ตอนที่ 1069 สตรีอสรพิษ (2) / ตอนที่ 1070 สตรีอสรพิษ (3)
ตอนที่ 1069 สตรีอสรพิษ (2)
ชวีซินรุ่ยเชิญจวินอู๋เสียให้มาที่หอเมฆาสวรรค์หลายครั้ง จวินอู๋เสียตอบรับคำเชิญแค่สองสามครั้งแรก แต่สำหรับข้อเสนอให้ร่วมมือกันของชวีซินรุ่ย จวินอู๋เสียไม่ได้แสดงอาการอะไรที่เป็นไปในทางบวกเลย ตรงกันข้ามกลับถ่วงเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วคราวนี้จวินอู๋เสียก็ปฏิเสธที่จะมาหอเมฆาสวรรค์ออกมาแบบตรงๆ ท่าทีเช่นนี้บอกให้ชวีซินรุ่ยรู้ว่าจวินอู๋เสียไม่ได้อยากร่วมมือกับนาง
“ดูเหมือนว่าความงามของเจ้าจะไม่สามารถทำให้ฮ่องเต้น้อยนั่นหวั่นไหวได้นะ ถึงขั้นปฏิเสธคำเชิญด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าเขาจะไม่มาพบเจ้าที่นี่อีกแล้ว” เสิ่นฉือพูด
ชวีซินรุ่ยขบฟันแน่น ไม่ใช่ว่านางไม่เห็นการตอบสนองแบบขอไปทีของจวินอู๋เสีย แต่นางไม่คิดว่าหลังจากที่นางใช้เสน่ห์ที่มีทั้งหมดแล้ว จะยังมีบุรุษหน้าไหนนิ่งเฉยอยู่ได้ ไม่ใช่แค่ไม่หลงมนต์เสน่ห์ของนาง แต่ยังเมินเฉยใส่นางอีก!
สำหรับชวีซินรุ่ยที่คอยใส่ใจและมั่นใจในความงามของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมแล้วนั้น สิ่งนี้นับเป็นความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด
“ในเมื่อเขาไม่รับสุราที่ยื่นให้อย่างสุภาพ อย่างนั้นก็ให้สุราจับกรอกกับเขาก็แล้วกัน” ชวีซินรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
เสิ่นฉือมองสีหน้าไม่พอใจของชวีซินรุ่ยแล้วเตือนนางว่า “คนของสามโลกเบื้องล่างอ่อนแอและไร้พลัง การทำให้จวินเสียยอมจำนนไม่ใช่งานยากเย็นอะไรเลย แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องคิดให้ดี เขาคือฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน ถ้าเจ้าทำร้ายเขา แล้วจะตอบคำถามคนของรัฐเหยียนว่าอย่างไร อำนาจของรัฐเหยียนสำคัญต่อพวกเรามาก ถ้าเราเกลี้ยกล่อมให้รัฐเหยียนยกทัพไปที่ผาสุดขอบฟ้าได้ การสำรวจผาสุดขอบฟ้าก็จะเร็วกว่าที่เมืองพันอสูรทำได้เป็นสิบเท่า”
แค่เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เสิ่นฉือไม่สนใจหรอก สิ่งที่เขาสนใจก็คืออำนาจของรัฐเหยียนที่หนุนหลังจวินอู๋เสียอยู่ต่างหาก!
รัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสามโลกเบื้องล่าง ทหารของพวกเขาคงมีมากจนประเมินไม่ได้เลย
“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีใครในโลกนี้ไม่อยากได้ชีวิตอมตะและความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์! เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ แถมยังดูเหมือนไม่สนใจพลังวิญญาณขั้นสีม่วงด้วย อย่าบอกนะว่า…เขามีตำหนักอื่นมาคุยกับเขาแล้ว!” ชวีซินรุ่ยตกใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ได้ มีตำหนักเจ็ดตำหนักในสิบสองตำหนักที่มีชิ้นส่วนแผนที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอยู่ในครอบครอง นอกจากตำหนักหวนจิตแล้ว ตำหนักอื่นๆ ที่มีแผนที่ต้องทำอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกันแน่
รัฐเหยียนอาจจะไม่มีค่าพอให้พูดถึงในสามโลกชั้นกลาง แต่ในฐานะแกะบูชายัญ พวกเขาก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสามโลกเบื้องล่าง
เสิ่นฉือก็กังวลในเรื่องเดียวกับชวีซินรุ่ย แต่เขาก็รีบส่ายศีรษะ
“ถ้าบอกว่าตำหนักอื่นอยากใช้รัฐเหยียน ข้าก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่จวินเสียไม่ได้เป็นคนของราชวงศ์ในรัฐเหยียน จู่ๆ เขาก็ขึ้นมาครองบัลลังก์รัฐเหยียน แล้วตำหนักอื่นก็ไม่ได้ประจำการอยู่ในสามโลกเบื้องล่างตลอดเวลาอย่างที่เราทำ จวินเสียขึ้นครองบัลลังก์มาได้ไม่นาน ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ ต่อให้คนของตำหนักอื่นติดต่อกับฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน มันก็ไม่ใช่ฮ่องเต้น้อยที่เพิ่งขึ้นครองราชย์คนนี้แต่เป็นฮ่องเต้พระองค์ก่อน คนของสิบสองตำหนักยังไม่ทันยื่นข้อเสนอให้เขาหรอก” เสิ่นฉือหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ ก็คือดึงจวินเสียมาเป็นพวกเดียวกับเราและให้รัฐเหยียนทำงานให้เราก่อนที่ตำหนักอื่นจะมาติดต่อกับเขา ตราบใดที่เขายังอยู่ในเมืองพันอสูร เราก็จะมีโอกาสมากกว่าตำหนักอื่นๆ”
ดูจากเวลาแล้ว จวินเสียน่าจะเดินทางมาที่เมืองพันอสูรแทบจะทันทีหลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์เลย เสิ่นฉือแน่ใจว่าต่อให้ตำหนักอื่นรู้ข่าว พวกเขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะพูดคุยเรื่องการร่วมมือกับฮ่องเต้น้อยที่เพิ่งครองราชย์อย่างแน่นอน!
ตอนที่ 1070 สตรีอสรพิษ (3)
“แต่ตอนนี้เขาไม่อยากร่วมมือกับพวกเรา” ชวีซินรุ่ยพูดพลางกัดเล็บ “จวินเสียไม่ใช่ชวีเหวินเฮ่า อำนาจของรัฐเหยียนเองก็แข็งแกร่งมากในสามโลกเบื้องล่าง ข้าได้ยินว่าไทฮองไทเฮาของรัฐเหยียนมีมือสังหารลับอยู่กลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนพลังของพวกนั้นจะไม่ห่างไปจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงมากนัก ตอนที่จวินเสียขึ้นครองบัลลังก์ ไทฮองไทเฮาก็ได้ให้การสนับสนุนเขามากทีเดียว ถ้าเราพยายามควบคุมรัฐเหยียนด้วยวิธีเดียวกับที่ใช้ควบคุมเมืองพันอสูร เราต้องล้มเหลวแน่ จวินเสียมาจากสำนักศึกษาเฟิงหัว ข้าเลยส่งคนให้ไปดูข้อมูลของเขา แต่ก็ไม่พบอะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาเลย เราเลยไม่สามารถใช้คนในครอบครัวของเขามาเป็นตัวประกันได้ และต่อให้เราควบคุมจวินเสียได้สำเร็จ ก็ยังไม่รู้เลยว่ารัฐเหยียนจะยอมจำนนต่อเราหรือไม่ เพราะยังมีไทฮองไทเฮาคุมอำนาจอยู่อีกที ถ้านังแก่นั่นตัดสินใจทิ้งจวินเสียแล้วดันฮ่องเต้พระองค์อื่นขึ้นครองบัลลังก์แทน พวกเราก็จะไม่ได้อะไรเลย”
ชวีซินรุ่ยรู้สึกคับข้องใจมากเนื่องจากนางพบว่ายากที่จะรับมือกับการปฏิเสธของจวินอู๋เสีย
พอไม่มีอะไรให้ใช้ข่มขู่เขา พวกเขาก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าจะใช้จวินอู๋เสียบังคับให้รัฐเหยียนยอมจำนนต่อพวกเขาได้หรือไม่ การยึดรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลกเบื้องล่างไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นเนื้อชิ้นใหญ่ที่พวกเขาไม่อยากจะปล่อยไป
เสิ่นฉือครุ่นคิดอย่างหนัก จะบังคับให้จวินอู๋เสียยอมจำนนต่อพวกเขาได้อย่างไรเป็นคำถามที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาจะต้องหาคำตอบให้ได้
ทันใดนั้นชวีซินรุ่ยก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางพูดขึ้นว่า “จวินเสียอาจจะไม่ได้ไม่มีจุดอ่อนให้พวกเรานำมาใช้งานจริงๆ ก็ได้”
“หือ เจ้าคิดแผนออกแล้วหรือ” เสิ่นฉือถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
ชวีซินรุ่ยยิ้มอย่างชั่วร้าย นางมองเสิ่นฉืออย่างยั่วยวนแล้วพูดว่า “หลินเชวียเคยบอกกับข้าว่ามังกรมายาของข้าถูกสัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสียกินไปไม่ใช่หรือ”
“มันต้องเป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติแน่ถึงสามารถกินมังกรมายาได้ อย่าบอกนะว่าเจ้าจะเล็งไปที่สัตว์วิญญาณของเขา” เสิ่นฉือถาม
ชวีซินรุ่ยหัวเราะเสียงดัง “แล้วทำไมถึงไม่เล่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถครอบครองสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติและฝึกมันจนเชื่องได้ถึงขนาดนี้ เขาเดินทางจากรัฐเหยียนมาตั้งไกลแต่ยังพาสัตว์วิญญาณมาด้วย ระหว่างเขากับสัตว์วิญญาณตัวนั้นต้องผูกพันกันมากแน่ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติยอมจำนนโดยไม่ได้เสียอะไรที่คุ้มค่าเท่าเทียมกัน ต่อให้จวินเสียมีนิสัยเย็นชาเฉยเมยมากขนาดไหน แต่ข้าเชื่อว่าสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติตัวนั้นมีค่ากับเขามาก ในเมื่อไม่สามารถหาตัวคนในครอบครัวของเขาได้ สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติตัวนั้นก็อาจจะช่วยเราได้”
เสิ่นฉือตกใจเล็กน้อย เขามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชวีซินรุ่ยแล้วก็ต้องพูดว่า ถึงแม้ชวีซินรุ่ยจะเป็นสตรี แต่เรื่องการวางแผนเอาเปรียบหาผลประโยชน์ด้วยวิธีการโหดเหี้ยมชั่วร้ายแบบนี้นั้น พวกเขาสามคนไม่มีใครเทียบกับนางได้เลยสักคน สำหรับคนที่ขึ้นมาจากสามโลกเบื้องล่างและยังสามารถอยู่ในตำหนักหวนจิตจนประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ต้องพูดเลยว่าวิธีการของชวีซินรุ่ยนั้นเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ
“ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัตินะ ต่อให้เจ้ากับข้าร่วมมือกันจัดการก็ยังยากจะทำได้เลย” เสิ่นฉือพูด
ชวีซินรุ่ยมองเสิ่นฉือพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสถานที่ที่เราอยู่คือที่ไหน”
เสิ่นฉือชะงักไปครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ
“ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณอยู่ในมือของชวีเหวินเฮ่า สิ่งนั้นนอกจากเจ้าเมืองของเมืองพันอสูรแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถใช้มันได้ ถึงแม้จะถือได้ว่าชวีเหวินเฮ่ายังเชื่อฟังเราอยู่ แต่ความแค้นที่เขามีต่อเจ้าก็ไม่ควรมองข้าม ข้าเกรงว่าเขาอาจจะไม่ยอมเสี่ยงอันตรายจากการพยายามควบคุมสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ”
ชวีเหวินเฮ่าพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชาว่า “เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อบุตรีของเขาแน่”
“เจ้านี่มันโหดเหี้ยมมากจริงๆ” เสิ่นฉือหัวเราะ ใช้กระทั่งคนในสายโลหิตเดียวกับตัวเองได้ ชวีซินรุ่ยช่างเป็นสตรีที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!