ง​ไป​

น้ำตา​เริ่ม​กลับมา​อีกครั้ง​

ใน​คอมเมนต์​ถึงขั้น​มีคน​บ่น​

‘เจ้าบ้า​อัน​หง​ หลอก​ให้​ร้องไห้​อีกแล้ว​!’

แน่นอน​

การแข่งขัน​ยังคง​ดำเนินต่อไป​

แม้ว่า​สำหรับ​นักร้อง​คนอื่น​ การแข่งขัน​จะจบ​ลง​แล้ว​ก็ตาม​…

เพลง​นี้​ ‘ปัง​’ มาก​!

ไม่ได้​หมายถึง​ตัว​บทเพลง​นั้น​ปัง​มาก​แค่​ไหน​ แต่​หมายถึง​บรรยากาศ​ซึ่งอบอวล​ไป​ด้วย​ความรู้สึก​และ​ความซึ้ง​จน​น้ำตาไหล​!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ เมื่อ​ทุกคน​รู้​ถึงเรื่องราว​ที่​เฟ่ย​หยาง​ผ่าน​มาก่อน​จะขับ​ร้องเพลง​นี้​

เพราะฉะนั้น​ จึงเป็นเรื่อง​ยาก​ที่จะ​รับ​เวที​ต่อ​จาก​เพลง​นี้​

นักร้อง​คน​ต่อไป​รับมือ​ไม่ไหว​ คน​ต่อ​ต่อไป​ก็​รับมือ​ไม่ไหว​ นักร้อง​ใน​วันนี้​ล้วน​เจอ​งาน​ยาก​

“ยังมี​อะไร​อยาก​บอก​กับ​ทุกคน​ไหม​ครับ​”

สุดท้าย​ อัน​หง​เอ่ย​ถามเฟ่ย​หยาง​

เฟ่ย​หยาง​เงียบ​ไป​ชั่วขณะ​ เอ่ย​ว่า​ “ถ้ามีเวลา​ ก็​จับมือ​เขา​มากขึ้น​สักหน่อย​ ถ้ามีเวลา​ ก็​ปอก​ส้มให้​เขา​กิน​ ถ้ามีเวลา​ อยู่​เป็นเพื่อน​คุย​เท่านั้น​ก็​พอ​ ต่อให้​วิดีโอ​คอ​ล​หา​ ต่อให้​โทรศัพท์​หา​ก็ได้​ทั้งนั้น​…แค่​หา​เวลา​จาก​การ​เล่น​โทรศัพท์​เล่น​เกม​สักหน่อย​เท่านั้น​ก็​พอ​”

พูด​จบ​ เฟ่ย​หยาง​จึงโค้ง​คำนับ​และ​ลง​จาก​เวที​ไป​

มีคำพูด​บางอย่าง​ ที่​เฟ่ย​หยาง​ไม่ได้​เอ่ย​ออกมา​

เพราะ​มัน​อาจ​เจ็บปวด​เกินไป​

ต่อให้​ตอนนี้​เขา​มีเวลา​ แต่​คุณ​ไม่มีเวลา​

อาจ​เป็น​เพราะ​งาน​ เป็น​เพราะ​เกม​ หรือ​เป็น​เพราะ​เหตุผล​อื่นๆ​

กว่า​คุณ​จะมีเวลา​ เขา​อาจ​ไม่อยู่แล้ว​ก็ได้​

นี่​คือ​สิ่งที่​เฟ่ย​หยาง​พบ​เจอ​ด้วยตัวเอง​ เพราะฉะนั้น​เขา​จึงเข้าใจ​เรื่อง​นี้​มากว่า​ใคร​

อย่า​ลืม​ว่า​

เวลา​ของ​เขา​ เหลือ​ไม่เท่า​คุณ​…

————————

ปล.​ คุณตา​ชอบ​จูงมือ​เด็ก​ๆ มาก​ แต่​ฉัน​ไม่รู้​ หลังจาก​เขา​เสีย​ไป​ คุณยาย​เป็น​คน​บอก​ฉัน​ว่า​เวลา​ฉัน​จับมือ​เขา​อาจ​รู้สึก​เหมือน​ไม่ได้​มีอะไร​พิเศษ​ แต่​คุณยาย​บอ​กว่า​ที่จริง​แล้ว​เขา​ดีใจ​มาก​ อีก​อย่าง​ช่วงนี้​มีแม่ของ​เพื่อน​คน​หนึ่ง​ตรวจ​เจอ​มะเร็ง​ รู้สึก​ใจหาย​มาก​ ตอนที่​เขียน​เพลง​นี้​เลย​เขียน​ไป​ร้องไห้​ไป​ เหมือนกับ​ใน​นิยาย​บอก​ไว้​ ว่า​เพลง​นี้​เขียน​ถึงพ่อ​ แต่​แท้จริง​แล้ว​หมายถึง​ความรัก​ใน​ครอบครัว​ พูดถึง​ทุกคน​ใน​ครอบครัว​ ขอให้​ทุกคน​จะใช้เวลา​กับ​ครอบครัว​ให้​มากขึ้น​ ขอให้​ทุกคน​มีสุขภาพ​แข็งแรง​ ข้อความ​เรื่อยเปื่อย​นี้​ไม่คุ้ม​เงิน​ เลิกงาน​ค่า​