บทที่ 532 วิถีอัญเชิญเทพ เหนือกว่ามหามรรคขึ้นไป

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 532 วิถีอัญเชิญเทพ เหนือกว่ามหามรรคขึ้นไป

เมื่อเอ่ยถึงผู้ทรงพลังเผ่ามังกรท่านนั้น ฟางเหลียงพลันเผยสีหน้าตึงเครียด

จี้เซียนเสินเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็เป็นครึ่งอริยะแล้วเช่นกัน ข้าจะจัดการเขา ส่วนเผ่ามังกรก็ยกให้ทางวังสวรรค์ อำนาจในมือข้ามีน้อยเกินไป ครั้งนี้ไม่อาจเคลื่อนไหวอย่างกระโตกกระตากได้”

ครึ่งอริยะ?

ฟางเหลียงพินิจดูจี้เซียนเสิน พลันสัมผัสได้ว่าจี้เซียนเสินมีบางอย่างแปลกไป

เขาถามด้วยความระมัดระวัง “เป็นเพราะขาท่อนนั้นหรือ”

จี้เซียนเสินเคยเล่าวิธีที่อริยะถ่ายทอดให้ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่คิดเลยว่าจี้เซียนเสินจะทำสำเร็จจริงๆ

จี้เซียนเสินเอ่ยว่า “เอาล่ะ อย่าคุยเรื่องพวกนี้เลย มาคุยกันต่อดีกว่าว่าจะโจมตีเผ่ามังกรอย่างไร เผ่ามังกรซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลบูรพาของแดนเซียน ผนึกและค่ายกลนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะค่ายกลมังกรสี่สมุทร สามารถเรียกวิญญาณมังกรบรรพกาลได้ พวกเราจะต้อง…”

ทั้งสองเริ่มหารือรายละเอียดในการต่อสู้กับเผ่ามังกร

….

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปแทนที่ด้วยฤดูใบไม้ร่วง ผ่านพ้นไปอีกสามร้อยปี

อายุของหานเจวี๋ยเข้าใกล้สี่หมื่นปีเข้าไปเรื่อยๆ

ช่วงนี้แดนเซียนครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเวลาที่ผันผ่านไปอย่างรวดเร็วเริ่มชะลอตัวลง

หานเจวี๋ยตรวจสอบจดหมายทุกสิบปี ก็เหมือนการท่องอินเทอร์เน็ต เพิ่มความสำราญให้ช่วงเวลาฝึกบำเพ็ญอันน่าเบื่อหน่าย

ในวันนี้

อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดอกไม้ใบหญ้าบนเขาสูงเหี่ยวเฉาลงในระดับความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า จากนั้นก็สลายเป็นเถ้า

หานเจวี๋ยสัมผัสถึงบางสิ่งได้ เงยหน้ามองขึ้นไป ห้วงอวกาศเหนือชั้นฟ้าที่สิบปรากฏพระอาทิตย์ดวงใหญ่มหึมาขึ้นดวงหนึ่ง

ตะวันจันทราคงอยู่ ณ ชั้นฟ้าที่สิบ มิใช่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม นอกชั้นฟ้าที่สามสิบสามคือความโกลาหล จุดสูงสุดแห่งมรรคาสวรรค์

พระอาทิตย์มิใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่พระอาทิตย์ดวงนี้ทรงพลังลุกโชน ซ้ำยังทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ มีทีท่าคล้ายจะแผดเผาแดนเซียนให้มอดไหม้

หานเจวี๋ยมองเห็นอีกาทองสามขาใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งขดตัวอยู่ภายในดวงตะวัน หากตัวมันอยู่ในแดนเซียนต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่าหวาดหวั่นอันดับต้นๆ แน่นอน

เซียนทองต้าหลัว!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เผ่าเทพอีกาทองจะอุบัติขึ้นบนโลกอีกครั้งหรือ

น่าสนใจ!

ดูเหมือนต่อให้มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ ตัวละครบางส่วนก็ยังคงปรากฏขึ้นอยู่ดี

เป็นการจัดแจงของโชคชะตาหรือ

อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่นาน หานเจวี๋ยก็มองเห็นเผ่าสวรรค์ลงมือแล้ว ผนึกพระอาทิตย์ดวงนั้นไว้ ส่วนสรรพสิ่งในแดนเซียน ล้วนแต่นึกว่าเป็นภัยธรรมชาติอย่างหนึ่ง

หลายวันต่อมา เจียงอี้มาหาหานเจวี๋ย

“เจ้าสำนัก เผ่าเทพอีกาทองกำลังเรียกหาข้า”

“เจ้าบรรลุระดับครึ่งอริยะแล้วหรือ”

“ยัง แต่เผ่าเทพอีกาทองกำลังประสบอันตราย…”

“เจ้าบรรลุระดับครึ่งอริยะแล้วหรือ”

“เจ้าสำนัก คงมิใช่ว่า…”

“เจ้าบรรลุระดับครึ่งอริยะแล้วหรือ”

เจียงอี้แทบทรุดแล้ว ต่อให้คุณสมบัติเขายอดเยี่ยมแค่ไหน หากต้องการบรรลุระดับครึ่งอริยะก็ต้องใช้เวลาอีกนานโข!

ทั่วทั้งสำนักซ่อนเร้นนอกจากหานเจวี๋ยและหลี่เต้าคง ยังมีผู้ใดสามารถบรรลุครึ่งอริยะได้อีก

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “กลับไปฝึกบำเพ็ญเถอะ ต่อให้เจ้าคิดหนี ก็อย่าหมายจะหนีออกไปได้ เชื่อข้า เผ่าเทพอีกาทองไม่มีทางเกิดเรื่อง หรือต่อให้เกิดเรื่อง เจ้าก็สามารถก่อตั้งเผ่าเทพอีกาทองขึ้นใหม่ได้ เจ้าจะกลัวอะไร”

เจียงอี้พูดไม่ออกเลย

สุดท้าย เขาไม่สามารถโน้มน้าวหานเจวี๋ยได้ ได้แต่จากไปด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

ในเมื่อหานเจวี๋ยตั้งกฎไว้แล้ว จะทำลายลงง่ายๆ ไม่ได้ ป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเช่นในมหาเคราะห์ครั้งก่อน

เขาพบว่าบรรดาศิษย์เหล่านี้จำเป็นต้องใช้อำนาจเข้าสยบ มิเช่นนั้นมักจะมีคนที่ควบคุมจิตใจตนไม่อยู่เสมอ

เวลาดำเนินต่อไป

หลายสิบปีต่อมา

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบสี่หมื่นปีแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที แย่งชิงดวงชะตามรรคาสวรรค์ ครอบครองแดนเซียน จะได้รับโอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ ไม่ฝักใฝ่เรื่องทางโลก รักษาปณิธานเดิม จะได้รับโอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

ยกระดับอาณาเขตเต๋า!

หานเจวี๋ยอารมณ์เบิกบาน ระบบไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ

เขาเลือกตัวเลือกที่สองทันที

ตอนนี้หินวิญญาณมรรคาสวรรค์มีประโยชน์ไม่มาก และเขาไม่สามารถสาปแช่งอริยะให้ตายไปตรงๆ ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสนใจมัน

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับโอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

[เริ่มยกระดับอาณาเขตเต๋า]

[ยินดีด้วยท่านได้รับพลังวิเศษ…วิถีอัญเชิญเทพ]

[วิถีอัญเชิญเทพ: เป็นรูปแบบสูงสุดของวิชาอัญเชิญเทพ เจ้าวิถีแห่งวิชาวิถีอัญเชิญเทพสามารถบังคับเรียกตัวผู้ติดตามทั้งหมดที่ครอบครองวิชาอัญเชิญเทพอย่างมิอาจปฏิเสธได้]

หานเจวี๋ยมองข้อความแต่ละแถวที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์เบิกบานยิ่งกว่าเดิม

วิถีอัญเชิญเทพใช้ได้เลย ทักษะเรียกรวมกลุ่ม แถมยังเป็นแบบบังคับด้วย

มีประโยชน์มากนัก เมื่อเผชิญศัตรู ก็สามารถย้ายหนียกบ้านได้

ชิ้นส่วนมหามรรคเขารวบรวมได้เจ็ดชิ้นแล้ว ขาดแค่สองชิ้นก็สามารถตระหนักมหามรรคต่อได้

เมื่อตบะของเขาแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ โอกาสเลือกของระบบก็น้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน แต่ตอนนี้ทันทีที่ปราฏขึ้น จะต้องมีของดีอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยเริ่มสืบทอดพลังวิเศษวิถีอัญเชิญเทพ

การยกระดับอาณาเขตเต๋าต้องใช้เวลา

ผ่านไปห้าสิบปีเต็ม ถึงได้ยกระดับเสร็จสิ้น

[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับอริยะมหามรรค ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]

[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสิบเท่า]

[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากตัวตนที่เหนือกว่ามหามรรคขึ้นไปได้]

ระดับอริยะมหามรรค!

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง

แต่ตัวตนที่เหนือกว่ามหามรรค นั่นหมายถึงระดับไหนกัน

‘ข้าอยากรู้ว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงอยู่ระดับใดกัน’ หานเจวี๋ยถามในใจเงียบๆ

เขาสังหรณ์มาตลอดว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงมิใช่แค่อริยะมหามรรค

เจ้าแม่หนี่ว์วาบรรลุถึงระดับอริยะมหามรรคได้ ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็น่าจะแข็งแกร่งกว่านั้น

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[อริยะมหามรรค]

หานเจวี๋ยอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ดูเหมือนตนจะประเมินปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไว้สูงไป

กล่าวก็คือ ตอนนี้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็โจมตีอาณาเขตเต๋าไม่ได้แล้วสินะ

หานเจวี๋ยสุดแสนปรีดา

ต่อจากนี้ ไม่มีผู้ใดในแดนเซียนสามารถสังหารเขาได้ นอกจากเขาจะวิ่งออกไปรนหาที่ตายเอง!

เยี่ยม!

นี่สิการบำเพ็ญ

หานเจวี๋ยอารมณ์เบิกบาน ดังนั้นจึงใช้แบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

ในเวลาเดียวกัน ศิษย์ทั้งหมดในสำนักซ่อนเร้นล้วนสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในอาณาเขตเต๋าเริ่มเพิ่มขึ้น เสียงโห่ร้องยินดีแว่วดังจากทั่วทุกมุมในเขตเซียนร้อยคีรี

“เจ้าสำนักสำแดงพลังวิเศษอีกแล้ว!”

“พลังวิญญาณยังเพิ่มขึ้นได้อีกหรือ”

“เช่นนี้แปลว่าเจ้าสำนักแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ได้อยู่ในสำนักซ่อนเร้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แค่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญไปก็พอ”

“เจ้าสำนักต่างหากที่เป็นอริยะตัวจริง ข้าได้ยินสิ่งมีชีวิตนอกเขตเซียนร้อยคีรีกล่าวกันว่าผู้บำเพ็ญในสังกัดของอริยะรายอื่น ยังต้องออกไปทำภารกิจเป็นครั้งคราวด้วย ไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ฝึกบำเพ็ญอย่างปลอดโปร่งเช่นสำนักซ่อนเร้น”

“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดี วันหน้าจะได้แทนคุณเจ้าสำนัก”

“เจ้าสำนักกล่าวไว้แล้ว ต้องบรรลุครึ่งอริยะถึงจะออกไปได้ ข้าเกรงว่าข้าคงไม่มีโอกาสได้แทนคุณเสียแล้ว”

….

ณ มุมหนึ่งของเขตเซียนร้อยคีรี

หานตั้วเทียน วานรแขนยักษ์ สามเซียนยอดลำนำจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน

เซียนหน้าเหยี่ยวเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “พลังวิเศษของสำนักซ่อนเร้นช่างเหนือจินตนาการโดยแท้ หากพวกเราสามารถกลายเป็นศิษย์สืบทอดได้ จะดีแค่ไหนกัน”

หานตั้วเทียนชูจอกสุรา เอ่ยยิ้มๆ “อยากกลายเป็นศิษย์สายในหรือ นอกจากพรสวรรค์แล้ว พวกเจ้ายังต้องมีคุณงามความดีอีกด้วย”

เซียนหัวงูถามด้วยความแปลกใจ “จะสร้างผลงานได้อย่างไร ในเมื่ออกไปไหนไม่ได้”

หานตั้วเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ขอแค่พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดี ในอนาคตข้าจำเป็นต้องมีพวกเจ้า อีกไม่กี่ปีข้าจะไปแจ้งอาจารย์ปู่เทียด”

………………………………………………………………