บทที่ 573 เป็ดปรุงสุกบินไปแล้ว!
บทที่ 573 เป็ดปรุงสุกบินไปแล้ว!
เสียงของฉู่เทียนเซิง ทำให้หงจงหลุดจากอาการลังเล ซูอันเป็นสาเหตุที่ลูกชายของเขาเริ่มเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่นรก
และยิ่งไปกว่านั้น การปล่อยให้ฉินหว่านหรูหลบหนีไปได้จะทำให้พวกเขาลำบากมากขึ้น
ประกายความชั่วร้ายแวบผ่านดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็โคจรพลังปล่อยหมัดเข้าใส่แผ่นหลังของซูอันจากระยะไกล
หลังจากชกออกไป พลังวิญญาณที่อัดแน่นในหมัดได้ก่อรูปเป็นกำปั้นยักษ์ใหญ่เท่าลูกแตงโมบินพุ่งเข้าใส่กลางหลังของซูอันอย่างแม่นยำ
ทางด้านของซูอัน เมื่อเห็นว่ายังมีระยะห่างอยู่บ้าง เขาจึงเอาแต่จดจ่ออยู่กับการวิ่งอย่างสุดชีวิต โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอยู่ในระยะการโจมตีของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และภัยกำลังมาเยือนอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามฉินหว่านหรูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด “ระวัง!” นางตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
และโดยอธิบายไม่ได้ว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ แต่นางตัดสินใจฝืนเบี่ยงตัวไปข้างหลังซูอันอย่างรวดเร็ว และใช้หลังของตัวเองรับการโจมตีจากหงจง ไว้
บางทีอาจเป็นเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับนางจนถึงตอนนี้ นางจึงอยากจะแก้ไขความโง่เขลาของนางโดยการแลกเปลี่ยนชีวิตของนางเองเพื่อความปลอดภัยของซูอัน
ด้วยวิธีนี้ คนอื่นจะยังรู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าหากซูอันตายจากการโจมตีครั้งนี้ ตัวนางเองที่ช่วยตัวเองไม่ได้จากฤทธิ์ยาก็จะต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
หรือต่อให้ซูอันจะช่วยนางได้ แต่นางก็ถูกวางยาพิษเลว ๆ เช่นนี้แล้ว มันยากสำหรับนางที่จะควบคุมแรงกระตุ้นของจิตใจ หากรอดไปได้มันก็เป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องอดสูตามมา ซึ่งถ้าหากเป็นกรณีเช่นนั้นเกิดขึ้น แม้ตายไปนางคงนอนร้องไห้ทั้ง ๆ ที่อยู่ในหลุมศพ
“อั่ก!!”
ฉินหว่านหรูรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอันหนักหน่วง เลือดพวยพุ่งออกจากปากของนาง มันพรากพลังชีวิตที่เหลือของนางไป ร่างกายของนางเหมือนกับใบไม้ที่ปลิดปลิวไปในอากาศ ท่ามกลางลมกระโชกแรง
“ท่านแม่ยาย!” เลือดของฉินหว่านหรูกระเซ็นอาบแก้มของซูอัน เขาไม่สามารถเช็ดมันออกได้ในตอนนี้ หัวใจของเขาสั่นเทา
แต่ในขณะที่หงจงและฉู่เทียนเซิงกำลังจะตามทัน จู่ ๆ ทันใดนั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มขวางเส้นทางของพวกเขาไว้ และเมื่อผ่านพ้นจากลำต้นไม้ออกมา ซูอันก็หายตัวไปแล้ว
“เราต้องจับเขาให้ได้!!” ฉู่เทียนเซิงพูดด้วยอาการตื่นตระหนก
หงจงรั้งเขาไว้ “พอแล้ว อย่าตามพวกเขาไป!”
“ทำไม?” ฉู่เทียนเซิงสับสน แม้แต่ดวงตาของเขาก็เริ่มแดง สิ่งเดียวที่เขาคิดคือฉินหว่านหรูต้องได้รับการรักษาจากเขาเท่านั้น!
ถ้าไม่ได้ตัวนาง ซูอันก็คงจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ไปเต็ม ๆ เขาจะยอมแบบนั้นได้ยังไง!
“ท่านหูหนวกเหรอ? คนทั้งคฤหาสน์แตกตื่นกันแล้ว!” หงจงคำราม “ทหารยามของตระกูลฉู่กำลังมาที่นี่ เราต้องหาทางรับมือกับเรื่องราวที่บานปลายนี้ให้ได้ก่อน! เราไม่มีเวลาพอที่จะสนองความต้องการไอ้ท่อนนั่นของท่านในตอนนี้!”
ฉู่เทียนเซิงได้สติและหันมองไปรอบ ๆ แน่นอนว่าเขาเห็นดวงแสงจากคบเพลิงมากมายที่กำลังใกล้เข้ามา ผู้คนจำนวนมากกำลังรีบรุดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น…
ใบหน้าของเขามืดลง อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าต้องหาทางรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ให้ได้ก่อน เขาต้องหยุดการไล่ล่าเอาไว้ชั่วคราว “ถ้าเราปล่อยฉินหว่านหรูไปตอนนี้ สิ่งที่เราพูดจะมีความหมายอะไรเมื่อนางกลับมา?”
หงจงส่ายหัว “อย่ากังวลฉินหว่านหรูไม่มีทางเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของข้าได้!”
แววเศร้าวาบผ่านดวงตาของฉู่เทียนเซิง เขาไม่อยากให้นางในดวงใจของตัวเองตายไปแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
แน่นอนว่าในฐานะสมาชิกของตระกูลฉู่ เขาจะไม่รู้เกี่ยวกับพลังที่น่าเกรงขามของหมัดบดหัวใจของหงจงได้อย่างไร?
ถ้าร่างกายของนางอยู่ในสภาวะปกติ ฉินหว่านหรูอาจยังคงมีโอกาสรอดตายจากการโจมตี
อย่างไรก็ตาม การถูกโจมตีที่จุดสำคัญในสภาพที่อ่อนแอเช่นนั้น แทบไม่มีโอกาสรอดเลย
“เฮ้อ น่าเสียดาย” ฉู่เทียนเซิงดูเศร้าหมอง ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงประมาทเลินเล่อขนาดนั้น นี่มันไม่ต่างอะไรกับการปล่อยให้เป็ดย่างบินหนีไปเลย…
หงจงพ่นลมหายใจ “ท่านยังกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะตัณหาของท่าน เรื่องราวคงไม่บานปลายขนาดนี้!”
ฉู่เทียนเซิงรู้สึกขุ่นเคืองใจ พ่อบ้านคนนี้นับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน ขณะนี้กล้าที่จะตำหนิต่อว่าเขาในที่สาธารณะแล้ว!
เขาตั้งข้อสังเกตว่าหงจงคงมียศศักดิ์มากเกินไปในตระกูลฉู่ เขาต้องหาทางกำจัดหงจง เมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลให้จงได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองไม่สังเกตเห็นชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ซึ่งกำลังเฝ้าดูทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ และพึงพอใจที่พวกเขาไม่ได้ไล่ตามฉินหว่านหรูและซูอันต่อ จากนั้นชายชราก็หันหลังและจากไป
ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้ว ถ้าเขารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลายเป็นแบบนี้ก็คงจะเข้าแทรกแซงตั้งแต่แรกไปแล้ว
แน่นอนว่าที่ต้นไม้ล้มเป็นฝีมือของเขา…
เสียงที่อ่อนแอดังมาจากด้านหลังซูอัน “ไม่ต้องสนใจข้าอีกต่อไป ปล่อยข้าลงแล้วรีบหนีไปให้เร็วที่สุด”
ซูอันตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านเป็นแม่ของชูเหยียนและฮวนเจา ข้าจะทิ้งท่านไว้ตรงนี้ได้ยังไง?? และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่ท่านเสียสละตัวเองเพื่อช่วยข้า ข้าคงจะแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานถ้าข้าทิ้งท่านไปในตอนนี้!”
ฉินหว่านหรูส่ายหัว “เจ้าไม่เข้าใจ…ข้าถูกวางยา…ความตายคือรูปแบบการปลดปล่อยที่ดีที่สุดแล้ว”
“วางยา?” ซูอันตกตะลึง เขาหยุดมองนาง
ใบหน้าของฉินหว่านหรูแดงก่ำ “ฉู่เทียนเซิง ชายผู้น่ารังเกียจคนนั้นใช้ ‘ยาน้ำนมกระทิง’ กับข้า มันเป็น…ยาปลุกกำหนัดที่เลวร้าย ไม่มีวิธีการใดที่สามารถกำจัดฤทธิ์ของมันได้ นอกจากวิธีเดียวที่จะแก้ได้คือการร่วมรักกับบุรุษ นี่คือเหตุผลที่ข้ายอมตายดีกว่าอยู่…”
“นั่นไม่ได้หมายความว่าเราแค่ต้องไปหาท่านพ่อตางั้นเหรอ? ท่านไม่เห็นต้องทำเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลย!”
ซูอันตอบกลับ ในขณะเดียวกัน เขาก็สาปแช่งฉู่เทียนเซิงที่ไร้ยางอาย เขาเคยเห็นชายคนนั้นแอบมองฉินหว่านหรูด้วยสายตาปรารถนาอย่างลับ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าฉู่เทียนเซิงจะฮึกเหิมถึงขนาดกล้าทำอย่างนี้กับฉินหว่านหรู
ฉินหว่านหรูโกรธมาก “เจ้าไม่รู้อะไร ก็อย่าพูดเลย!”
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันตกตะลึง ทำไมจู่ ๆ นางถึงโกรธเขา?
“เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้ไกลหากพาข้าไปด้วย ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว แทนที่จะตายด้วยกัน ถ้าเจ้าหนีไปได้สักคน เจ้ายังสามารถเปิดโปงแผนการของพวกมันได้! หากเป็นเช่นนั้นความตายของข้าจะได้ไม่สูญเปล่า”ฉินหว่านหรูกล่าวอย่างมุ่งมั่น
ซูอันปฏิเสธ “ข้าไม่มีอำนาจอะไรในตระกูลฉู่ คำพูดของข้าไม่มีทางมีน้ำหนักพอจะปรักปรำหงจงและฉู่เทียนเซิงได้! ไม่มีใครยอมเชื่อคำพูดของข้าแน่นอน!”
ฉินหว่านหรูตกตะลึง นางตระหนักว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง “ถ…ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บอกชูเหยียนแทน อย่างน้อยนางจะเชื่อเจ้าอย่างแน่นอน”
ซูอันส่ายหัว “ทางที่ดีที่สุดคือให้ท่านเปิดเผยแผนการของพวกเขาด้วยตัวท่านเอง ไม่ต้องห่วง ข้ารู้จักใครบางคนที่สามารถกำจัดพิษให้ท่านได้!”
พูดจบเขาก็พุ่งไปอีกทางหนึ่ง