บทที่ 574 ใส่ร้าย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 574 ใส่ร้าย

บทที่ 574 ใส่ร้าย

ฉินหว่านหรูตื่นตระหนกเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด “ไม่! ข้าไม่ต้องการกำจัดพิษ ข้าไม่ต้องการ…”

“ใจเย็น ๆ ข้าจะไม่ใช้วิธีที่ท่านคิด” ซูอันอธิบาย

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าสีหน้าของซูอันก็เริ่มเปลี่ยน เพราะฉินหว่านหรูดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองซึ่งทำให้ตัวชายหนุ่มก็เริ่มที่จะรุ่มร้อนเช่นกัน

ซูอันตัวสั่น เลิกมองนางอีกต่อไป และมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ปลายทางของเขา

คฤหาสน์ตระกูลฉู่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย สมาชิกที่สำคัญทั้งหมดของตระกูลฉู่มารวมตัวกันที่ห้องโถงหลัก

ฉู่ฮงไฉนำกองกำลังทหารยามมารักษาพื้นที่ ฉู่เยว่พั่วยังคงเป็นชายอ้วนที่ดูไม่เป็นอันตราย แต่ใบหน้าของเขาขาดรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและถูกแทนที่ด้วยการแสดงออกที่จริงจัง

เขาพยายามคุยกับฉู่เทียนเซิงหลายครั้ง แต่ฉู่เทียนเซิงก็ส่ายหัวและหยุดเขา

“พี่เขยก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย!” ฉู่ฮวนเจาวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก นางกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของนางและเสียงของความวุ่นวายได้ปลุกนางขึ้นมา ด้วยความตกใจกลัว นางจึงรีบไปหาแม่ของนาง แต่เมื่อนางไม่พบแม่ของนาง นางจึงไปหาซูอันแทน แต่ซูอันก็ไม่อยู่ในห้องเช่นกัน นางเห็นทหารกลุ่มหนึ่งกำลังค้นห้องของซูอันอย่างขะมักเขม้น

นางวิ่งมาหาหงจงและฉู่เทียนเซิงและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น แม่ของข้าไปไหน? ทำไมถึงค้นห้องพี่เขย?”

สีหน้าของฉู่เทียนเซิงซีดเผือด “ข้าจะบอกความลับให้ทุกคนฟัง แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยให้คนนอกรู้ได้ มิฉะนั้นตระกูลฉู่ของเราจะพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่”

ฉู่เยว่พั่วเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย และพยายามเดาว่าเรื่องนี้คืออะไร

ฉู่ฮวนเจาเริ่มรู้สึกถึงลางร้าย

เมื่อเห็นทุกคนเงียบลง ฉู่เทียนเซิงยังคงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมต่อไป “ซูอัน เจ้าสัตว์เดรัจฉานที่น่ารังเกียจนั่นมันใช้ยาปลุกกำหนัดกับพี่สะใภ้ มันต้องการทำให้พี่สะใภ้มีมลทิน!”

เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้

ฉู่อวี้เฉิงและพ่อของเขาฉู่เยว่พั่วแลกเปลี่ยนสายตาด้วยความสงสัยและความประหลาดใจ ฉู่อวี้เฉิงกำลังจะถามพ่อของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเขาเหลือบเห็นบางสิ่งลึก ๆ ในดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาจึงกลืนคำที่กำลังจะพูดลงคอไป

ฉู่ฮงไฉสะบัดหัวขับไล่ความงุนงง การมีปฏิสัมพันธ์มากมายกับซูอัน ทำให้เขาเชื่อว่าชายผู้นี้มีอะไรแปลก ๆ มากมาย แต่ก็ไม่คิดว่าซูอันจะทำสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนี้…

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ฉู่ฮวนเจาก็ร้องออกมา “ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้!”

ไม่มีทางที่นางจะเชื่อว่าพี่เขยที่นางไว้ใจจะกล้าทำเรื่องเลวทรามกับแม่ของนาง…ไม่มีทางเลย!

“ฮวนเจา ข้ารู้ว่าเจ้าสนิทกับซูอัน ดังนั้นมันจึงยากที่เจ้าจะยอมรับเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม นี่คือความจริง”

ฉู่เทียนเซิงกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “มีสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ เมื่อซูอันรู้ว่าถูกจับได้มันก็อุ้มพี่สะใภ้แล้ววิ่งหนีไป น่าเสียดายที่ไม่มีสาวใช้คนใดเป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้นพวกนางจึงไม่สามารถหยุดไอ้เดรัจฉานนั่นได้ หลายคนถูกเดรัจฉานนั่นทำร้ายอย่างไร้ปรานี ถ้าไม่เชื่อข้าก็ถามนางดู”

“ชิวจู่ เขาพูดจริงหรือเปล่า?” ฉู่ฮวนเจาหันไปมองสาวใช้ใกล้ ๆ ซึ่งตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนรู้ว่าสาวใช้คนนี้มีหน้าที่ดูแลอยู่ในเรือนหลัก

“จ…จริง…เจ้าค่ะ เป็นความจริง…” สาวใช้นามชิวจู่ตัวสั่นอย่างรุนแรง ฉู่เทียนเซิงรวบรวมสาวใช้ทั้งหมดในเรือนหลักและสั่งให้พวกนางพูดแบบนี้ คนอื่น ๆ ไม่เต็มใจที่จะทำอย่างนาง ดังนั้นเขาจึงฆ่าสาวใช้คนอื่นทั้งหมด นางเป็นคนเดียวที่ยืดหยุ่นและยอมตกลงจึงรอดมาได้

ใบหน้าของฉู่ฮวนเจาซีดลงทันที นางถอยหลังเล็กน้อยและทรุดตัวลงบนเก้าอี้ “เป็นไปได้อย่างไร …? ” นางพึมพำกับตัวเอง

ในขณะนั้น เฟิงต้าหนิว และทหารองครักษ์คนอื่น ๆ ก็พูดแทนซูอัน “เป็นไปไม่ได้ นายน้อยไม่มีวันทำอย่างนั้น!”

พวกเขาติดตามซูอันมาเป็นเวลานาน นอกจากฉู่ฮวนเจาแล้ว พวกเขาย่อมจะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้มากที่สุด

ฉู่เทียนเซิงโกรธมาก “เจ้ากล่าวหาว่าข้าโกหกเหรอ แม้แต่ชิวจู่ก็ยังเป็นพยานได้!”

เฟิงต้าหนิว และคนอื่น ๆ มองหน้ากันอย่างอึดอัด พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

หงจงไอเบา ๆ และก้าวไปข้างหน้า “จริง ๆ แล้ว มีบางคนที่เห็นซูอันมุ่งหน้าไปทางตะวันตกกับนายหญิง”

“อันที่จริง เราเห็นซูอันแบก…แบกนายหญิงหนีไปทางนั้นจริง ๆ” ทหารหลายคนเอ่ยอย่างลังเล

เฟิงต้าหนิวและคนอื่น ๆ รู้ว่าพี่น้องเหล่านี้เฝ้าประตูด้านตะวันตกของ คฤหาสน์ตระกูลฉู่ พวกเขาทำหน้าที่เป็นทหารยามมาหลายปีแล้ว และพวกเขาต่างก็สนิทสนมกันดี พี่น้องเหล่านี้ล้วนไม่เคยโกหก ผู้สนับสนุนของซูอันเริ่มขัดแย้งกันเอง

หงจงขยิบตา และสาวใช้คนหนึ่งพูดเสียงอ่อนว่า “อันที่จริงข้าเห็นนายน้อยตามหานายหญิงเมื่อสองสามวันก่อนในช่วงเช้าตรู่ และวันนั้นนายหญิงก็ตื่นขึ้นเร็วกว่าปกติ”

สาวใช้อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเห็นนายหญิงออกจากคฤหาสน์ไปกับซูอันเมื่อสองสามวันก่อนเช่นกัน…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ หงจงก็ตัดบทพวกนาง “พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าซูอันข่มอารมณ์ตัณหาไม่ได้อีกแล้ว จนในที่สุดวันนี้มันจึงลักพาตัวนายหญิงไป ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจับไอ้เดรัจฉานที่น่ารังเกียจนั่น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเข้าใจไหม!?”

“เราเข้าใจแล้ว!” ทุกคนสั่นสะท้านเมื่อเห็นแววตาคุกคามของหงจง พวกเขาจึงตกลงทันที

อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงคาใจกับเรื่องนี้อยู่ จากสิ่งที่เหล่าสาวใช้พูด ดูเหมือนว่านายหญิงและนายน้อยน่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างสมยอมมากกว่า

นายน้อยหล่อมากขนาดไหนใครก็รู้ ไม่เช่นนั้นคุณหนูใหญ่คงไม่เลือกมาเป็นคู่ครอง ตอนนี้ทั้งท่านอ๋องและคุณหนูใหญ่ไม่อยู่แล้วก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองคนจะเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์จากความเหงา

ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายหญิงเริ่มปฏิบัติต่อนายน้อยดีขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าทำไม

จินตนาการของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุดและโดยเฉพาะการที่หงจงดูพยายามปกปิดความจริงอยู่ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อในเรื่องนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เฟิงต้าหนิวและคนอื่น ๆ กำลังจะอ้าปากโต้แย้งอีกคำรบ จู่ ๆ เฉิงโซวผิงก็ดึงแขนเสื้อของพวกเขาแต่ละคนเป็นการเตือนสติ