บทที่ 423 โต้ตอบ (1)
บุรุษคนนั้นมองมือของนางที่กำชายเสื้อไว้แน่น ก่อนหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมรึ อยากจะตบหน้าข้าอีกรึ เช่นนั้นทางที่ดีเจ้าก็ออกแรงอีกหน่อยนะ อย่าให้เหมือนคราก่อนที่ไร้แม้แต่รอยฝ่ามือ”
…
ไท่จื่อออกมาจากห้องทรงอักษรด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ ไม่ได้มองทางสักเท่าใด จึงเกือบจะชนกับคนที่เดินมาจากทางด้านข้าง
เขากำลังจะโมโห แต่พบว่าคนที่เดินมาคือหนิงอ๋อง
เขาอธิบายอารมณ์ไม่ถูก จึงทักทายอย่างหงุดหงิดไป “พี่ใหญ่”
หนิงอ๋องแย้มยิ้มเอ่ย “เป็นอะไรไปรึ ดูท่าทางเจ้าเหมือนไม่มีความสุข เสด็จพ่อสั่งสอนเจ้าหรือว่าสั่งสอนเจ้าเจ็ดเล่า”
ไท่จื่อเอ่ยอย่างคับแค้นใจ “เสด็จพ่อบอกว่าข้าไม่สั่งสอนเจ้าเจ็ดให้ดี! มันเกี่ยวอะไรกับข้า ใครจะไปรู้ว่าไอ้เด็กอ้วนนั่นเอาความกล้ามาจากไหนไม่รู้มาวิ่งซนไปทั่วทั้งวัง”
หนิงอ๋องหลุดขำ ก่อนตบบ่าเขาพลางเอ่ย “เจ้าเป็นไท่จื่อนะ เป็นพี่ชาย เป็นแบบอย่างขององค์ชายทั้งหลาย เสด็จพ่อย่อมมีความคาดหวังในตัวเจ้าสูงหน่อย เจ้าวางใจเถิด เสด็จพ่อก็แค่พูดแต่ปาก ไม่มีทางโทษเจ้าจริงๆ หรอก ส่วนเจ้าเจ็ด เดิมเขาก็ซุกซนไปตามอายุ จะก่อเรื่องก็เป็นธรรมดา เสด็จพ่อรักเขาจะตาย ไม่มีทางลงโทษเขาหรอก”
ประโยคนี้ฟังแล้วรื่นหูพอสมควร
ไท่จื่อไม่มีทางริษยาฉินฉู่อวี้ที่แย่งความรักจากเสด็จพ่อไป อย่างไรเสียก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง และอย่างไรก็อายุห่างกันมากถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหนิงอ๋องพูดมาก็ไม่ผิด เสด็จพ่อตำหนิเขาเพราะทรงคาดหวังต่อเขาไว้สูงกว่าองค์ชายคนอื่นๆ
เขาถอนใจเอ่ย “เพียงแต่…สุดท้ายเสด็จพ่อก็ยังจะลงโทษเจ้าเจ็ด ข้าขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์”
หนิงอ๋องหัวเราะตบบ่าไท่จื่อ “เจ้ากลับตำหนักบูรพาไปก่อน ทางเสด็จพ่อข้าจะไปพูดให้เอง”
ไท่จื่ออ้าปากพะงาบๆ พูดตรงๆ ว่าเขากับหนิงอ๋องอยู่คนละฝ่ายกัน หนิงอ๋องเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดในเส้นทางการเป็นฮ่องเต้ของเขา ไม่เพียงเพราะหนิงอ๋องฉลาดมีความสามารถกว่าเขาเท่านั้น เสด็จพ่อยังรักหนิงอ๋องมากด้วย
ทว่าหนิงอ๋องที่เป็นพี่ชายยามปกตินั้นทำให้ใครเกลียดไม่ได้
แววตาเขาอบอุ่นมาก ราวกับดวงตะวัน จริงใจตรงไปตรงมามาก เขาพยายามเป็นโอรสที่ดีของเสด็จพ่อ และพยายามเป็นพี่ชายที่ดีของบรรดาองค์ชาย เขามีความก้าวหน้าเพียงพอแต่ไม่เห็นความทะเยอทะยานที่มากเกินไป
โดยเฉพาะเขาไม่มีความคิดที่ไม่ควรพูดต่อหลินหลังเลยแม้แต่น้อย
อย่าคิดว่าตนไม่รู้เชียว เจ้าสาม เจ้าสี่ หรือแม้แต่เจ้าห้าของซูเฟยยังแอบรักแอบชอบหลินหลังมาก่อนเลย
มีเพียงพี่ใหญ่ที่ใจคอกว้างขวางและตรงไปตรงมาที่เป็นสุภาพบุรุษ
พอไท่จื่อคิดเช่นนี้จึงมองหน้าหนิงอ๋องได้เจริญหูเจริญตาขึ้นมาก “เช่นนั้นก็ได้ เรื่องของเจ้าเจ็ดก็ฝากพี่ใหญ่ด้วยแล้วกัน หลินหลังได้รับบาดเจ็บ ข้าต้องรีบกลับไปดูแลนาง”
เขาเพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ หนิงอ๋องก็เรียกเขาไว้ “น้องรอง”
ไท่จื่อหันกลับมา “พี่ใหญ่ยังมีอะไรรึ”
หนิงอ๋องเอ่ย “หมู่นี้เสด็จพ่อทรงกลัดกลุ้มเรื่องการตรวจสอบทั้งหกกรม องคมนตรีก็โต้เถียงกันเพราะเรื่องนี้ไม่ลดละเลย ข้ากะว่าจะไปศาลาองคมนตรีสักหน่อย น้องรองจะไปด้วยกันหรือไม่”
“เรื่องนี้…” ไท่จื่อลังเลเล็กน้อย
ในฐานะไท่จื่อแห่งแคว้น เขาย่อมรู้ว่ามันเป็นเรื่องดีที่หายากที่จะมีส่วนร่วมในด้านการเมืองอย่างเหมาะสมเพื่อแบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อ ทว่าเขาเป็นห่วงอาการของหลินหลังมากจริงๆ
หนิงอ๋องแย้มยิ้ม “เช่นนั้นข้าบอกเสด็จพ่อว่าข้าจะไปเองคนเดียวก็แล้วกัน”
หากเสด็จพ่อทรงทราบเข้าจะทรงพอพระทัยรึ
ไท่จื่อพึมพำ “เมื่อครู่เสด็จพ่อไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย”
หนิงอ๋องยิ้มเอ่ย “นั่นเพราะข้ายังไม่ได้รายงานน่ะสิ”
เยี่ยม หนีไม่พ้นแล้ว
ไท่จื่อถอนหายใจ “เช่นนั้นข้าจะรอพี่ใหญ่ไปศาลาองคมนตรีด้วยกัน”
หนิงอ๋องยิ้มบาง “ได้”
กู้เจียวกับหยวนถังที่อยู่หลังต้นไม้ใหญ่มองสองพี่น้องขึ้นรถมาอย่างสนิทสนมอย่างเขม็ง
หยวนถัง “เดี๋ยวสิ นี่ยังไม่ตีกันอีกรึ ไท่จื่อยังเขางอกไม่พออีกรึ”
หยวนถังรู้แล้วว่าบุรุษที่ลอบพบกับไท่จื่อเฟยเป็นใคร
ไม่เพียงเพราะเขาจำเสียงอีกฝ่ายได้เท่านั้น ตอนที่อีกฝ่ายจะกลับได้หันหน้ามาอย่างไม่ทันระวังทำให้เขาเห็นใบหน้านั้นได้ชัดเจน
ความรู้สึกในตอนนั้นของเขาตกใจจนไม่รู้จะตกใจอย่างไรแล้ว
กู้เจียวส่งเสียงอ๋อออกมา น่าตกใจจริงๆ นั่นแหละ
หยวนถังเอ่ยเสียงเย็น “ข้าจะล้างมลทินให้ตัวเอง!”
กู้เจียวเอ่ยปฏิเสธทันที “ไม่ได้”
“ทำไมเล่า” หยวนถังถาม
“รุ่ยอ๋องเฟยจะตายได้น่ะสิ” กู้เจียวบอก “นางเป็นพยานคนเดียวที่อาจจะ ‘เคยเห็น’ เจ้ากับไท่จื่อเฟยลอบพบกัน นางเป็นพยานคนสำคัญ พอเจ้าพ้นข้อกล่าวหาแล้ว หนิงอ๋องไม่มีทางปล่อยนางไว้แน่”
กับคนอย่างหนิงอ๋องน่ะจะมาว่ากันด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้หรอก อย่าหวังเลยว่าเขาจะเห็นแก่พี่แก่น้อง
หยวนถังแค่นเสียงเย็น “หรือข้าต้องแบกรับมลทินนี้ไปชั่วชีวิต”
ดวงตากู้เจียวขยับไหว “เอาอย่างนี้…งั้นเจ้าไปฆ่าเขาสิ”
หยวนถังมุมปากกระตุกยิกๆ
เขาเป็นแตงโมหรือไรที่ข้าคิดจะฆ่าก็ฆ่าได้น่ะหา!
อีกทั้งนี่มันแผ่นดินแคว้นเจาของพวกเจ้านะ! ข้าไปลอบสังหารองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเจาของพวกเจ้า ข้าจะมีกี่หัวให้ตัดล่ะ
ราวกับกู้เจียวมองออกว่าเขาพร่ำบ่น นางแบมือ “แม้แต่ฮ่องเต้เจ้าก็เคยลอบสังหารมาแล้วมิใช่รึ”
หยวนถังกำหมัดแน่น “นั่นมันก็แค่การแสดงเท่านั้น! ข้าไหนเลยจะกล้าฆ่าฮ่องเต้ของพวกเจ้าจริงๆ! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ!”
กู้เจียวปรายตามองเขา “สมรู้ร่วมคิดกับไท่เฟยแคว้นศัตรูมันแตกต่างจากการรนหาที่ตายรึ”
หยวนถังสะอึก
หยวนถังนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหัวเราะหึๆ “นี่ เอาอย่างนี้สิ เจ้าก็บอกไทเฮาของพวกเจ้าสิ จวงไทเฮาไว้ใจเจ้ามากมิใช่รึ นางจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหรือไร”
กู้เจียวเงียบ
พักใหญ่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “นางเชื่อข้าคือเหตุผลที่ข้าถือมีดไปแทงดวงใจนางรึ”
หยวนถังสะอึกอีกครา
เขาลืมไปว่าร่างกายของหนิงอ๋องมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับจวงไทเฮา
หนิงอ๋องสามารถระรานคนอื่นมากมาย แต่เขาไม่เคยหักหลังจวงไทเฮามาก่อน
ความกตัญญูที่เขามีต่อไทเฮานั้นมาจากใจจริง
หยวนถังมองกู้เจียวอย่างลุ่มลึก “ดังนั้น…เจ้าคิดจะทำอย่างไรล่ะ ข้าต้องรู้ว่าภายหน้าพวกเราจะเป็นมิตรหรือว่าศัตรู”
ไม่แปลกที่หยวนถังจะถามเช่นนี้ เพราะแม้แต่หยวนถังยังมองออกว่าหนิงอ๋องไม่มีทางทำร้ายกู้เจียว
จนถึงตอนนี้หนิงอ๋องไม่มีทางเดาไม่ออกว่ากู้เจียวคาดเดาความจริงได้แล้ว เขาไม่เคยคิดจะเอาชีวิตกู้เจียวตั้งแต่แรก หยวนถังคิดหาเหตุผลได้หลายข้อทีเดียว
ประการแรกกู้เจียวเป็นหลานรักของจวงไทเฮา หากทำร้ายกู้เจียว จวงไทเฮาไม่มีทางวางมือเรื่องนี้แน่
ประการที่สองหนิงอ๋องก็ต้องการให้กู้เจียวไปรักษาอาการป่วยของหนิงอ๋องเฟยด้วย แน่นอนว่านี่สร้างขึ้นภายใต้เงื่อนไขความรู้สึกที่หนิงอ๋องมีต่อหนิงอ๋องเฟย
ประการที่สามเป็นจุดที่สำคัญมาก กู้เจียวเป็นคนนอก นางไม่สนใจการต่อสู้กันขององค์ชายอยู่แล้ว ต่อให้หนิงอ๋องจะสวมเขาให้ไท่จื่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู้เจียวล่ะ
ในเมื่อหนิงอ๋องไม่มีทางฆ่านาง เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องเป็นศัตรูกับหนิงอ๋องแล้วกระมัง
กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าทำแค่สิ่งที่ข้าคิดว่าจำเป็น”
หยวนถังไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร สรุปจะเป็นปรปักษ์ต่อหนิงอ๋องหรือไม่”
กู้เจียวมองเขา “อันที่จริงประโยคนี้ข้าควรถามเจ้ามากกว่า”
หยวนถังชะงัก “ว่าอย่างไรนะ”
กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน “หากหนิงอ๋องพบว่าการลอบสังหารเจ้ามันไม่ง่าย จึงล้มเลิกแล้วหันไปคิดหาวิธีอื่นแทน เช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นศัตรูเขาหรือไม่”
หยวนถังอ้าปากพะงาบ “ข้า…”
กู้เจียวเอ่ย “จะเป็นศัตรูกับเขาหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่ต้องการสหายมาแต่ไหนแต่ไร และไม่กลัวคู่ต่อสู้ด้วย”
ฆ่าคนโดยไม่บีบคั้นเกินไป เด็กคนนี้พูดแทงใจยิ่งนัก!
ดังนั้นเด็กสาวนางนี้หมายความว่าอย่างไรเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี!