เม้งเฟยหนานประมุขแห่งสถานศึกษาผืนฟ้าได้สั่งเหล่าสาวกทั้งหมดอย่างเด็ดขาด
เหล่าสาวกของสถานศึกษาเองก็มองเห็นพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเช่นกัน ทุกคนต่างก็ถอยหลังตามสัญชาตญาณ
ทำไมสถานศึกษาผืนฟ้าถึงได้มาที่นี่? เหตุผลนั้นแสนง่าย พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือองค์รัชทายาทและหม่าลู่ปิงเพื่อเอาชนะสำนักอเวจี
แล้วใครกันคือเจ้าของร่างอวตารดอกบัวเก้ากลีบบนยอดเขา? ไม่จำเป็นจะต้องคาดเดาให้เสียเวลาเลย คนคนนั้นจะต้องเป็นจีเทียนเด๋า ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าและยังเป็นอาจารย์ของเจ้าสำนักอเวจีอย่างยู่เฉิงไห่
ใครกันจะกล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาทในสถานการณ์เช่นนี้? สิ่งที่ฉลาดที่สุดที่ควรจะทำนั่นก็คือการถอยกลับ! ไม่จำเป็นจะต้องคิดหน้าคิดหลังอะไรอีก สิ่งที่ต้องทำมีเพียงถอยหนีเท่านั้น!
เหล่าสาวกทั้งหมดมาถึงที่นี่อย่างโอ้อวด แต่ถึงแบบนั้นพวกเขากับถอยหนีอย่างง่ายดาย
…
ภายในเมืองมณฑลหยาน
องค์รัชทายาทหลิวจือกำลังยืนอยู่ที่หน้ารถม้า ที่ใบหน้าของเขามีสีหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย ตราบใดที่สาวกของทั้งสองสถานศึกษามาถึงที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นเขตแดนพลังก็จะถูกใช้งานได้อีกครั้ง สำนักอเวจีก็จะกลายเป็นนกที่ติดอยู่ในกรง ในเวลานั้นหลิวจือจะสามารถทำลายสำนักอเวจีและยู่เฉิงไห่ในคราวเดียวได้
ในตอนนั้นเอง…
ลูกน้องคนหนึ่งของหลิวจือก็ได้โค้งคำนับให้ ชายคนนั้นได้พูดออกมาอย่างกังวล “ฝ่าบาท คนของสถานศึกษาผืนฟ้า…หายไปแล้ว!”
รัชทายาทหลิวจือตกตะลึง ตัวเขาขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเขาไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
หลิวจือแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ ตัวเขาลุกขึ้นก่อนที่จะมองไปยังทิศทางที่เคยเต็มไปด้วยผู้คน หลิวจือมองได้ทันเวลา เหล่าผู้ฝึกยุทธชุดขาวทั้งหลายได้หายตัวไปต่อหน้าต่อตาหลิวจือ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก!
‘เกิดอะไรขึ้นกัน? เจ้าพวกนั้นคิดกบฏอย่างงั้นเหรอ?’
ภายในเมืองมีทัศนวิสัยที่ไม่ค่อยดีมากนัก มันเป็นเพราะมีสิ่งก่อสร้างคอยบดบังวิสัยทัศน์
ความสูงที่ยู่เฉิงไห่ลอยอยู่ต่ำกว่ากำแพงเมือง และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่เห็นอะไรเลยนอกจากกำแพงทางด้านตะวันตก ยู่เฉิงไห่เองก็งุนงงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสีวู่หยามองเห็นทุกอย่างจากบนรถม้าของสำนักอเวจี สีวู่หยามองเห็นพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบที่ปรากฏขึ้นภายในเวลา 10 วินาที แม้ว่ามันจะไม่นานมากนักแต่มันก็เพียงพอแล้ว
“ท่านอาจารย์?” สีวู่หยาไม่คิดว่าจะมีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนอื่นอีก คงจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่บนยอดเขา คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากผู้เป็นอาจารย์
สีวู่หยาที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้วรีบสั่งการออกมา “พี่จงหยาง รีบตีกลองเร็วเข้า!”
“เข้าใจแล้ว” ฮั๊วจงหยางรีบบินไปจุดสูงสุดของรถม้าลอยฟ้าก่อนที่จะตีกลองศึก
ตึง! ตึง! ตึง!
สาวกจากสำนักอเวจีบนกำแพงเมืองทั้งหมดต่างก็ถูกปลุกระดม ในตอนนี้ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง
การโจมตีรอบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ยู่เฉิงไห่หันไปมองรถม้าลอยฟ้าอีกด้านหนึ่งของเมืองก่อนที่จะพยักหน้า “ข้าจะถอยหลังกลับไปได้ยังไงในเมื่อศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้ายังคอยช่วยข้าอยู่”
ยู่เฉิงไห่ก้าวไปที่ด้านหน้าแทนที่จะถอยกลับ ตัวเขาพุ่งไปที่ด้านหน้าพร้อมกับกระบี่นิลโลหิต กระบี่นิลโลหิตของเขาได้บินออกจากฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหลิวจือเบิกกว้างในขณะที่ตะโกนอย่างเร่งรีบ “ถอย! ถอยเร็วเข้า! ใช้เขตแดนพลังซะ!”
“องค์ชาย…กะ…การใช้เขตแดนพลัง…จะทำให้…ตะ…ตัดเส้นทางการหนีของพวกเราด้วย” ข้ารับใช้ของหลิวจือพูดติดๆ ขัด การเปิดใช้เขตแดนพลังก็มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น
หลิวจือบินลงมาที่รถม้า หลังจากนั้นรถม้าก็หันหลังกลับก่อนที่จะบินจากไปในทันที
กระบี่พลังงานได้พุ่งไปบนอากาศ อัศวินดำกว่าหลายสิบคนถูกกระบี่พลังงานสังหารในทันที ศีรษะของทุกคนถูกตัดไป ไม่นานนักเมืองมณฑลหยานก็เต็มไปด้วยฝนเลือด
ยู่เฉิงไห่เหลือบมองไปยังชาวเมืองที่อยู่ใกล้เคียง “ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในสำนักข้า สำนักอเวจีก็จะปกป้องทุกคนจนถึงที่สุด!”
ยู่เฉิงไห่มีความตั้งใจที่จะครองโลก การที่จะครองโลกได้ตัวเขาก็ต้องเอาชนะใจประชาชนให้ได้ซะก่อน และเพราะคำสัญญาที่ให้ไปได้ทำให้ชาวเมืองทั้งหลายส่งเสียงตอบรับอย่างแรงกล้า คำพูดของยู่เฉิงไห่ได้นำพาความหวังมาสู่ทุกคน ทุกคนคุกเข่าลงก่อนที่จะคารวะให้กับยู่เฉิงไห่ในทันที..
ในตอนนั้นเองยู่ฮงก็ได้บินผ่านมา ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้เรียกเขาไว้ “ยู่ฮง”
ยู่ฮงโค้งคำนับในทันที “ครับ ท่านเจ้าสำนัก!”
“ข้าอยากจะให้เจ้ารับผิดชอบเรื่องการปกป้องชาวเมือง ปกป้องพวกเขาด้วยชีวิตของเจ้าซะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับชาวเมือง ข้าจะเป็นคนเด็ดหัวเจ้าเอง!”
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก!” ยู่ฮงยอมรับภารกิจแต่โดยดี การปกป้องชาวเมืองเป็นเรื่องธรรมดา ท้ายที่สุดแล้วยู่เฉิงไห่ก็ต้องแก้ไขสิ่งที่หม่าลู่ปิงเคยทำลงไป
ชาวเมืองเริ่มวิ่งเข้าหายู่ฮง ยู่ฮงปกป้องชาวเมืองไปทางด้านประตูตะวันออก
ยู่เฉิงไห่ที่เห็นเรื่องชาวเมืองถูกคลี่คลายแล้ว ตัวเขาก็ไล่ตามอัศวินดำต่อไป
…
บนยอดเขาที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
การปรากฏตัวของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
โจวยู่ไครู้สึกราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไป ในตอนนี้จิตใจของเขาว่างเปล่า
สาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่จำนวนกว่า 1,000 คนจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ทุกๆ คนต่างก็นิ่งเงียบ
นั่นคือพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นสินะ?
มันแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกคนจะเข้าใจผิดอย่างพร้อมเพรียงกัน
หมิงซี่หยินที่เห็นโจวยู่ไคเงียบไปนานได้พูดขึ้น “ประมุขโจว?”
โจวยู่ไคไม่ได้ตอบสนองอะไร ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจิตใจของเขากันแน่?
“ประมุขโจว!” หมิงซี่หยินร้องเรียกอีกครั้ง
โจวยู่ไคสั่นไปทั้งตัวก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ตัวเขาหันกลับมาก่อนที่จะพูดกับโจวเหวินเหลียง “ขอบคุณที่เตือนข้าประมุขโจว”
“…”
ทั้งหมิงซี่หยิน โจวเหวินเหลียง หวางเจียงหราง และจางซงต่างก็งุนงง
นี่มันคืออะไรกันแน่?
เมื่อรู้ตัวโจวยู่ไคก็เริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมา “ข้าต้องขอโทษด้วย เมื่อไม่นานมานี้ข้าพักผ่อนไม่เพียงพอน่ะ ช่างเป็นเรื่องน่าอายซะจริง”
โจวเหวินเหลียงได้แต่ใช้ความคิดกับตัวเอง ‘ใช่ เจ้าควรจะขอบคุณข้าถูกแล้ว…’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวางซื่อเจียได้เห็นพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงดูสงบเสงี่ยมกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
หวางซื่อเจียรู้ดีว่าลู่โจวใช้พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็เพื่อข่มขู่ให้เหล่าสาวกจากสถานศึกษาผืนฟ้าและสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ให้หวาดกลัว ท้ายที่สุดแล้วหวางซื่อเจียก็ได้พูดยกย่องลู่โจว “พี่จี การเคลื่อนไหวของท่านทำให้ข้าประทับใจจริงๆ !”
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ข้า….มาที่มณฑลหยานก็เพราะผ่านทางมา…แล้วเจ้าล่ะ ประมุขโจว?”
โจวยู่ไคไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขารีบตอบกลับอย่างเร่งรีบ “ข้า…ข้า…ข้าเองก็ผ่านทางมาเช่นกัน…”
หวางซื่อเจียพยักหน้า “ถ้างั้นพวกเราทุกคนก็แค่ผ่านทางมา เพราะแบบนั้นก็คงไม่ต้องรีบร้อนอะไร พวกเรานั่งอยู่ที่นี่ดื่มด่ำกับสุราและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์กันดีกว่า”
…
ในขณะเดียวกัน ณ เมืองมณฑลหยานที่กำลังอยู่ในความวุ่นวาย
ยู่เฉิงไห่ได้แสดงพลังในฐานะผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบต่อไป ตัวเขาได้ใช้วิชาสืบสายราชันย์ไปอีก 3 ครั้งติดต่อกัน มันเป็นการใช้เพื่อกำจัดอัศวินดำนั่นเอง และเพราะแบบนั้นยู่เฉิงไห่จึงเสียพลังลมปราณไปมาก
เมื่อมองไปด้านหน้า ยู่เฉิงไห่ก็มองเห็นหลิวจือที่กำลังรีบร้อนที่จะหนีไป ในตอนที่รถม้ากำลังจะบินออกจากเมืองไป ในตอนนั้นใครบางคนที่สยายปีกสีทองก็ได้พุ่งมาหายู่เฉิงไห่จากทางด้านหลัง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ให้ข้าจัดการเอง” สีวู่หยาพูดในขณะที่กระพือปีกสีทอง
“ระวังตัวให้ดีด้วยศิษย์น้องผู้หลักแหลมข้า!”
“อย่าห่วงเลยศิษย์พี่ ยังไงซะข้าก็ยังเป็นสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าคนหนึ่ง!” ทันทีที่พูดจบสีวู่หยารีบบินไปหารถม้า เมื่อใดก็ตามที่สีวู่หยากระพือปีก เข็มพลังงานนับหมื่นก็ได้พุ่งออกมา สีวู่หยาสามารถจัดการกับผู้ฝึกยุทธระดับล่างได้อย่างง่ายดาย
หลิวจือที่มองเห็นสีวู่หยากระพือปีกขมวดคิ้ว “ศัตรูตามมาแล้ว เร็วเข้า! ไปให้เร็วกว่านี้!”
“อย่ากังวลไปเลยองค์ชาย ข้าจะพาท่านกลับอย่างปลอดภัยแน่!”
พรึ๊บ!
รถม้าลอยฟ้าได้บินผ่านกำแพงเมืองสูงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางใต้
สีวู่หยากระพือปีกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวเขาได้พุ่งตามรถม้าลอยฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
สีวู่หยาที่เข้าใกล้ได้ปล่อยเข็มพลังงานอย่างรวดเร็ว
ตู๊ม!
เข็มพลังงานจู่โจมโดนรถม้าลอยฟ้าไปเต็มๆ
แคร๊ก!
ครึ่งล่างของรถม้าลอยฟ้าถูกเข็มพลังงานตัดไป และเพราะแบบนั้นเขตแดนพลังที่อยู่บนรถม้าจึงถูกทำลายไปด้วย
“ฝ่าบาท พวกเราจะต้องสละรถม้า!” ใครคนหนึ่งคว้าตัวหลิวจือเอาไว้ก่อนที่จะลอยออกจากรถม้า