บทที่ 548 ยื่นมือช่วย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 548 ยื่นมือช่วย

บทที่ 548 ยื่นมือช่วย

ชิวฮัวเล่ยพูดอย่างจริงจังจนซูอันรู้สึกสับสน “ทำไม? เฉินเซวียนก็ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ค่ายเมฆาทมิฬยังสามารถทำอะไรได้อีก?”

ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ที่ท่านควรกังวลไม่ใช่ค่ายเมฆาทมิฬ แต่เป็นกลุ่มอิทธิพลอื่นที่ท่านไม่สามารถยั่วยุได้”

ซูอันรู้สึกงงงวยมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าตระกูลฉู่ จะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่อูฐที่อดอยากก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า พวกเขายังคงมีกองทัพส่วนตัวอยู่

อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นนายน้อยของตระกูลฉู่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันจันทร์กระจ่างเช่นกัน ทำไมชิวฮัวเล่ยยังคงรู้สึกว่าเขาควรจะต้องเกรงกลัวกลุ่มอิทธิพลที่ว่า? พวกมันเป็นกลุ่มอะไรแบบไหนกัน?

“ฮัวเล่ย อย่างน้อยเจ้าก็ช่วยบอกใบ้หน่อยได้ไหม? ว่ากลุ่มอิทธิพลนี้มีความแข็งแกร่งเพียงใด?”ซูอันสอบถาม

ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถบอกอะไรท่านได้อีก นี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถเปิดเผยได้ ที่เหลือก็แล้วแต่ท่าน”

ซูอันนึกเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “มันคือกลุ่มอิทธิพลที่คอยสนับสนุนเจ้าใช่ไหม?”

ภูมิหลังของชิวฮัวเล่ยเป็นเรื่องลึกลับมาโดยตลอด ไม่มีทางที่หญิงสาวสวยคนนี้จะไม่มีใครแตะต้องเป็นเวลาหลายปีในสถานที่เช่นหอสุขนิรันดร์ เว้นแต่นางจะมีกลุ่มอิทธิพลที่น่าเกรงขามสนับสนุนนาง

นางสามารถให้ข้อมูลที่แม้แต่ตระกูลฉู่ยังไม่อาจได้รับแก่เขาได้ สิ่งนี้ทำให้ซูอันเคยสงสัยมาก่อน

การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยขุ่นมัว “อย่าถามอะไรอีก การรู้มากขึ้นจะไม่ช่วยอะไรท่านเลย”

ซูอันพยักหน้า “ลืมมันไปเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เรื่องยากขึ้นสำหรับเจ้า อย่างไรก็ตาม เรื่องเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าเกลือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถละมือของตัวเองได้ ข้าจะส่งคนไปตามหาพวกมัน และข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะพบว่าพวกมันทั้งหมดอยู่ที่ไหน!”

จากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นกล่าวคำอำลา

ชิวฮัวเล่ยกระทืบเท้าของนางอย่างขัดใจ “ทำไมไม่ฟังข้าบ้างเลย!”

นางลังเลอีกเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาในที่สุด “ก็ได้ ๆ! ข้าจะบอกท่านมากกว่าเดิมอีกสักหน่อยก่อนที่ท่านจะทำอะไรโง่ ๆ ลงไป!”

ซูอันหันกลับมามองนาง “ฮัวเล่ย เจ้าช่างดีกับข้าจริง ๆ” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ

ชิวฮัวเล่ยยิ้ม รอยยิ้มนี้ทำให้นางดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง “ท่านเพิ่งรู้เหรอ?”

“พูดตามตรง ข้ามักจะระมัดระวังเจ้าเสมอตั้งแต่เจ้าเข้าหาข้าตอนแรก”ซูอันตอบ “ข้าคิดว่าเจ้ามีแรงจูงใจซ่อนเร้นอยู่ ข้าต้องขอโทษสำหรับเรื่องนั้น”

ใบหน้าของชิวฮัวเล่ยแดงซ่าน นางรู้สึกประทับใจกับความจริงใจในน้ำเสียงของเขา นางถอนหายใจ “ข้ามีแรงจูงใจซ่อนเร้นในการเข้าหาท่านจริง ๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า”

ซูอันไม่สามารถซ่อนความผิดหวังของเขาได้ “อา…ถ้างั้นเจ้าก็คงไม่ได้อยากเป็นอนุภรรยาของข้าจริง ๆ…”

ชิวฮัวเล่ยมองเขาโดยไม่พูดอะไร ผู้ชายคนนี้เป็นคนงี่เง่าหรือไง?

แต่นางรู้ว่านี่เป็นเพียงนิสัยตามปกติของเขา ไม่งั้นนางคงไม่รู้สึกว่าเขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นจริงหรือไม่?

ทั้งสองล้อเล่นกันอีกสองสามประโยค จากนั้นรอยยิ้มของชิวฮัวเล่ยก็ค่อย ๆ จางลง “จะมีการจัดประมูลในตลาดมืดในอีกสามวัน ในระหว่างนั้น ค่ายเมฆาทมิฬจะประมูลใบอนุญาตค้าเกลือให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด หากท่านต้องการใบอนุญาตค้าเกลือคืน ท่านจะต้องซื้อมันด้วยเงิน”

“ตลาดมืด? ประมูล?” ซูอันจำหินพลังชี่ที่เขาได้รับจากสถาบันจันทร์กระจ่างเมื่อมาถึงโลกนี้เป็นครั้งแรกได้ แต่วิธีการบ่มเพาะของเขาแตกต่างออกไป ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดซับพลังชี่จากหินเหล่านั้นได้ เว่ยสั่วเคยกล่าวว่าหินพลังชี่สามารถซื้อขายได้ในตลาดมืด

แต่เมื่อชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหินพลังชี่ในการบ่มเพาะ ดังนั้นจึงลืมเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ไป นี่เป็นเหตุผลที่ซูอันไม่เคยไปตลาดมืด

ตลาดมืดมีอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่างมาหลายปีโดยไม่มีวี่แววว่าจะล่มสลาย ซึ่งหมายความว่ามันได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอิทธิพลที่น่าเกรงขาม เขาไม่คิดว่าชิวฮัวเล่ยจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเดียวกันนี้

เมื่อนางเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของเขา ชิวฮัวเล่ยจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ท่านอย่าพยายามขโมยพวกมันมาอย่างเด็ดขาด ผู้ที่ดำเนินกิจการตลาดมืดได้ตกลงที่จะประมูลสินค้าแล้ว พวกเขาจะรับผิดชอบความปลอดภัยของใบอนุญาตค้าเกลือด้วยตนเอง หากท่านพยายามขโมยมัน ท่านจะต้องปะทะกับพวกเขาโดยตรง ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้ากลัวว่าท่าน…”

นางพูดค้างไว้ แต่ความหมายนั้นชัดเจน

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่บุ่มบ่าม”ซูอันสามารถเข้าใจได้ถึงความหมายของคำพูดนาง ถ้าชายหนุ่มพยายามจะขโมยมัน ไม่เพียงแต่จะล้มเหลวเท่านั้น เขาอาจจะทิ้งชีวิตของเขาไปด้วย!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเป็นข้อตกลงที่น่าสังเวชที่ต้องใช้เงินเพื่อซื้อใบอนุญาตค้าเกลือเหล่านั้นคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกมันเป็นของตระกูลฉู่ตั้งแต่แรก

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? เขาติดอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง

ชิวฮัวเล่ยเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าประมาท เมื่อเขาตอบตกลงนางก็ปล่อยเขาไป

หลังจากที่ซูอันออกไป ชายคนหนึ่งเข้ามาจากประตูด้านข้าง ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู่เยว่อี ศิษย์พี่ของชิวฮัวเล่ย

กู่เยว่อีขมวดคิ้ว “ศิษย์น้อง เจ้าปล่อยข้อมูลสำคัญให้เขารู้งั้นเหรอ?”

น้ำเสียงของชิวฮัวเล่ยไม่แยแส “แค่นี้ไม่ถือว่ารั่วไหล ข้าแค่ช่วยหาลูกค้าที่เหมาะสมเพื่อเข้าร่วมการประมูล ทุกคนก็รู้ว่าซูอันหาเงินได้มากมายแค่ไหน ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าเขามีสิทธิ์เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้”

“ศิษย์น้องมีลิ้นที่ลื่นไหลจริง ๆ ข้าไม่สามารถเอาชนะฝีปากของเจ้าได้เลย แต่ถ้าหากเป็นเจ้าสำนักอาจไม่หวั่นไหวง่ายนัก” ร่องรอยความกลัวเล็กน้อยแวบผ่านดวงตาของเขาเมื่อพูดถึงเจ้าสำนัก

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องกังวล”ชิวฮัวเล่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอนตัวพิงเก้าอี้

กู่เยว่อีหลงใหลในเสน่ห์ของนางอย่างสมบูรณ์ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงยอมเสี่ยงเพื่อผู้ชายคนเดียว? อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบเขาจริง ๆ?”

ดวงตาของชิวฮัวเล่ยเบิกกว้างขึ้นทันที “มันไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน!” น้ำเสียงของนางเย็นชา

กู่เยว่อีรู้สึกโกรธทันที “ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลอย่างมันวิเศษวิโสตรงไหน? แค่รู้จักเพลงห่วย ๆ และบทกวีไม่กี่เพลง แค่รูปร่างหน้าตาดี…”

เขาชะงักกลางประโยค ทำไมดูเหมือนเขายกย่องผู้ชายคนนั้น?

ความโกรธของเขาพุ่งสูงขึ้นไปอีก

ท่านยั่วยุกู่เยว่อีสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!

เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อทำให้ตัวเองสงบลง “ในโลกนี้ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในที่สุด! ทำไมศิษย์น้องถึงชอบคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำเช่นนั้น? เมื่อเทียบกับมัน ข้า…”

ก่อนที่เขาจะจบประโยค ชิวฮัวเล่ยก็ตัดบทเขา “พร่ำเพ้อบ้าอะไรของเจ้า!” นางตวาดออกมาด้วยความรำคาญ

นางโบกมือ กู่เยว่อีก็ปลิวออกไปจากห้อง ทำให้กู่เยว่อีรู้สึกโกรธจนแทบระเบิด

ท่านยั่วยุกู่เยว่อีสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 711!

ซูอันงงงวยเมื่อเขาเห็นการแจ้งเตือนสำหรับคะแนนความโกรธแค้น กู่เยว่อีนี้โผล่มาจากไหน?

ช่างเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายที่โดดเด่นอย่างข้าจะต้องตกเป็นเป้าของความหึงหวงของผู้อื่น

ซูอันเพิกเฉยและมุ่งความสนใจไปที่ว่าเขาจะเอาใบอนุญาตค้าเกลือคืนมาได้อย่างไร?

เงาพาดผ่านเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหน้าเขา เป็นเว่ยหงเต๋อ พี่ชายของเว่ยสั่ว

“พี่เว่ย ช่างบังเอิญเหลือเกิน”ซูอันตกใจ เขาโบกมือทักทาย

เว่ยหงเต๋อยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก ข้ามาหาเจ้า”

“มาหาข้าเหรอ?” หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ พวกเขารู้เรื่องที่ข้าทำคฤหาสน์ตระกูลเว่ยแล้วหรือไม่?

“น้องซู ไม่จำเป็นต้องตกใจไป เจ้าเป็นเพื่อนของเว่ยสั่ว ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเพื่อนของข้าเช่นกัน” ราวกับสัมผัสถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของซูอัน เว่ยหงเต๋อจึงรีบเข้าประเด็นในที่สุด “ข้าอยากพบเจ้า เรามีวิธีที่จะช่วยตระกูลฉู่ของเจ้าให้พ้นภัยครั้งนี้ได้”