ตอนที่ 1005 หินวิญญาณของมังกรมายา (3) / ตอนที่ 1006 อสรพิษทะยาน (1)
ตอนที่ 1005 หินวิญญาณของมังกรมายา (3)
ฝ่ามือของจวินอู๋เสียถูกรยางค์สีทองฉีกออกเป็นแผลยาวและมีโลหิตสีแดงไหลซึมออกมา จากนั้นรยางค์สีทองก็ลากเอาหินวิญญาณเข้าไปในฝ่ามือของจวินอู๋เสีย มันเปื้อนสีแดงเนื่องจากถูกห่อหุ้มอยู่ในเนื้อ
“บัดซบ! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” เจ้าแมวดำตัวน้อยรู้สึกตื่นตระหนกสับสน มันเห็นสีหน้าของจวินอู๋เสียแย่ลงทุกที จึงกระโจนขึ้นและตั้งใจจะฉีกรยางค์สีทองออกจากมือของจวินอู๋เสีย แต่พอมันแตะรยางค์พวกนั้นเบาๆ มันก็เห็นจวินอู๋เสียงอตัวด้วยความเจ็บปวดจนเกินจะทน
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าแมวดำตัวน้อยก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม มันได้แต่ยืนมึนงงสับสนด้วยความตื่นตระหนก
พอจวินอู๋เสียคิดว่ารยางค์สีทองกำลังจะลากหินวิญญาณเข้าไปในฝ่ามือของนางจนหมด แสงจากรยางค์สีทองก็พลันสว่างจ้าขึ้น!
ความรู้สึกเย็นสบายแพร่กระจายไปทั่วร่างของจวินอู๋เสียอย่างรวดเร็ว!
ความรู้สึกที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายก็ค่อยๆ หายไป…
รยางค์สีทองที่พันรอบหินวิญญาณก็หายไปรอบๆ บาดแผล แล้วแสงสีทองก็ซึมลงไปในโลหิตและกระดูกของจวินอู๋เสีย…
บาดแผลยังคงเห็นเป็นรอยขีดสีแดงอย่างชัดเจน และโลหิตก็ยังไหลซึมออกมาจากฝ่ามือของนางก่อนจะหยดลงบนพื้น จวินอู๋เสียก้มมองที่มือของตัวเองด้วยสีหน้างุนงง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันแปลกประหลาดเกินไป และเรื่องแปลกๆ นี้ก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาจวินอู๋เสีย
บาดแผลที่ฝ่ามือของนางเริ่มปิดอย่างช้าๆ โลหิตไม่ไหลออกมาแล้ว นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเนื้อกำลังงอกขึ้นมาใหม่และกำลังรักษาตัวเอง ความรู้สึกประหลาดมหัศจรรย์กระจายไปทั่วมือของนาง
ความเร็วในการรักษานั้นไม่ได้เร็วมาก แต่มันก็ยังเร็วกว่าที่มนุษย์จะทำได้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ขนาดคนที่ฉลาดอย่างจวินอู๋เสียก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตน รยางค์สีทองพวกนั้นคืออะไร ทำไมจู่ๆ ถึงปรากฏขึ้นที่มือของนางได้และทำไมมันถึงอยากลากหินวิญญาณของมังกรมายาเข้าไปในร่างกายของนาง
ถึงจวินอู๋เสียจะเคยเจอกับเรื่องเหลือเชื่อมามากมาย แต่นางก็ยังไม่มีคำอธิบายสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
เจ้าแมวดำตัวน้อยเห็นว่าจวินอู๋เสียยืนมึนงงอยู่ มันก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของนางทันทีเพื่อดูบาดแผลของจวินอู๋เสียอย่างละเอียด
“เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น” เจ้าแมวดำตัวน้อยถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
จวินอู๋เสียส่ายหน้า พยายามวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ขณะที่นางกำลังจะนั่งลง พลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็ดึงจิตสำนึกของนางให้เข้าไปในความมืด!
จวินอู๋เสียยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่เงียบสนิท รู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่าราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่รอบตัวนางเลย กระทั่งร่างกายของนางเองก็รู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน
ไม่ใช่ว่าจวินอู๋เสียไม่คุ้นกับสถานที่แห่งนี้ ครั้งแรกที่นางดูดซับกลืนกินภูติวิญญาณ นางก็เคยมาที่นี่แล้ว แทนที่จะพูดว่านางอยู่ที่อื่น น่าจะพูดว่านางอยู่ในตัวของนางเองจะถูกกว่า
“เด็กน้อย!” จู่ๆ เสียงทุ้มลึกสายหนึ่งก็ดังขึ้นจากในความมืด
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองไปยังแหล่งที่มาของเสียง
ในความมืดมีแสงไฟส่องประกายจางๆ สองดวงปรากฏขึ้น และแสงไฟนั้นก็กำลังตรงเข้ามาหานาง!
แต่เมื่อแสงไฟสองดวงนั้นออกมาจากความมืด ก็พบว่าพวกมันไม่ใช่แสงไฟแต่เป็นดวงตาอันแหลมคมสองดวงแทน!
หัวอันใหญ่โตโผล่ออกมาจากในความมืด และแสงไฟจางๆ ก็ส่องสว่างประมาณครึ่งเมตรรอบตัวจวินอู๋เสียซึ่งในขณะเดียวกันก็ส่องหัวที่อยู่ใกล้ๆ นั้นด้วย! หัวนั้นลักษณะเหมือนอสรพิษที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำทั้งหมด ร่างกายส่วนที่เหลือของมันยังคงซ่อนอยู่ในความมืด
ตอนที่ 1006 อสรพิษทะยาน (1)
สัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวออกมาไม่ได้แปลกหน้าสำหรับจวินอู๋เสียเช่นกัน ครั้งแรกที่นางมาที่โลกอันมืดมิดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าสัตว์ร้ายตัวเดียวกันนี้นี่แหละ!
อสรพิษทะยาน!
ภูติวิญญาณที่จวินอู๋เย่ามอบให้นาง!
จวินอู๋เสียมองเจ้าอสรพิษทะยานตัวใหญ่นั้นอย่างนิ่งสงบ นางคิดว่าตอนที่นางทะลวงขั้นพลังวิญญาณครั้งแรก อสรพิษทะยานได้ถูกกลืนกินเข้าสู่จิตวิญญาณของนางและหายไปแล้ว ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจิตวิญญาณของสัตว์วิญญาณตัวนี้จะยังไม่สลายหายไป!
“เจ้าไม่คิดว่าเราจะได้พบกันอีกล่ะสิ ใช่หรือไม่” สายตาอันคมกริบของอสรพิษทะยานมองไปที่จวินอู๋เสีย กระทั่งในร่างวิญญาณก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ จากจมูกของมัน
“เจ้ายังไม่หายไปอีกหรือ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
“แน่นอน ข้าไม่ได้หายไป เจ้าเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ จะเอาอะไรมากำจัดอสรพิษทะยานอย่างข้าได้! ถ้าไม่ใช่เพราะบุรุษผู้นั้นที่ช่วยเจ้าอยู่ข้างนอก เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าจะสามารถกลืนกินข้าได้ ช่างน่าหัวเราะ!” อสรพิษทะยานพ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูก
“ไม่ว่าข้าจะสามารถกำจัดเจ้าได้หรือไม่ แต่เจ้าก็ถูกข้ากลืนกินอยู่ดี อยากจะโดนอีกรอบหรืออย่างไร ถ้าสัมผัสของข้าไม่ผิด จิตวิญญาณของเจ้าดูเหมือนจะอ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนไม่ใช่หรือ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับหรี่ตาลง ก่อนหน้านี้เจ้าอสรพิษทะยานดุร้ายและหยิ่งยโสจนไม่อยากพูดกับนางเลยสักคำ แต่วันนี้มันกลับไม่ได้โจมตีนางในทันทีที่เจอ นั่นทำให้จวินอู๋เสียเริ่มเดาว่าอสรพิษทะยานไม่ได้มีพลังอย่างที่เคยมีอีกต่อไปแล้ว ไม่อย่างนั้นทำไมมันต้องมาคุยกับศัตรูของมันอย่างสันติแบบนี้ด้วยเล่า
ดวงตาของอสรพิษทะยานเปล่งแสงวาบแล้วมันก็พุ่งหัวเข้าใส่จวินอู๋เสียทันที พอมันเข้าใกล้จวินอู๋เสียมันก็อ้าปากส่งเสียงคำรามออกมา เขี้ยวอันแหลมคมของมันอยู่ตรงหัวของจวินอู๋เสียพอดิบพอดี!
จวินอู๋เสียยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีร่องรอยความกลัวอยู่บนใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบของนางเลย
เจ้าอสรพิษทะยานยกตัวของมันขึ้นช้าๆ เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างตัวมันเองกับจวินอู๋เสีย
“เด็กน้อย พลังของเจ้าอาจจะไม่เท่าไรแต่ความกล้าของเจ้ามันคนละเรื่องกันเลย ข้า อสรพิษทะยาน ได้รวมร่างกับเจ้านับว่าไม่น่าอายแล้ว” อสรพิษทะยานกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าหมายถึงถูกกลืนกินน่ะหรือ” จวินอู๋เสียเตือน
โทสะลุกวาบขึ้นในดวงตาของอสรพิษทะยาน แต่มันก็ถูกสะกดลงไปอย่างรวดเร็ว
“ใช่ ‘กลืนกิน’ แต่ในกระบวนการนั้นได้เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ ขึ้น เจ้าไม่ได้ตระหนักเลยหรือว่าการที่เจ้ายังเห็นข้าอยู่ตอนนี้มันขัดกับเหตุผลทั้งหมด” อสรพิษทะยานถามพลางหรี่ตาลงขณะที่ถอยกลับไปในความมืด มีเพียงดวงตาอันคมกริบคู่นั้นที่ยังสองประกายแวววาวสองดวงอยู่ในความมืด ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในฝันร้ายทำให้ผู้คนเย็นยะเยือกไปทั้งสันหลัง
เมื่ออสรพิษทะยานไม่ได้คำตอบจากจวินอู๋เสีย มันก็พูดต่อไปว่า “ตามกระบวนการกลืนกินนั้น หลังจากที่จิตวิญญาณของข้าถูกเจ้าสะกดลงแล้ว มันก็ควรจะถูกกลืนกินเข้าไปในจิตวิญญาณของเจ้าทีละนิดอย่างช้าๆ จนกระทั่งจิตวิญญาณของข้าสลายไปจนหมดสิ้น แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของข้ายังไม่ลดลงเลย ตรงกันข้ามมันกลับฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ข้าต้องขอบคุณคนที่ให้สมบัติล้ำค่านั่นแก่เจ้าจริงๆ”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง
การที่อสรพิษทะยานยังไม่หายไปสร้างความประหลาดใจให้กับนางมาก ตอนที่นางได้อสรพิษทะยานมา จวินอู๋เย่าบอกว่าหลังจากที่จิตวิญญาณของอสรพิษทะยานถูกกลืนกินไปแล้ว จิตวิญญาณของมันจะสลายไป และขณะที่พลังวิญญาณของนางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อสรพิษทะยานก็ไม่ใช่ภูติวิญญาณเพียงตัวเดียวที่นางกลืนกิน หลังจากที่ถูกนางกลืนกินไปแล้ว ภูติวิญญาณตนอื่นๆ ได้หายไปโดยไม่เหลือร่องรอยใดเอาไว้เลย