บทที่ 540 ข้าจะกลับเรือนเดี๋ยวนี้
บทที่ 540 ข้าจะกลับเรือนเดี๋ยวนี้
เซี่ยเชียนมองแผ่นหลังที่เดินจากไปขององค์รัชทายาทพลางทอดถอนใจ เด็กอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ที่บอกกันว่าจะเติบโตอย่างมั่นคงจะสุขุมได้แค่ไหนกันเชียว?
ประโยคนั้น ครั้นจะสอนเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย จะสอนองค์รัชทายาทก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้เพียงเวลาอันสั้น
องค์จักรพรรดิเห็นเซี่ยเชียนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยปากถาม “ขุนนางเซี่ย เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องขององค์รัชทายาท?”
เซี่ยเชียนเดินรุดขึ้นหน้า แล้วน้อมทำความเคารพพลางกล่าวว่า “รายงานฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ถ้าองค์รัชทายาทมีความกลัดกลุ้มอยู่ในใจจริงก็คงมาถามอาวุโสอย่างกระหม่อมแล้ว คงไม่ต้องมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทถึงที่นี่ ถ้าองค์รัชทายาททรงเวียนวนมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท คงประสงค์ออกไปสูดอากาศข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่า ๆๆ …ขุนนางเซี่ยมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งยิ่งนัก องค์รัชทายาทเจ้าเด็กคนนี้ สันดานเดิมไม่ได้เลวร้าย แต่ความเก่งกาจนี่ต้องยกให้เขา ต้องยอมรับว่าข้าระแวงเกินไป ข้ารู้นานแล้ว แต่คงจะเปลี่ยนแปลงในทันทีไม่ได้ บางเรื่องต้องให้เขาคิดได้ด้วยตนเอง คนอื่นพูดปากเปียกปากแฉะก็คงไม่มีประโยชน์”
องค์จักรพรรดิเสมองไปยังท้องนภาสีครามนอกตำหนัก
เซี่ยเชียนพยักหน้าคล้อยตาม “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ กระหม่อมไม่อยากบีบบังคับองค์รัชทายาทเกินไป ให้เขาได้ออกไปหาประสบการณ์เสียบ้างจะได้เข้าใจ ถึงตอนนั้นคงไม่หัวรั้นเช่นนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิมองเซี่ยเชียนด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “สุดท้ายก็มีเพียงเจ้าที่เข้าใจความคิดข้าที่สุด มีเจ้าข้างกาย ข้าจึงมีคนที่สามารถคุยกันได้ ไม่ถึงขนาดโดดเดี่ยว… ข้ายกองค์รัชทายาทให้เจ้า เพราะเจ้าสามารถอ่านใจคนออก มองนิสัยคนเฉียบขาด แบบนี้องค์รัชทายาทจะไม่มีวันหลงผิด…”
อีกด้านหนึ่ง
คนที่องค์รัชทายาทส่งไปยังตระกูลลู่ได้นำข่าวไปส่ง บอกให้ลู่เหยาเก็บสัมภาระเดินทางมารอตนหน้าประตูเมืองอีกสองวัน
ตู้เหิงในจวนลู่ได้ยินเรื่องนี้ก็ดีใจจนอดรนทนไม่ได้ ตัวเองครุ่นคิดแผนการให้ลูกสาวสานสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทสารพัดวิธี จนวันนี้องค์รัชทายาทเป็นฝ่ายเชิญลูกสาวตนด้วยพระองค์เอง! ดูท่าแผนการที่ตัวเองทำอย่างสม่ำเสมอในช่วงนี้จะเห็นผลขึ้นมาบ้างแล้ว
“เหยาเหยา เจ้าจงฟังแม่ ครานี้องค์รัชทายาทมาเชิญเจ้าด้วยพระองค์เอง เจ้าจงทำตัวดี ๆ ยามอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท ต้องทำให้องค์รัชทายาททรงชมชอบเจ้าให้ได้! ในยามคับขัน จะใช้กลอุบายแค่ไหนก็ไม่เป็นไร!” ตู้เหิงดึงตัวลู่เหยาเข้าสู่อ้อมกอด แล้วกำชับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยากลำบาก
ครั้นลู่เหยาได้ยินว่าเป็นคำเชิญชวนขององค์รัชทายาทก็พลันดีใจอยู่ข้างใน คิดว่าเขาจะปฏิบัติกับตัวเองแตกต่างมากน้อยเพียงใด
แต่ครั้นได้ยินนางพูดเช่นนี้ ลู่เหยาก็เกิดความขวยเขินในใจ แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ตะ….แต่ท่านแม่ เหยาเหยาไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรถึงทำให้องค์รัชทายาทชมชอบ … อีกอย่างไรครั้งที่แล้วข้าเห็นว่า …คนที่องค์รัชทายาททรงชมชอบโดยแท้จริง ก็คือพี่หลินซือ…”
เพียะ!
ครั้นตู้เหิงได้ยินลู่เหยากล่าวเช่นนี้ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาในใจ ก่อนจะวาดฝ่ามือข้างหนึ่งตบหน้าของลู่เหยา “ไร้ประโยชน์สิ้นดี! หลินซือแล้วอย่างไร? พวกเขายังไม่ได้อยู่ด้วยกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้อยู่ด้วยกันเจ้าก็ต้องหาวิธีการชิงตัวองค์รัชทายาทกลับมาให้จงได้! ทำไมข้าถึงให้กำเนิดลูกที่ไม่ได้เรื่องเช่นเจ้าด้วย!”
ลู่เหยาที่ถูกตบฉาดใหญ่ก็รีบกล่าวทันที “ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านแม่ ลู่เหยาไม่ได้เรื่อง ลู่เหยาจะพยายามอย่างเต็มที่…”
ใบหน้าของลู่เหยายังคงร้อนผ่าว แต่ครั้นได้ยินผู้เป็นแม่พูดเช่นนี้ ในใจก็พลันรู้สึกว่ามารดาทำไปทั้งหมดก็เพื่อตนเอง
วันนี้ลู่เหยาจึงมาถึงประตูเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อรอการมาถึงขององค์รัชทายาท
หลังจากเลยเวลานัดไปครึ่งชั่วยาม รถม้าขององค์รัชทายาทก็เดินทางมาถึงประตูเมือง แม้ว่าคนขับจะไม่โดดเด่น แต่กลับมองเห็นถึงความสูงศักดิ์ของสถานะผู้เป็นนาย
เมื่อองค์รัชทายาทก้าวจากรถม้าและพบลู่เหยา จึงฃรับสั่งให้คนรับใช้ข้างกายรับสัมภาระของนาง แล้วกล่าวด้วยความเป็นกังวล “ชนบทค่อนข้างหนาว เจ้าแต่งกายเช่นนี้เกรงว่าไม่ได้ ถึงที่นั่นแล้วก็ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกัน”
ลู่เหยาตะลึงงันไปชั่วขณะ คิดว่าตัวเองฟังผิดไป ผ่านไปครึ่งค่อนวันจึงได้สติกลับมาว่าตัวเองยังไม่ได้แสดงความเคารพ ขณะอ้าปากก็ถูกขัดทันใด
องค์รัชทายาททำสัญลักษณ์ให้เงียบเสียง “ชู่! อยู่ข้างนอกให้เรียกข้าว่าคุณชายก็พอ การออกมาครานี้เป็นความลับ จะให้ผู้อื่นล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
ลู่เหยาพยักหน้า กล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะ คุณชาย!”
นางขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาท ต่อมาเป็นฉากที่พวกเขาและกลุ่มของหลินซือเจอกัน
ความจริงแล้วจะเรียกว่าเจอกันได้อย่างไร องค์รัชทายาทล่วงรู้แผนการของเจี่ยงเถิงอย่างชัดเจนต่างหาก จึงไปดักรอตรงสถานที่ที่พวกเขาต้องผ่าน
เช่นนี้ หลินซือและคนอื่นจึงหาเหตุผลปฏิเสธไม่ได้
ระหว่างทางองค์รัชทายาทและลู่เหยานั่งอยู่บนรถม้าคันหนึ่ง หลินซือและเจี่ยงเถิงนั่งอยู่บนรถม้าคันหนึ่ง หลินจื้อและไป๋หรูปิงก็นั่งอยู่บนรถม้าอีกคันหนึ่ง
มีแค่เหยาเอ้อหลางที่ขี่ม้าอยู่เพียงผู้เดียว บอกว่าขี่ม้านั้นเร็วและโล่งโปร่งสบายยิ่งกว่า
ความจริงแล้วเขาอยากขี่ม้าที่ไหนกัน เพียงแค่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอต่างหาก
เจี่ยงเถิงได้ตกลงกับตนไว้นานแล้ว ตอนเดินทางไม่ให้รบกวนเขากับเอ้อเป่า และจะเลี้ยงสุราชั้นดีเป็นการตอบแทน
สุราที่ส่งมาย่อมไม่เสียของ! ของได้เปล่าเช่นนี้จะไม่คว้าไว้ได้อย่างไร!
เหยาเอ้อหลางนำม้าตัวโปรดของตัวเองมาด้วย เขาไม่อยากเห็นสองคนนั้นพลอดรักกันต่อหน้า!
ส่วนอีกคนที่ขี่ม้าก็คือองครักษ์ซวีจ้าวที่ติดตามมาด้วย
เขาเป็นลูกชายของซวีเซี่ยงอวี๋ ผู้ใต้บังคับบัญชาของหลินเหรา ฝีมือเก่งกาจ ทักษะการต่อสู้เป็นเลิศ แต่นิสัยสุขุม ไม่ชอบพูดกับผู้อื่น
การเดินทางในครานี้ หลินเหราได้ส่งเขาติดตามมาด้วยเพราะอยากให้เขาดูแลความปลอดภัยของพวกเด็ก ๆ ซวีจ้าวปฏิบัติหน้าที่อย่างสุขุมและว่องไว หลินเหราจึงวางใจ
ภายในรถม้า
เจี่ยงเถิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมาตลอดทาง ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว ดูท่าจะโกรธเคืองจริงจัง
หลินซือเห็นท่าทางของเขา จึงยื่นมือออกไปคว้ามือของเขาแล้วพูดอย่างออดอ้อน “พี่อาเถิง ท่านอย่าเงียบสิ องค์รัชทายาทตามมาด้วยข้าเองก็เพิ่งรู้ อีกอย่างนี่ก็เป็นการเจอกันโดยบังเอิญ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ท่านอย่าโกรธกันเลย…”
“บังเอิญ? ข้าว่าท่าทางของเขานั้นไม่เหมือนบังเอิญเลยด้วยซ้ำ เหมือนกลับตั้งใจมาดักรอที่นั่นต่างหาก คงวางแผนมานานแล้ว!”
เจี่ยงเถิงส่งเสียงฮึดฮัดออกมา และกล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
หลินซือหยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมา แล้ววางลงบนมือของเจี่ยงเถิงพลางโน้มน้าว “ไอหยา พี่อาเถิง เราออกมาเที่ยวอย่างสนุกสนานไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องขุ่นเคืององค์รัชทายาทด้วย? แค่ไม่พูดกับเขาก็จบแล้วนี่… อย่าโกรธเลย…”
เจี่ยงเถิงมองหลินซือที่กล่อมตนเหมือนเด็กน้อย ก็ทอดถอนใจ กำลังจะรับขนมชิ้นนั้น ใครจะรู้เล่าว่ารถม้าจะสั่นโคลงเคลงอย่างฉับพลัน ทำให้ขนมที่วางอยู่บนมือของเจี่ยงเถิงตกลงบนพื้นรถ
หลินซืออดกลั้นกล่อมเขาเสียตั้งนาน ทันทีที่เห็นเขาโยนขนมที่ตัวเองทำทิ้ง จึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ “เจี่ยงเถิง! ท่านหมายความเช่นไร? เรื่องที่องค์รัชทายาทติดตามมาด้วยข้าไม่รู้เรื่อง อีกอย่างเรื่องเที่ยวครานี้ท่านก็เป็นคนเสนอเอง วันนี้คนที่สะบัดหน้าหนีและทิ้งขนมอย่างไร้เยื่อใยก็เป็นท่าน! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้ไม่ต้องไปกันแล้ว! หยุดรถ! ข้าจะกลับเรือนเดี๋ยวนี้!”
เจี่ยงเถิงคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ ความโกรธของเขามลายหายไปนานแล้ว แต่ครั้นเห็นหลินซือออดอ้อนตนเลยอยากแกล้งนางไปอีกหน่อยเท่านั้น
ใครจะไปรู้เล่าว่าจะไม่ระวังจนทำขนมหล่นลงพื้น กลับกลายเป็นเหมือนเขาจงใจทิ้งขนมด้วยความโกรธเสียอย่างนั้น!
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
องค์รัชทายาทร้ายกาจ เขาไม่มีใจให้ก็พยายามตื้อทุกวิถีทาง
จังหวะนรกมากเลยค่ะ สองคนนี้ก็งอนกันไปงอนกันมาอีก อยากจับหัวทั้งคู่มาจูนติดกันเลย
ไหหม่า(海馬)