บทที่ 504 อาจารย์ฮั่วผิดหวังเสียแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 504 อาจารย์ฮั่วผิดหวังเสียแล้ว

บทที่ 504 อาจารย์ฮั่วผิดหวังเสียแล้ว

“แต่พวกพี่ไม่ได้ทำด้วยนะ เสี่ยวลิ่ว แล้วแกจะเอาน้อง ๆ มาช่วยยังไง?” เสี่ยวซื่อถาม

พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ และมันสำคัญกว่าการขายหลู่เว่ยด้วย ถึงจะขายดีแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้มันค่อนข้างแย่นิดหน่อย จะให้ดูแลทั้งสองอย่างมันเป็นไปไม่ได้หรอก

ที่วันนี้ยอมใช้เวลาไปกับมันตลอดช่วงเช้าก็เพื่อให้น้องเล็กมีความสุข

เสี่ยวเถียนแปลกใจมาก พี่สี่ไม่ร่วมวงด้วย งั้นพี่คนอื่น ๆ ก็คงไม่เหมือนกัน เธอรู้สึกว่าช่วงนี้พี่ ๆ มีความลับอยู่แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เหมือนจะเกี่ยวกับฉืออี้หย่วน!

ดูเหมือนจะมีความลับระหว่างพี่ใหญ่และพี่อี้หย่วน แต่ถ้าพวกเขาไม่พูดเธอก็จะไม่ถาม

“พี่สี่ ถ้าแค่พวกเราคงไม่ไหวหรอกครับ!” เสี่ยวลิ่วเกิดขลาดเขลาขึ้นมา

พี่สี่ทำธุรกิจเก่งที่สุด ถ้าไม่มีพี่เขาแล้วเราจะทำยังไง?

เสี่ยวซื่อจ้องน้องชายด้วยความโมโห “แบบนี้อีกแล้ว แกนี่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ไหนบอกจะหาเงินมาดูแลน้องเล็กให้เธอมีชีวิตที่ดีไง?”

พอได้ยินคำว่าน้องเล็กและทำให้เธอมีชีวิตที่ดี เสี่ยวลิ่วกล้าหาญขึ้นทันที

อย่างที่คิดนั่นแหละ ฉืออี้หย่วนซื้อกิ๊บให้น้องสาวเราได้ แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เขาไปแอบถามราคามาด้วย มันแพงมากจริง ๆ หลายหยวนเลย ก็เลยอยากจะหาเงิน ไม่ใช่แค่ซื้อกิ๊บให้ แต่จะซื้อกระโปรงสวย ๆ ให้ใส่ด้วย

“งั้นผมจะพาน้อง ๆ ทำเองครับ!” เสี่ยวลิ่วตัดสินใจแล้ว

เสี่ยวเถียนหัวเราะ ขอร้องท่านแม่ทัพไม่ดีเท่าไปเชิญมาเอง*[1]สินะ?

ขณะที่พวกเราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว แต่คุณปู่คุณย่ากลับคัดค้าน

“ไม่ได้ พวกหลานยังเป็นนักเรียนอยู่เลย ตั้งใจเรียนดีกว่าไหม จะมาคิดขายของได้ยังไง?”

ชายชรายังหัวโบราณอยู่ เป็นความคิดที่ฝังรากลึกว่าบัณฑิต เกษตรกร กรรมกร และพ่อค้า*[2]และพ่อค้าไม่ใช่อาชีพที่ดีเลย

เพราะรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้น จึงคิดว่าหากตัวเขาทำเองก็ไม่มีปัญหาหรอก

ขอแค่ในอนาคตลูกหลานมีความสามารถ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ตระกูลซูเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีการศึกษาแล้ว

“ตอนอยู่ที่อำเภอเราก็เคยทำไม่ใช่หรือครับ? ปู่ พวกเราอยากลองก่อน ถ้าจัดการไม่ไหวจนทำให้การเรียนแย่ เราจะยอมแพ้ครับ!” เสี่ยวลิ่วเอ่ยอย่างหนักแน่น

ชายชรามองออกว่าหลานชายได้ตัดสินใจแล้ว และยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้อีกด้วย

เขารู้สึกเสียใจขึ้นมา

ได้แต่คิดว่าเพราะเราทำมาค้าขายหรือเปล่า จึงทำให้หลาน ๆ มีความคิดที่อยากจะทำเหมือนกันบ้าง?

ไม่ได้การ เขาจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหากินในเมืองหลวงเพื่ออะไร?

เพื่อให้หลานได้มีความสามารถ และเป็นเจ้าคนนายคนในภายภาคหน้าไม่ใช่หรือ? ถ้าทุกคนกลายเป็นพ่อค้ากันหมดแล้วมันจะไปดีอะไรล่ะ? ทำไมเด็กพวกนี้ถึงชอบทำให้เป็นห่วงนะ?

ขนาดพี่ ๆ ยังไม่เอาด้วยเลย แล้วไอ้เด็กพวกนี้มันร้อนเงินอยู่หรือไง?

ขณะที่ชายชราคิดจะจัดการกับพวกเขา เสี่ยวเถียนก็เอ่ยขึ้น

“คุณปู่ ให้พี่ ๆ ลองเถอะค่ะ!”

เสี่ยวเถียนขอร้องหลังจากขบคิด

“พวกแกต้องสัญญาว่าจะไม่รั้งท้ายเพื่อนนะ ไม่งั้นก็อย่าหวังจะได้ขายของต่อเลย” คุณปู่ซูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“คุณปู่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าจะเป็นที่สองให้ได้!” เสี่ยวจิ่วโพล่งขึ้นมา

แต่ชายชรากลับด่าแทน “แกนี่เหมือนจะมีประโยชน์แต่ก็ไม่นะ ทำไมไม่คิดอยากจะได้ที่หนึ่งล่ะ?”

เด็กชายมองน้องเล็กโดยไม่พูดอะไร

อย่างแรกคือเขาไม่กล้าคิดเรื่องนี้เลย เว้นเสียแต่เสี่ยวเถียนจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเราอีก

คุณปู่ซูมองไม่ออกถึงความหมายที่เสี่ยวจิ่วสื่อ เขาจึงจ้องไปที่เสี่ยวปาแทน

“คุณปู่ครับ ผมมั่นใจว่าจะได้ที่สามของห้องครับ!” เสี่ยวปาฉลาดกว่าหน่อยตรงที่ไม่ได้สัญญาว่าจะได้ที่สาม

ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่พอใจ “ไร้ประโยชน์จริง ๆ โตขนาดนี้แล้วยังไม่กล้าพูดว่าจะเอาที่หนึ่งมาให้ตาแก่ภูมิใจอีก!”

เด็กชายพูดไม่ออก แต่มองเสี่ยวเถียนด้วยแววตาเศร้าโศก ยามเบนสายตามาหาผู้เป็นปู่ ก็เหมือนแกจะเข้าใจ ชายชราหัวเราะร่า แล้วหันไปคุยกับหลานชายที่เก่งสู้น้องสาว

“เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี พวกแกว่าไง?”

สองคนนี้น่าจะการันตีว่าได้ที่หนึ่งใช่ไหม? แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผิดหวัง ช่วยไม่ได้ เพราะพวกเขาเรียนห้องเดียวกับฉืออี้หย่วน และเด็กคนนี้ก็คือที่หนึ่ง ตอนแรกคิดว่าจะไล่ตามเจ้าตัวได้ทัน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายทิ้งท้ายไปไม่เห็นฝุ่นเลย

คุณปู่ซูอารมณ์ไม่ดีเท่าที่ควรเลย

เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วยังเข้าใจได้ เสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวชีข้ามผ่านฉืออี้หย่วนไม่ได้เลยหรือ?แต่ก็พูดไม่ได้อีกเพราะทั้งสองบ้านสนิทกัน สุดท้ายก็หาเหตุผลมาจัดการพวกหลาน ๆ และระบายความไม่พอใจออกไปได้

ขณะนั้นที่หน้าประตูมีคนมาหา

เป็นฉืออวี้เลี่ยง หลี่ว์หรูหยาและฮั่วซือเหนียน

เสี่ยวเถียนแปลกใจที่คนทั้งสามมาด้วยกัน แต่คิด ๆ ดูแล้วก็ไม่เห็นจะแปลก เพราะพวกเขาเกี่ยวข้องกับโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ทั้งนั้น

“เสี่ยวเถียน วันนี้เรามาหาเธอเพื่อแสดงความขอบคุณน่ะ เลยถือโอกาสมาจ่ายค่าจ้างด้วยเลย!”

ท่าทางผู้อำนวยการฉือเป็นมิตรมาก เขามองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาชมเชยและซาบซึ้ง

เสี่ยวเถียนงง แค่มาจ่ายค่าจ้างเอง ถึงกับต้องยกโขยงมาเลยหรือ?

ดูอลังการไปไหนนะ มาคนเดียวไม่ได้หรือ?

ฮั่วซือเหนียนมองสำรวจไปรอบ ๆ ร้าน ใบหน้าแทบไม่ปิดบังความผิดหวังเลย

เสี่ยวเถียนเข้าใจได้ในทันที

อาจารย์ฮั่วไม่ได้ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว

น่าเสียดายที่พี่เสี่ยวเหมยไม่ได้มาที่ร้านวันนี้ เขาก็เลยต้องผิดหวัง

และฮั่วซือเหนียนก็รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ แต่พูดแทบไม่ออกเลย

เขางุ่นง่านมาก ทำอะไรผิดตรงไหนหรือเปล่า เจ้าสาวถึงได้ปฏิเสธกันขนาดนี้?

ทำไมการหาภรรยามันยากขนาดนี้นะ?

ผู้อำนวยการทั้งสองไม่รู้จุดหมายของอาจารย์ฮั่วที่ตามมาด้วยกันในวันนี้ เพราะมัวแต่จดจ่อเรื่องของตัวเองอยู่

“เสี่ยวเถียน นอกจากเรามาจ่ายค่าข้าวแล้ว เรายังเอาผ้าไหมจากโรงงานมามอบให้เป็นพิเศษด้วย”

“…” เสี่ยวเถียน

ผ้าไหมจากโรงงานรัฐนะ เอามาให้ตามใจอยากได้ด้วยหรือ?

เธอมองด้วยแววตาคมกริบ จากนั้นหลี่ว์หรูหยาเหมือนนึกอะไรได้จึงรีบอธิบาย

“ในระหว่างการผลิตและย้อมผ้าไหมพวกนี้ มันเกิดปัญหานิดหน่อยน่ะ เอาไปทำเสื้อผ้าก็ได้นะ อย่ารังเกียจเลย!”

เธอเข้าใจแล้วว่าสินค้าพวกนี้คือของมีตำหนิที่เขาว่ากัน

ในยุคนี้หากเป็นของมีตำหนิจะไม่ใช่ตั๋ว จ่ายแค่เงินและมีราคาถูก มีคนหลายคนที่อยากได้แต่ไม่สามารถซื้อมาได้

แต่เธอกลับได้มาโดยไม่ทันตั้งตัว แถมยังเป็นสินค้าระดับท็อปอย่างผ้าไหมด้วย

แล้วของมีตำหนิพวกนี้มันให้กันเฉย ๆ ได้หรือ? ถ้าเธอเอามามันจะเป็นปัญหาอะไรไหม?

“ผู้อำนวยการหลี่ว์คะ ถึงมันจะเป็นของมีตำหนิ แต่ก็ไม่ควรให้กินเฉย ๆ หรือเปล่า? ให้หนูจ่ายเงินซื้อดีกว่าไหมคะ?”

[1]การตุ้นให้ผู้อื่นทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยคำพูดดีกว่าขอให้เขาทำ

[2] จีนในยุคศักดินาจะแบ่งชนชั้นออกตามอาชีพเป็น 4 กลุ่ม เรียกว่าชนชั้นทั้ง 4 ซึ่งอาชีพพ่อค้าเป็นอาชีพที่อยู่ล่างสุด เพราะคนในสมัยนั้นมองว่าอาชีพพ่อค้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง แค่อาศัยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการค้าขายผลผลิตของผู้อื่นเท่านั้น