ตอนที่ 516 มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 516 มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง

พ่อบ้านกล่าวว่าตอนนี้หอนางโลม โรงสุรา บ่อนพนัน โรงน้ำชาและสถานเริงรมย์ต่างๆ ล้วนวิพากษ์วิจารณ์จดหมายฉบับนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่เกินพรุ่งนี้ ทุกคนในเมืองหลวงต้องกล่าวถึงเรื่องนี้แน่นอน

ตอนนั้นหลี่เม่ายอมลงให้อย่างที่สุดเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากองค์ชายรอง เขากล่าวสรรเสริญว่าองค์ชายรองคือองค์ชายที่โดนเด่นที่สุดในบรรดาโอรสทั้งหมด ภายภาคหน้าย่อมได้ครองบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์นั่นแน่นอน เขายินดีติดตามรับใช้องค์ชายรองไปตลอดชีวิต

เมื่อหลี่เม่าเห็นจดหมายฉบับนี้ในตอนนี้ เขาอยากตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาด

เมื่อเห็นที่ปรึกษาชุดขาวเดินเข้ามาทำความเคารพ หลี่เม่ารีบกล่าวขึ้นทันที

“เซียนเซิงไม่ต้องมากพิธี ท่านคงได้ยินเรื่องราวระหว่างทางแล้ว บัดนี้จดหมายแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว พรุ่งนี้อาจมีคนทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบตอนว่าราชการเช้า!”

ที่ปรึกษาชุดขาวรับจดหมายมา จากนั้นนั่งลงตรงข้ามหลี่เม่า ฟังหลี่เม่าเล่าเรื่องโดยละเอียด

“พวกเราผิดเองที่เลือกลงมือที่ซั่วหยางเช่นนี้” หลี่เม่าขบกรามแน่น

สิ้นเสียงของหลี่เม่า หลี่หมิงรุ่ยสาวเท้าเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว ทำความเคารพบิดา “ท่านพ่อ!”

หลี่เม่าซึ่งนั่งอยู่ใต้แสงไฟมีสีหน้าเคร่งเครียดและอ่อนล้า “รู้เรื่องแล้วใช่หรือไม่”

“ทราบแล้วขอรับ!” หลี่หมิงรุ่ยนั่งลงตรงข้ามหลี่เม่าเช่นเดียวกัน เขารับจดหมายจากที่ปรึกษาชุดขาวมาอ่านอย่างละเอียด มือลูบคลำไปที่กระดาษและก้มดมกลิ่นของน้ำหมึกบนกระดาษ

ที่ปรึกษาชุดขาวเงยหน้ามองหลี่เม่า “นี่คงเป็นคำเตือนจากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ท่านมหาเสนาบดี องค์หญิงเจิ้นกั๋วคงอยากเตือนพวกเราว่านางมีจดหมายเหล่านั้นจริงๆ ให้พวกเราอยู่อย่างสงบ อย่าหาเรื่องนางอีก มิเช่นนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วคงไม่ทำเพียงแค่ปล่อยจดหมายหนึ่งฉบับออกไปเท่านั้นขอรับ!”

หลี่เม่าขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้…ควรทำเช่นไรต่อไปดี!”

“การว่าราชการตอนเช้าในวันพรุ่งนี้ต้องมีคนโจมตีท่านมหาเสนาบดีแน่นอนขอรับ ท่านควรชิงสารภาพกับฝ่าบาทก่อน อย่างไรเสีย ท่านก็เป็นขุนนางที่คุ้มครองฝ่าบาทตอนที่องค์ชายรองก่อกบฏนะขอรับ”

ที่ปรึกษาชุดขาวกล่าว

“ท่านพ่อ บัดนี้จดหมายแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง พรุ่งนี้ทุกคนต้องกล่าวขานถึงเรื่องนี้ ผู้ใดจะมองไม่ออกว่านี่คือการจงใจขอรับ!”

หลี่หมิงรุ่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำขลับสะท้อนแสงไฟในตะเกียง กล่าวกับหลี่เม่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าคิดว่าท่านพ่อควรปฏิเสธว่าจดหมายนี้ไม่ใช่ของท่านแล้วขอให้ฝ่าบาททรงสืบหาผู้ที่ใส่ร้ายท่านพ่อขอรับ”

“เห็นชัดว่าเรื่องนี้คือฝีมือขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากข้ากล่าวว่าถูกใส่ร้าย ขอให้ฝ่าบาททรงตรวจสอบ หากสืบรู้ไปถึงองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วนางปล่อยจดหมายทั้งหมดออกไปเล่า”

หลี่เม่ากล่าวขัดคำกล่าวของบุตรชายอย่างร้อนใจ ทว่า กล่าวไปสักพักก็หยุดชะงักลง มองไปทางบุตรชายของตนเอง

ฮ่องเต้หวาดระแวงตระกูลไป๋เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากไป๋ชิงเหยียนมอบจดหมายเหล่านี้ให้ฮ่องเต้ตั้งแต่แรก ฮ่องเต้อาจเชื่อนาง ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนมอบจดหมายให้ฮ่องเต้หลังจากที่พระองค์สืบรู้เรื่องนี้ ฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไป๋ขึ้นมาทันที หลี่เม่าพิจารณาการกระทำที่ผ่านมาของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวไม่ใช่คนโง่เช่นนั้น

หากไม่ถึงคราวจนจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางใช้วิธีทำลายศัตรูจนตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกันแบบนี้เด็ดขาด

เป้าหมายของไป๋ชิงเหยียนคือการทำให้เขายอมอยู่อย่างสงบ หากนางอยากกำจัดเขาจริงๆ แค่มอบจดหมายทั้งหมดนี่ให้รัชทายาทก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองพลอยเดือดร้อนไปด้วยเช่นนี้

“ท่านพ่อลืมไปแล้วหรือขอรับ ตอนนั้นท่านทูลฝ่าบาทว่าสังเกตเห็นความผิดปกติขององค์ชายรอง จึงเข้าไปตีสนิทกับองค์ชายรองเพื่อสืบแทนฝ่าบาทว่าองค์ชายรองคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ นึกไม่ถึงว่าองค์ชายรองจะบุกวังก่อกบฏ ตอนนั้นท่านพ่อเพิ่งสวามิภักดิ์กับองค์ชายรองได้ไม่นาน เมื่อรู้เรื่องนี้จึงไปรายงานให้ฝ่าบาทระวังตัวไม่ทัน!”

“พ่อจำได้อยู่แล้ว ทว่า พ่อไม่ได้กลัวจดหมายฉบับนี้ พ่อกลัวจดหมายฉบับอื่นต่างหาก จดหมายฉบับนี้แค่พิสูจน์ได้ว่าพ่อเคยสวามิภักดิ์กับองค์ชายรอง ทว่า เรื่องก่อกบฏในปีนั้น…”

หลี่เม่าขบกรามแน่น ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ

องค์ชายรองคิดก่อกบฏในปีนั้นเพราะเขาคอยยุยงให้พระองค์เดินตามแผนไปทีละก้าว จดหมายเหล่านั้นบันทึกเรื่องพวกนี้ไว้อย่างชัดเจน เขากลัวจดหมายที่อยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียนเหล่านั้นต่างหาก

หลี่หมิงรุ่ยวางจดหมายลงบนโต๊ะไม้ ดันไปตรงหน้าหลี่เม่า

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเลือกจดหมายฉบับนี้เพราะไม่อยากกำจัดท่านพ่อ มิเช่นนั้นเนื้อหาที่คนในเมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในตอนนี้คงไม่ใช่เพียงเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้เท่านั้นหรอกขอรับ ท่านพ่อวิตกกังวลมากเกินไปเพราะเรื่องของน้องชายคราวก่อน…”

หลี่หมิงรุ่ยเข้าใจว่าท่านพ่อของเขาหวาดกลัวองค์หญิงเจิ้นกั๋วจนเริ่มกระวนกระวาย

“ท่านพ่อลองคิดดูนะขอรับ กระดาษแผ่นหนึ่งมีราคาสูงเพียงใด ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปจะเก็บไว้ใช้สำหรับเขียนจดหมายเท่านั้น มีเพียงตระกูลสูงศักดิ์มั่งคั่งเท่านั้นที่ใช้กระดาษมากมายเช่นนี้เพื่อปล่อยข่าวลือ” หลี่หมิงรุ่ยชี้ไปที่กระดาษ “ดังนั้นเราเริ่มสืบจากกระดาษและน้ำหมึกได้ขอรับ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่น่าทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ บางทีนางอาจยืมมือของจวนหลี่กำจัดคนบางคนก็ได้ขอรับ”

หลี่เม่าหรี่ตาคิดตาม ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น

“หลี่หมิงรุ่ย เจ้าจงส่งคนตามไปบอกให้จื่อหยวนไปขอขมาองค์หญิงเจิ้นกั๋ว บอกนางว่าจวนหลี่จะแก้ไขเรื่องจดหมายนี่เอง หากแก้ไขไม่ได้ จะยืนกรานปฏิเสธต่อหน้าราชสำนัก หวังว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเข้าใจ หากวันหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วสิ่งใดให้จวนหลี่รับใช้ จวนของเรายินดีรับใช้เต็มที่”

เช่นนี้เท่ากับว่าจวนหลี่ขึ้นเรือลำเดียวกับจวนรัชทายาทแล้ว

“หมิงรุ่ยเข้าใจแล้วขอรับ!” หลี่หมิงรุ่ยเดินออกไปจัดการทันที

แม้หลี่หมิงรุ่ยจะแนะนำให้หลี่เม่ากล่าวในที่ว่าราชการตอนเช้าว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่า หลี่เม่ารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม เขาตัดสินใจนำจดหมายไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก่อนออกว่าราชการตอนเช้า จากนั้นกล่าวเตือนฮ่องเต้ว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องนี้คิดเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

หากฮ่องเต้ให้เขากล่าวว่าถูกใส่ร้ายเขาก็จะกล่าวว่าถูกใส่ร้าย หากฮ่องเต้ให้เขายอมรับผิด เขาก็จะทำตามนั้น

เมื่อสงบสติลง หลี่เม่าจึงคิดได้ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับการทำให้ฮ่องเต้ไม่หวาดระแวงในตัวเขา

เมื่อเหลียงอ๋องถูกเปิดโปงเรื่องปรุงยาวิเศษ ฮ่องเต้สั่งกักบริเวณเขาอยู่แต่ในจวน จากนั้นเรียกหน่วยตรวจเมืองและองครักษ์ลับกลับไปทั้งหมด บ่าวของจวนเหลียงอ๋องเข้าออกจวนได้ตามปกติ

เมื่อเหลียงอ๋องได้ยินว่าจดหมายที่หลี่เม่าเขียนถึงองค์ชายรองแพร่กระจายจนผู้คนรับรู้ไปทั่วทั้งเมืองหลวง เขาลอบปาดเหงื่อแทนหลี่เม่าทันที

คนที่เหลียงอ๋องสามารถเรียกใช้งานได้ล้วนเป็นคนเก่าขององค์ชายรอง หลี่เม่าถือเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาทั้งหมดแล้ว

ที่สำคัญหากการเดินทางไปเยี่ยนว่อครั้งนี้ไม่ได้หลี่หมิงรุ่ย บุตรชายของหลี่เม่าลอบให้การช่วยเหลือ เดาได้ว่าเสด็จพ่อเรียกสตรีที่อ้างว่ามียาวิเศษเข้าไปพบในวังเพราะสนใจเรื่องยาวิเศษทำให้คนอายุยืน เขาคงไม่สามารถหาตัวนักปรุงยาวิเศษไปประจบเสด็จพ่อได้ทันเวลาเช่นนี้

บัดนี้เหลียงอ๋องให้ความสำคัญกับหลี่หมิงรุ่ยมาก แม้จะไม่สำคัญเท่าตู้จือเวย ทว่า บัดนี้ข้างกายของเหลียงอ๋องไม่มีที่ปรึกษา เขาได้แต่พึ่งพาหลี่หมิงรุ่ย ทว่า ในใจก็แอบหวาดระแวงความฉลาดของหลี่หมิงรุ่ยเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเมื่อคนของไป๋จิ่นซิ่วนำจดหมายลายมือของหลี่เม่าไปให้เหลียงอ๋องในนามของอ๋องเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยน ให้เหลียงอ๋องมีโอกาสควบคุมหลี่เม่าไว้ใช้งาน เหลียงอ๋องจึงรู้สึกโล่งใจลงมาก