บทที่ 553 เจรจา

พิษในร่างกายของไทเฮามีความซับซ้อนและวินิจฉัยได้ยาก หากวิชาการแพทย์อ่อนด้อยย่อมหาไม่เจออย่างแน่นอน หวังเซี่ยวจีกล่าวว่าเคยมีหมอหลวงที่รักษาไทเฮามาก่อนหน้านั้น ไม่นานก็เสียชีวิตไป

ซูไท่หยวนรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่คือเรื่องจริง อาจจะเป็นเพราะหมอหลวงคนนั้นวินิจฉัยว่าไทเฮาได้รับยาพิษเข้าไป องค์หญิงใหญ่จึงทดสอบเขา โชคดีที่เขาเฉลียวใจจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ หากเขาพูดความจริงไป เขาคงได้ตายไปตอนนั้นเป็นแน่ พิษที่ว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่

ตอนนี้เขาควรบอกเว่ยฉิงและถังหลี่เกี่ยวกับพระอาการของไทเฮาและท่าทีการแสดงออกขององค์หญิงใหญ่เพื่อวางแผนรับมือเรื่องนี้

หมอหลวงสามารถออกไปนอกพระราชวังเพื่อกลับบ้านได้ในตอนดึก หากวันนั้นไม่ได้เข้าเวรและได้ขออนุญาตหัวหน้าของหมอหลวงแล้ว แต่ซูไท่หยวนไม่เคยได้โอกาสนี้เลยเพราะหวังเซี่ยวจีให้เขาอยู่เวรกลางคืนมาโดยตลอด

“มันไกลเกินไป เจ้าเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก การที่เจ้าค้างคืนจะทำให้ได้เรียนรู้ เป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง”

ไม่ดีตรงไหน? เหมือนกับการที่เขาฝืนสวมรองเท้าคู่เล็กๆ ไม่พอดี! ซูไท่หยวนไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว หัวหน้าหมอหลวงเองก็เสียใจแต่เขาไม่อาจจะต่อต้านหวังเซี่ยวจีได้ เขาจึงต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่เวรตอนกลางคืน ไม่ว่าซูไท่หยวนจะอารมณ์เย็นมากเพียงไหน ตอนนี้เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่ใช่เพราะงานหนักแต่เป็นเพราะเขาต้องบอกเว่ยฉิงและถังหลี่เกี่ยวกับพระอาการของไทเฮาโดยเร็วที่สุด! เขาเข้าไปในห้อง ปิดประตูด้วยสีหน้ากังวลและไม่พอใจ

ตอนนี้เขาอยากวางยาให้หวังเซี่ยวจีต้องนอนเป็นผักสักครึ่งเดือนจริงๆ ในตอนนั้นเองที่หม่ายตงก็เดินเข้ามาหา

“ท่านอาจารย์อย่ากังวลเลย” หม่ายตงเงยหน้าขึ้นมองซูไท่หยวน เขาตัวเล็กแต่มีความเป็นผู้ใหญ่และไว้ใจได้ ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกย่อส่วนลงมา

“อืม…ไม่ต้องรีบร้อน” ซูไท่หยวนกล่าว

เขาต้องตั้งสติให้ดี ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาไปฝังเข็มให้แก่ไทเฮาอีกครั้ง และใช้โอกาสนั้นวินิจฉัยพิษที่อยู่ในพระวรกายอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงได้คิดหาวิธีล้างพิษในร่างกาย

“ฝากเรื่องของหวังเซี่ยวจีไว้ที่ข้ากับเฉาเย่าเถิดขอรับ” หม่ายตงพูดพร้อมกับขยิบตาให้กับซูไท่หยวนอย่างซุกซน

ในตอนกลางคืนหวังเซี่ยวจีเข้าเวรเหมือนอย่างเคย เขารู้สึกปวดท้องเล็กน้อยจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ เฉาเย่าและหม่ายตงชำเลืองมองกันโอกาสมาถึงแล้ว! ทั้งสองเดินออกมา หวังเซี่ยวจีชนกับเฉาเย่า เขาโกรธหันด่าอีกฝ่ายทันทีที่ทำให้เขาเสียเวลา

ส่วนหม่ายตงเข้าไปในห้องน้ำห้องแรก ภายในนั้นถูกตอกยึดไว้ด้วยไม้กระดาน เมื่อเขาเข้าไปถึงจึงได้แอบคลายกระดานออก แล้วหยิบแผ่นกระดานอีกอันขึ้นมาวางไว้ข้างๆ ก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ

หลังจากนั้นไม่นานหวังเซี่ยวจีมาถึง เขาเห็นประตูห้องน้ำเปิดอยู่ก็พรวดพราดเข้าไปโดยไม่ทันระวังอีกทั้งเป็นเวลากลางคืนเขาจึงก้าวพลาด!

“อ๊ะ!” เสียงร้องเอะอะดังขึ้น กลิ่นเหม็นท่วมไปทั้งตัวเขา

เช้าวันถัดมา

“เจ้าได้ยินไหม เมื่อคืนหวังเซี่ยวจีเข้าห้องน้ำแล้วเผลอตกลงไปในบ่อส้วม!”

“ใช่ ข้าได้ยินว่าตอนที่ช่วยเขาขึ้นมา ตัวเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและชวนน่าสะอิดสะเอียน!”

“น่าจะเป็นผลกรรมที่เขาทำเอาไว้ สมควรแล้ว!”

“เขาถูกทหารยามแบกกลับไปบ้านดูเหมือนว่าต้องนอนถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียว”

“อย่าฝืนมาจะดีกว่า ข้าเองก็คิดแบบนั้นตอนเห็นเขา”

“น่าคลื่นไส้!”

ในตอนเช้าบรรดาหมอทั้งหลายต่างรวมตัวเพื่อซุบซิบกัน หมอทุกคนไม่มีใครชอบหวังเซี่ยวจี พวกเขาดีใจและมีความสุขมากที่เขาตกส้วม ไม่มีใครให้ความสนใจซูไท่หยวน หัวหน้าหมอจึงอนุญาตให้เขากลับไปหาครอบครัว

หมอซูออกจากวังหลวงกลับไปที่จวนอู่โหว ทันทีที่ไปถึงหน้าประตูเขาเห็นคนผู้หนึ่งยืนรออยู่ นั่นคือภรรยาของเขา! เมื่อฮูหยินซูเห็นซูไท่หยวนดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นมาทันที

นางรีบเดินมาหาสามีกวาดตามองเขาไปทั่วร่างกาย สังเกตเห็นว่าสามีของนางผอมลง ทั้งแววตาดูอ่อนล้าทำให้หัวใจของนางเจ็บปวด สามีภรรยาเดินเข้าไปในจวนอู่โหวด้วยกัน

ถังหลี่ได้ยินว่าหมอซูกลับมา นางจึงรีบมาหาเขาทันที

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากลับมาแล้ว?” ซูไท่หยวนถามอย่างสงสัย เขาไม่ได้ส่งจดหมายแจ้งล่วงหน้าว่าเขาจะกลับมา แต่ภรรยาของเขารู้ได้อย่างไรถึงได้ไปรอเขาหน้าประตูเช่นนั้น

“ฮูหยินซูมักจะไปรอที่หน้าประตูเสมอ จึงไม่แปลกที่จะได้เจอนาง” ถังหลี่พูดขึ้น

เมื่อซูไท่หยวนได้ยินหัวใจขอเขาก็อ่อนยวบ จนไม่สนใจเรื่องไร้ยางอายอีกต่อไป

“ฮูหยินคิดถึงข้ามากหรือ?” ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!

ซูไท่หยวนจับมือของภรรยา เขามองถังหลี่ถามนางอย่างจริงจัง

“เว่ยฉิงกลับมาหรือยัง?” เขาถามเสียงต่ำ ใบหน้าของถังหลี่เองดูเคร่งขรึมเช่นกัน หมอซูต้องพบอะไรบางอย่างแน่นอน ถังหลี่มองไปที่ท้องฟ้า

“คงจะอีกสักพัก”

วันนี้เว่ยฉิงเลิกงานเร็ว หลังจากรอไม่นานเขาก็กลับมาที่จวนก็จึงได้เริ่มคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“พิษ?” เว่ยฉิงขมวดคิ้ว เขากำมือไว้แน่น

กลายเป็นว่าไทเฮาถูกวางยาพิษจนกลายเป็นเช่นนี้! ถังหลี่จับมือของเว่ยฉิงไว้อย่างปลอบโยนเงียบๆ ชายหนุ่มเอามือไพล่หลัง ยิ้มให้ภรรยา

“หมอซู พิษนี้รักษาได้ไหม?” เว่ยฉิงถาม

“พิษนี้ฝังลึกมาหลายปีแล้ว ทำให้มันซับซ้อนนิดหน่อย” ซูไท่หยวนกล่าว

“ข้าจะค้นในตำราเพื่อหาวิธี ข้าคิดว่าสามารถรักษาได้ ถึงอาจจะไม่ทั้งหมด แต่ไทเฮาจะต้องดีขึ้นแน่นอน”

เว่ยฉิงพยักหน้า “ขอบคุณหมอซูมาก”

“ใครเป็นเจ้าของพิษนี้?” ถังหลี่ถาม

“องค์หญิงใหญ่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” ซูไท่หยวนกล่าว

“วันนั้นหลังจากที่ข้าตรวจชีพจรของไทเฮา องค์หญิงใหญ่ก็ทดสอบข้าทันที”

“เหตุใดนางต้องวางยาพิษ? ยาชนิดนี้ทำให้ผู้คนคลั่งและเป็นบ้า เป็นไปได้ไหมว่าเพราะไทเฮารู้ความลับอะไรบางอย่าง และกลัวว่าความลับจะรั่วไหล ความลับนี้คืออะไร? แล้วฮ่องเต้ทรงรับทราบหรือไม่?” ถังหลี่รัวคำถามเป็นชุด อย่างตรงประเด็น

“ฮ่องเต้น่าจะทรงรับทราบดี” เว่ยฉิงว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวังหลวง จะรอดพ้นสายพระเนตรพระกรรณไปได้อย่างไร?”

“องค์หญิงใหญ่วางยาพิษ ฮ่องเต้ทรงยินยอม หรือฮ่องเต้เป็นคนสั่งนาง?” ถังหลี่ถามอีกครั้ง ทุกคนเงียบไร้คำตอบ

หากเป็นโองการจากฮ่องเต้จริงๆ …นั่นหมายความว่าเขาตั้งใจปกปิดความลับโดยการวางยาไทเฮาทำให้พระนางเสียสติ

เรื่องนี้ร้ายแรงและซับซ้อนเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ เว่ยฉิงดึงสติกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หมอซู ท่านต้องระวังตัวยามอยู่ในวังนะ” ซูไท่หยวนพยักหน้า

“ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังตัวให้ดี”

พวกเขาคุยกันเรื่องนี้หลังมื้อเย็น เว่ยฉิงจึงให้หมอซูไปพักผ่อน

ถังหลี่มองสามีอย่างเป็นห่วง

“สามี…” เขายิ้มรับ

“ฮูหยิน..ไม่เป็นไร หมอซูจะต้องดูแลไทเฮาเป็นอย่างดี ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

เขาเป็นห่วงไทเฮาปรารถนาให้พระนางหายดีเป็นปรกติ แต่สิ่งที่สำคัญคือภรรยาของเขา เขาไม่อยากให้นางต้องเป็นกังวล ชายหนุ่มจุมพิตที่ใบหน้าของนาง

“ฮูหยิน ในความโชคดีก็มีโชคร้ายและในความโชคร้ายก็มีโชคดี..นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ดี แต่อาจจะมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ สิ่งที่ไทเฮาล่วงรู้อาจจะเป็นประโยชน์กับพวกเรา”

เว่ยฉิงเกลี้ยกล่อมนาง เขาถอนหายใจอย่างความโล่งอกและมีความสุข