บทที่ 431 ค้นพบ

ไท่จื่อเฟยหลับตาลง

เซียวลิ่วหลังอาจจะไม่ใช่เซียวเหิงจริงๆ ก็ได้

เซียวลิ่วหลังอาจจะไม่ได้รู้จักกับองค์หญิงซิ่นหยางจริงๆ ก็ได้

ในใจของไท่จื่อเฟยสับสนไปหมด

“ไท่จื่อเฟย” เสียงของอวี้จิ่นดึงไท่จื่อเฟยออกมาจากภวังค์

ไท่จื่อเฟยได้สติกลับมา ก่อนจะเอ่ยถามเสียงนอบน้อม “ใต้เท้าอวี้จิ่น มีอะไรหรือ”

อวี้จิ่นเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องของหมอกู้ ขอโปรดไท่จื่อเฟยช่วยเห็นแก่องค์หญิงซิ่นหยางด้วย โรคหัวใจขององค์หญิงไม่มียาใดรักษาหาย เพิ่งจะอาการดีขึ้นหลังจากได้พบกับหมอกู้”

ไท่จื่อเฟยได้ยินดังนั้น เรียวคิ้วก็ขมวดเป็นปม “ยาลูกกลอนไป่ฮวาเมื่อคราวก่อนก็รักษาได้แล้วไม่ใช่หรือ”

อวี้จิ่นส่ายหน้า “ข้าจะไม่ปิดบังท่าน แท้จริงนั้นไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของยาไป่ฮวา แต่เป็นเพราะยาของหมอกู้”

ไท่จื่อเฟยกำหมัดแน่น

อวี้จิ่นพูดต่อ “ไท่จื่อเฟยอย่าได้เป็นกังวลไปเลย ในใจขององค์หญิง ท่านคือคนที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าใคร เพราะเหตุนี้จึงเห็นท่านเป็นเหมือนคนในครอบครัว ไม่ได้เห็นท่านเป็นคนนอกแต่อย่างใด”

คำพูดเช่นนี้ใครเล่าได้ยินแล้วจะไม่ดีใจ

ไท่จื่อเฟยยิ้มกว้างพลางเอ่ย “วางใจเถิด ข้ามิใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น เรื่องวันนี้ข้าจะไม่บอกไท่จื่อกับเสด็จพ่อฮ่องเต้ หากพวกเขาถาม ข้าก็จะบอกว่าข้าไม่ทันระวังจึงหกล้มเอง”

อวี้จิ่นกุมมือไท่จื่อเฟยเอาไว้ “มีเพียงไท่จื่อเฟยคนเดียวที่จะเห็นแก่องค์หญิงเช่นนี้”

ใช่แล้ว ขอเพียงแค่นางจริงใจต่อองค์หญิงซิ่นหยาง ไม่ว่าเซียวลิ่วหลังจะใช่เซียวเหิงหรือไม่ ไม่ว่ากู้เจียวก็เป็นลูกสะใภ้ขององค์หญิงซิ่นหยางหรืออย่างไร นางก็ยังคงเป็นคนที่ใกล้ชิดกับองค์หญิงซิ่นหยางมากที่สุด

อีกฟากหนึ่งหลงอีก็กระเตงกู้เจียวออกมาเรือนบนถนนจูเชวี่ย กู้เจียวนึกว่าเขาจะพาตัวเองออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเสียอีก ที่ไหนได้หลงอีกลับพานางมาที่จวนองค์หญิง

แม้กู้เจียวไม่เคยมาที่จวนองค์หญิง แต่อักษรบนป้ายก็บ่งบอกอย่างชัดเจน

กู้เจียวมองหลงอีที่โยนร่างนางเข้ามาในตำหนักบรรทมของจวนองค์หญิง ขอถามหน่อยเถอะ หากวันหน้าเจ้านัดพบคนที่ถูกใจ เจ้าจะเลือกสถานที่เช่นนี้หรือไม่

จวนองค์หญิงมีบ่าวคอยเฝ้าเวรยาม เพียงแต่ฝีเท้าของหลงอีนั้นเบาหวิว ไม่มีใครรู้ตัวมีคนเข้ามาในจวนองค์หญิง

กู้เจียวนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูหลงอีที่กระโดดขึ้นไปอยู่บนคานของห้อง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงหนักแน่นทีละคำ “พวกเราเปลี่ยนที่ได้หรือไม่”

หลงอีไม่ตอบ

กู้เจียวคิดในใจ ‘ท่านจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเลือกทั้งเวลาและสถานที่เล่นเองขนาดนี้ จะไม่ยอมเปลี่ยนเลยหรือ พวกเรามาตกลงกันใหม่ไม่ได้หรือ’

กู้เจียวครุ่นคิด “เช่นนั้น…เจ้าลงมาสิ พวกเราไปที่ลานบ้านแล้วเล่นหักดินสอกัน”

“หรือว่าเจ้าบอกข้ามา ว่าพวกเราต้องอยู่ที่อีกนานเพียงใด”

“องค์หญิงคงไม่โมโหนานขนาดนั้นหรอกกระมัง…”

หลงอีไม่สนใจกู้เจียวแม้แต่นิด กู้เจียวลองเปิดหน้าต่างหนีออกไป ก็ถูกหลงอีกอุ้มกลับมา

สุดท้ายกู้เจียวก็ยอมแพ้ ไม่ขัดขืนอีกต่อไป นอนไถลไปกับเก้าอี้ ทำตัวเหมือนเป็นปลาเค็มตากแห้งที่ไร้จิตวิญญาณ

ทว่าจากมุมที่นางมองเห็น พอกวาดสายตามองก็สะดุดเข้ากับม้วนภาพวาดที่วางกองเป็นพะเนิน

นางหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชั้นวางของงามวิจิตร หยิบภาพวาดม้วนหนึ่งออกมาจากโถใบใหญ่

นางคลายปมเชือกออกพลางมองดู สิ่งที่เห็นเป็นภาพเหมือนของเซียวลิ่วหลัง…ควรจะเรียกว่าเซียวเหิงมากกว่า

นั่นคือเซียวเหิงยามอายุได้สิบสามปี สวมชุดยาวสีขาว ท่าทางแสนสง่างาม

นางเปิดดูภาพเหมือนอีกม้วนหนึ่ง ก็เป็นภาพของเซียวเหิงยามอายุสิบสามปีเช่นกัน เขาสวมชุดเครื่องแบบจี้จิ่วหนุ่มน้อย ท่าทางมาดมั่นมากความสามารถ ทั้งยังดูสูงศักดิ์ในเวลาเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวน้อย หรือว่าเป็นจี้จิ่วน้อย ในแววตาของเขาล้วนแต่เปล่งประกาย

รอยยิ้มของเขาสุขุมนุ่มลึก แต่กระนั้นก็เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน ราวกับหยกงามแสนบริสุทธิ์ที่บนโลกนี้จะหาได้

กู้เจียวลูบไล้ใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหนุ่มในภาพ เรียวนิ้วเกลี่ยไปตามกรอบหน้าของเขา ยากจะเชื่อว่ารอยยิ้มเช่นนี้ไปมลายหายไปจากใบหน้านี้ไปอย่างไม่มีวันหวนคืนแล้ว

ประกายในแววตาของเขาก็ไม่มีให้เห็นอีกแล้วเช่นกัน

กู้เจียววนปลายนิ้วไปมาบริเวณหัวใจ

ไม่ได้มีเพียงแค่ภาพเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้มีเพียงแค่ภาพเหมือนของเซียวเหิงเองเช่นกัน

กู้เจียวได้เห็นภาพขององค์หญิงซิ่นหยางด้วย

องค์หญิงซิ่นหยางยามสาวนั้นช่างงดงามนัก ตอนนี้เองก็ยังงามอยู่ แต่นางในอดีตนั้นคือบุปผางามใต้แสงตะวัน แผ่ซ่านความสดใสมีชีวิตชีวา ทว่ายามนี้นางได้กลายเป็นเพียงดอกไม้ประดิษฐ์

จะว่างามนั้นก็งาม แต่ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนดั่งเคย

กู้เจียวยังได้เห็นภาพเหมือนของสองแม่ลูกภาพหนึ่ง นั่นเป็นภาพยามองค์หญิงซิ่นหยางอายุได้ราวยี่สิบกว่าปีกับเสี่ยวเซียวเหิงที่อายุห้าปี องค์หญิงซิ่นหยางอุ้มเขาไว้ เป็นภาพที่แสนอ่อนโยนแม้กาลเวลาจะล่วงเลยไป

ความสัมพันธ์ขององค์หญิงซิ่นหยางกับเซียวเหิงไม่ได้ย่ำแย่เหมือนกับนางและพ่อแม่ในชาติก่อน พวกเขาสองคนคือคนที่สนิทกันที่สุด ต้องการกันและกันมากที่สุด พึ่งพากันและกันมากที่สุด

“แอบอู้อีกแล้วใช่หรือไม่ ข้าคลาดสายตาเพียงครู่ แต่ละคนก็เอาแต่เอ้อระเหย กลับไปข้าจะฟ้ององค์หญิง พวกเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย”

ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงตวาดของแม่นมดังขึ้น นางเดินมาทางตำหนักบรรทมขององค์หญิง นางเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู สองมือทาบลงบนประตูห้อง

วินาทีที่นางกำลังจะผลักประตูห้องเข้ามา หลงอีก็ทะยานลงมาจากคาน คว้าตัวกู้เจียวแล้วหนีออกไปทางหน้าต่าง

ลูกไก่ตัวน้อยอย่างกู้เจียวที่ถูกคว้าตัวออกมาใบหน้าไม่สบอารมณ์นัก “คราวหน้า…คราวหน้าช่วยให้สุ้มให้เสียงกันหน่อยได้ไหม”

เพราะแม่นมเข้ามาขัดจังหวะ การสำรวจจวนองค์หญิงในวันนี้จึงจบลงก่อนกำหนด เช่นนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้นกู้เจียวเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหลงอีจะพานางหลบซ่อนตัวไปอีกนานเท่าไหร่

เพียงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วมาก กู้เจียวยังไม่ทันได้เก็บม้วนภาพวาดในมือกลับเข้าที่เดิม ตอนนี้ในอ้อมอกนางยังมีภาพวาดเหมือนของสองแม่ลูกอยู่เลย

ณ เรือนถนนจูเชวี่ย เซียวลิ่วหลังค่อยๆ ได้สติขึ้นมา เขาจ้องมองเพดานที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด เขากวาดตามองเครื่องเรือนโบราณภายในห้อง นานกว่าจะนึกออกว่าตนเองอยู่ที่ไหน

เขากะพริบตามองอย่างเหลือเชื่อ

ความทรงจำของเมื่อวานเริ่มกลับเขามาในหัว เขาเหมือนจะถูกหลงอีกพาตัวออกมา แต่พาออกไปที่ไหนนั้นก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะเขาหมดสติไปเสียก่อน

กลางดึกเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต็มตา เห็นว่ากู้เจียวอยู่ข้างกายจากนั้นก็หลับไปอีกครั้ง

ฝ่ามือที่ทาบลงมาบนหน้าผากเขากลางดึก…

“ท่านชาย ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ”

สาวใช้นางหนึ่งผลักประตูเข้ามา

นางเป็นสาวใช้ที่องค์หญิงซิ่นหยางพากลับมาจากเขาเฟิงตู เซียวลิ่วหลังไม่เคยพบนางมาก่อน นางเองก็ไม่เคยเจอเซียวลิ่วหลังเช่นกัน

นางไม่รู้ว่าเซียวลิ่วหลังเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าหลงอีพาเขากลับมา

เหตุใดองค์หญิงซิ่นหยางถึงยอมให้ชายแปลกหน้านอนบนเตียงของตัวเองเช่นนี้ นางเองก็ไม่เข้าใจนัก แต่ก็ไม่กล้าถาม

เมื่อเห็นสาวใช้ที่ไม่คุ้นหน้า การคาดเดาอันแสนเพ้อเจ้อก็แวบเข้ามาในหัวของเซียวลิ่วหลัง “ที่นี่ที่ไหน นายของพวกเข้าเล่า”

สาวใช้ตอบ “ที่นี่คือถนนจูเชวี่ยเจ้าค่ะ ท่านชายถามว่าองค์หญิงเสด็จไปที่ใดหรือเจ้าคะ”

เซียวลิ่วหลังถามหยั่งเชิง “องค์หญิงซิ่นหยางหรือ”

สาวใช้พยักหน้า “เจ้าค่ะ”

ดูท่าแล้วคงไม่ได้เป็นอย่างที่ตนเองคาดการณ์ไว้ เรือนหลังนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนเจ้าของ

เซียวลิ่วหลังถามต่อ “ข้าหลับไปนานเท่าใด”

สาวใช้ตอบ “หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันเจ้าค่ะ! ท่านมาที่นี่เมื่อวานยามพลบค่ำ ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงวันของวันถัดมา ท่านชาย ท่านหิวหรือไม่ ในครัวกำลังเคี่ยวข้าวต้มเจ้าค่ะ”

เซียวลิ่วหลังในตอนนี้ไม่อยากอาหารแม้แต่นิด เขาชะงักไปพลางถามต่อ “องค์หญิง…ของพวกเจ้าล่ะ”

สาวใช้ชี้ไปทางด้านนอก “องค์หญิงกลับไปที่จวนองค์หญิงแล้วเจ้าค่ะ”

เซียวลิ่วหลังยิ้มขื่น

นางไม่อยากเห็นหน้าเขาจริงๆ สินะ