ตอนที่ 569 ไม่มีอะไรที่พลังฝ่ามือแก้ไขไม่ได้

My Disciples Are All Villains

ชายสวมหน้ากากสีดำได้คว้าตัวองค์รัชทายาทหลิวจือก่อนที่จะพุ่งตัวลงสู่พื้น ชายคนนั้นได้มองไปที่สีวู่หยาที่กำลังเร่งความเร็วตรงมาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “องค์ชาย ได้โปรดถอยไปก่อน!”
  “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหยุดเจ้านั่นให้ได้!” หลิวจือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
  “ครับ!” พลังงานที่แปลกประหลาดได้พุ่งออกมาจากชายสวมหน้ากาก ชายคนนั้นได้ถีบตัวเองออกจากพื้นก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือออกมา
  สีวู่หยาขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่คาดคิดว่าจะมียอดฝีมืออยู่ข้างกายองค์รัชทายาท สีวู่หยาที่เห็นการโจมตีรีบกระพือปีกก่อนที่จะหลบการโจมตีไป
  “หืม?” ชายสวมหน้ากากไม่คิดว่าสีวู่หยาจะไม่สนใจต่อสู้กับตัวเขา ชายสวมหน้ากากยังคงเห็นสีวู่หยาเร่งความเร็วไปทางหลิวจือต่อ ความเร็วของสีวู่หยานั้นเร็วเกินไป!
  ด้วยปีกที่มี ความเร็วของสีวู่หยาจึงไม่แตกต่างอะไรกับรถม้าลอยฟ้าขนาดเล็ก สำหรับหลิวจือที่ไม่มีรถม้าอีกต่อไปตัวเขาไม่มีโอกาสที่จะหนีรอดได้เลย
  พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
  เข็มพลังงานได้ออกมาจากปีกคู่อีกครั้ง
  ชายสวมหน้ากากรีบเคลื่อนตัวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขากำลังใช้สุดยอดวิชาอยู่นั่นเอง
  “เจ้ามีดีแค่นี้เองสินะ?”
  ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
  ชายสวมหน้ากากได้ชกไปที่ด้านหลังปีกของสีวู่หยา
  สีวู่หยาไม่ได้สนใจอะไรชายสวมหน้ากากคนนั้น ตัวเขารีบทรงตัวก่อนที่จะเปลี่ยนแรงโจมตีให้กลายเป็นพลังงานที่ผลักให้ตัวเองเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้น “ขอบคุณมาก!”
  ทันใดนั้นเองปีกคู่ที่ด้านหลังสีวู่หยาก็ได้หายไป มันได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ในที่สุดพัดขนนกยูงก็ปรากฏขึ้น มันได้ยิงลำแสงที่อัดแน่นไปด้วยเข็มพลังงานใส่หลิวจือ
  หลิวจือที่กำลังหลบหนีอยู่เห็นแสงการโจมตี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลิวจือรีบโคจรพลังลมปราณสร้างม่านพลังเพื่อป้องกันการโจมตีเอาไว้
  ตู๊ม!
  เข็มพลังงานนับไม่ถ้วนจากพัดขนนกยูงสามารถเจาะทะลุม่านพลังของหลิวจือ เข็มพลังงานทั้งหมดได้พุ่งทะลุหน้าอกของหลิวจือ
  หลิวจือกระเด็นถอยไปจากแรงการโจมตี ท้ายที่สุดตัวเขาก็ชนเข้ากับต้นไม้ หลิวจือตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
  ตู๊ม!
  ต้นไม้สูงตระหง่านกว่าหลายต้นล้มลงจากแรงกระแทก
  สีวู่หยายังคงไม่ลดละ ตัวเขายังคงตามไล่ล่าต่อไป
  ชายผู้สวมหน้ากากได้แต่อุทานอยู่ภายในใจเท่านั้น ‘แบบนี้แย่แน่!’ แม้ว่าพลังวรยุทธที่สีวู่หยามีจะไม่ได้สูงส่งอะไรเมื่อเทียบกับตัวเขา แต่การกระทำที่คาดเดาไม่ได้ของสีวู่หยาได้ทำให้ชายผู้สวมหน้ากากต้องเป็นกังวล ชายผู้สวมหน้ากากได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสีวู่หยา ชายสวมหน้ากากไม่รอช้ารีบใช้พลังฝ่ามือโจมตีในทันที
  ตู๊ม!
  สีวู่หยาได้สกัดกั้นการโจมตีด้วยแขนทั้งสองข้าง ตัวเขาได้ตีลังกากลับก่อนที่จะทรงตัวอย่างรวดเร็ว
  ทั้งสองฝ่ายต่างก็เผชิญหน้ากัน
  “ยังไงซะมณฑลหยานก็ต้องถูกพิชิต การดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก” สีวู่หยาเป็นฝ่ายเริ่มพูด
  “ข้าก็แค่รับใช้ผู้เป็นนายก็เท่านั้น องค์รัชทายาทก็ได้สละเมืองมณฑลหยานแล้ว เหตุใดกันเจ้าถึงต้องไล่ล่าพวกเราต่อด้วย?”
  “ข้าก็แค่ฆ่าศัตรูก็เท่านั้น”
  “ส่วนข้าก็แค่ปกป้องผู้เป็นเจ้านายจากศัตรูก็เท่านั้น”
  สีวู่หยาที่ได้ฟังคำตอบพูดออกมาอย่างดูแคลน “รัชทายาทอย่างหลิวจือเป็นผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับวัฒนธรรมของชนเผ่าอื่นตั้งแต่เด็ก เขาก็แค่ชอบดูเต้นรำจากชนเผ่าอื่นตลอดก็เท่านั้น ชายผู้ที่ไม่เคยทำประโยชน์อะไรเหตุใดเจ้ายังต้องปกป้องเขาอีก?”
  “ทุกคนต่างก็มีบทบาทเป็นของตัวเอง ไม่ว่าผู้เป็นเจ้านาย หรือผู้ที่เป็นข้ารับใช้ก็แล้วแต่ ทุกอย่างล้วนต้องพึ่งพากันและกัน พวกกบฏอย่างเจ้าก็มีแต่พล่ามเรื่องไร้สาระก็เท่านั้น” ชายผู้สวมหน้ากากตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ
  “ข้าก็แค่รู้สึกเศร้าใจทุกครั้งเมื่อเห็นผู้ที่ทำงานรับใช้คนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า”
  “ตายซะ!” ชายผู้สวมหน้ากากได้ปล่อยหมัดพลังงานใส่สีวู่หยา หมัดพลังงานของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า
  ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
  สีวู่หยาได้ตั้งรับด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง
  ในตอนนี้ทั้งสองต่างก็พัวพันอยู่กับการต่อสู้
  ชายสวมหน้ากากได้แสดงถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ทุกการโจมตีของเขาได้บีบบังคับให้สีวู่หยาต้องตั้งรับอย่างหมดท่า สีวู่หยาไม่อาจที่จะโต้กลับได้เลย
  ตู๊ม!
  ชายสวมหน้ากากได้ใช้หมัดทั้งสองข้างชกลงไปที่แขนของสีวู่หยา
  สีวู่หยาเป็นผู้ถอยกลับมาอีกตามเคย
  ชายสวมหน้ากากที่เป็นฝ่ายได้เปรียบหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าไม่ใช่สาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าทุกคนที่จะแข็งแกร่งสินะ?” ถ้าหากผู้ที่ไล่ตามมาเป็นยู่เฉิงไห่ ชายสวมหน้ากากก็คงจะหนีอย่างไม่คิดชีวิต
  “ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินนะ!” สีวู่หยาพลิกฝ่ามือของตัวเอง ในตอนนั้นพัดขนนกยูงก็ได้หมุนอยู่ในฝ่ามือ มันได้ยิงเข็มพลังงานออกมา ครั้งนี้มันเป็นเข็มพลังงานที่มีไม่มากนัก แต่ถึงแบบนั้นมันกับทรงพลังเพิ่มขึ้นมาก
  ชายสวมหน้ากากยังคงใช้หมักชกไปที่เข็มพลังงานเพื่อเป็นการป้องกัน เมื่อเข็มพลังงานสุดท้ายถูกทำลายไป ในตอนนั้นมันก็ได้สลายกลายเป็นเข็มพลังงานจำนวนมาก เข็มพลังงานจำนวนหนึ่งได้เฉือนไปที่หน้ากากของชายคนนั้น
  แคร๊ก!
  เสียงหน้ากากที่แตกร้าวดังขึ้น
  เมื่อเข็มพลังงานหายไป หน้าหากของชายคนนั้นก็ตกลงสู่พื้น
  “ลู่ฮง เป็นเจ้าเองอย่างงั้นเหรอ?!” สีวู่หยาจำชายผู้สวมหน้ากากได้ทันที
  “ข้าเอง…สีวู่หยา นับตั้งแต่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ทำลายสำนักเฮ้งชูและฆ่าเหล่าสาวกของข้าไป ข้าก็คงจะอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป”
  สีวู่หยาได้ตอบกลับมา “สำนักเฮ้งชูของเจ้าได้รุกรานศาลาปีศาจลอยฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากอาจารย์ข้ารู้เรื่องนี้เข้า…ข้าเกรงว่า…” สีวู่หยากำลังจะบอกว่าสำนักเฮ้งชูทั้งสำนักจะต้องถูกกำจัด
  ลู่ฮงที่ได้ฟังแบบนั้นยิ้มก่อนจะตอบกลับมา “แน่นอนว่ามันจะต้องไม่เกิดขึ้น…ยังไงซะเจ้าก็ต้องถูกฆ่าที่นี่!”
  หมัดที่เต็มไปด้วยพลังงานได้พุ่งไปด้านหน้า..
  สีวู่หยาที่เห็นการโจมตีถอยกลับมา ตัวเขายกฝ่ามือขึ้นสองข้างก่อนที่จะป้องกันตัวเองเอาไว้อีกครั้ง
  ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
  ทั้งสองคนต่างก็เคลื่อนไหวในระหว่างการต่อสู้
  สีวู่หยายังคงถอยกลับมา
  ตู๊ม!
  สีวู่หยาตีลังกาเพื่อหลบการโจมตีอันทรงพลังของลู่ฮงอีกครั้ง
  ลู่ฮงยิ้มก่อนจะถามออกมา “เจ้ามีดีแค่นี้เองสินะ?”
  สีวู่หยาไม่ได้รู้สึกอะไรจากคำพูดเยาะเย้ยของลู่ฮงแม้แต่เพียงนิดเดียว ตัวเขาเหลือบมองไปที่หลิวจือที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก่อนจะพูดออกมา “ไม่ว่ายังไงหลิวจือก็จะต้องตาย”
  สีวู่หยาใช้เท้าแตะไปที่พื้นเบาๆ ก่อนที่จะลอยขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองตัวเขาก็โยนพัดขนนกยูงให้ลอยสูงขึ้น ขนนกยูงได้ก่อเป็นแสงสีทองก่อนที่จะมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหลังของสีวู่หยา เมื่อนกยูกสะบัดปีก ในตอนนั้นเข็มพลังงานจำนวนมากก็ตกลงมา “กาพย์การุญ!”
  ว่ากันว่าผู้ที่ฝึกวิชากาพย์การุญจะทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายฝนสีเลือดได้ ด้วยพัดขนนกยูงที่มีทำให้สีวู่หยาสามารถปลดปล่อยพลังกาพย์การุญได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  สีวู่หยาไม่ได้โจมตีบ่อยครั้ง ตัวเขาจงใจที่จะไม่แสดงวิชาที่มีออกมานั่นเอง ครั้งนี้สีวู่หยาได้โจมตีไปที่หลิวจือ! ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่กวัดแกว่งปีกนกยูง
  เสียงที่คล้ายกับเสียงร้องของนกยูงดังขึ้น มันเป็นเสียงที่เกิดจากเข็มพลังงานจำนวนมากกำลังเสียดสีกับอากาศนั่นเอง
  ดวงตาของลู่ฮงเบิกกว้าง ตัวเขารีบใช้พลังอวตารก่อนที่จะป้องกันการโจมตี “เปล่าประโยชน์!”
  พลังอวตารที่สูงกว่า 90 ฟุตได้ปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของลู่ฮง มันได้ป้องกันพลังสายฝนแห่งเข็มพลังงานจากสีวู่หยาเอาไว้
  ฉึก! ฉึก! ฉึก!
  เข็มพลังงานจำนวนมหาศาลตกกระทบเข้าใส่ร่างอวตาร แม้ว่าจะใช้ร่างอวตารแต่ลู่ฮงก็ไม่อาจป้องกันเข็มพลังงานทั้งหมดเอาไว้ได้
  “จงกลับมา!” สีวู่หยาได้หยุดการโจมตีอย่างกะทันหัน วิชากาพย์การุญของเขาหายไปในทันที เมื่อพัดขนนกยูงกลับมา สีวู่หยาก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งความลังเล
  “กำลังหนีอย่างงั้นเหรอ?” ลู่ฮงไม่คิดว่าสีวู่หยาจะหนีไปหลังจากที่ใช้วิชากาพย์การุญออกมา ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจไล่ตามสีวู่หยาในทันที!
  สีวู่หยาทำตามเป้าหมายได้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวเขาจะคิดหนี การต่อสู้อย่างดื้อดึงมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สีวู่หยาชื่นชอบ ยังไงซะสำหรับตัวเขามันก็ยากที่จะจัดการกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบอยู่ดี
  เมื่อลู่ฮงกำลังจะไปถึงตัวของสีวู่หยา ในตอนนั้นก็มีเสียงของใครบางคนดังมาจากเมืองมณฑลหยาน “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน!”
  มันเป็นเสียงของยู่เฉิงไห่นั่นเอง
  ยู่เฉิงไห่ที่เห็นสีวู่หยาจากไปนานรู้สึกกังวล ตัวเขาที่ได้พักไปชั่วครู่รีบตามมาสมทบในทันที
  ลู่ฮงที่กำลังไล่ล่าตกตะลึงในทันที ตัวเขารีบถอนร่างอวตารของตัวเองก่อนที่จะหันหลังกลับอย่างแน่วแน่ ลู่ฮงในตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปหาหลิวจืออย่างรวดเร็ว
  “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า!” เสียงที่ถูกขยายโดยพลังลมปราณได้ดังขึ้น
  ลู่ฮงที่ถอยมาไกลแล้วยังคงได้ยินเสียงนั้นดี
  มีแต่จะต้องหนีเท่านั้น!
  ‘ข้า…สู้เจ้านั่นไม่ได้แน่!’
  สีวู่หยาได้แต่ส่ายหัว ‘จบแล้วสินะ?’
  ยู่เฉิงไห่รีบไปหาสีวู่หยาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสีวู่หยาลอยอยู่ในอากาศ ตัวเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดี
  “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า!”
  “ข้าสบายดี ลู่ฮงแห่งสำนักเฮ้งชู…พวกเราจะปล่อยให้เจ้านั่นหนีไปไม่ได้!” สีวู่หยาชี้ไปที่ลู่ฮงที่กำลังหลบหนีอยู่ในป่าอันแสนไกล
  ยู่เฉิงไห่สังเกตเห็นเสื้อผ้าของสีวู่หยาที่ยับเยิน ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมา “ให้ข้าจัดการเองเถอะ ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า…”
  พรึ๊บ!
  ลู่ฮงรีบใช้สุดยอดเคล็ดวิชาในการเคลื่อนที่อีกครั้ง ตัวเขาไม่กล้าแม้แต่จะพาหลิวจือหนีไปด้วย ยังไงซะสำหรับลู่ฮงชีวิตของตัวเองย่อมสำคัญกว่า ตัวเขาไม่รีรอที่จะทิ้งหลิวจือก่อนที่จะหนีเอาชีวิตรอด ลู่ฮงที่ร้อนรนได้บินไปในป่าโดยที่ไม่เลือกเส้นทาง เมื่อใดก็ตามที่มีคนร้อนรน คนคนนั้นก็จะเลือกวิ่งซิกแซกไปมาตามสัญชาตญาณ ลู่ฮงในตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ตัวเขาเสียสติไปหมดแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการหนียู่เฉิงไห่ให้ได้ ยังไงซะตัวเขาก็จะหาทางได้เอง ฝ่ามือของลู่ฮงสั่นเครือ ตัวเขาหันกลับหลังมามองเป็นครั้งคราว เมื่อไม่เห็นยู่เฉิงไห่ลู่ฮงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บางทีวิธีการหนีแบบสุ่มของเขาอาจจะใช้ได้ผล
  ท้ายที่สุดแล้วเสียงหัวเราะก็ได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ดังก้องไปทั่วป่า
  บนท้องฟ้ามีพลังแปรปรวนมหาศาล มันเป็นพลังจากวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด กระบี่นิลโลหิตกำลังทำลายป่าไปทั่ว
  หัวใจของลู่ฮงเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ตัวเขารีบถีบตัวเองให้ออกจากป่าให้เร็วที่สุด!
  เอ๊ะ? หุบเขานั่น? เจ้าพวกนั้นไม่ใช่สาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างงั้นเหรอ? ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงมาอยู่ที่นี่?
  ไม่นานนักก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น “นั่นลู่ฮงแห่งสำนักเฮ้งชูไม่ใช่เหรอ?!”
  ลู่ฮงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตัวเขารีบตะโกนกลับมา “ช่วยข้าด้วย! ฆ่าลูกศิษย์ของมหาวายร้ายจีเทียนเด๋าเร็วเข้า!”
  ทุกอย่างคงจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าหากลู่ฮงไม่พูดคำนั้นออกมา เมื่อได้ฟังแบบนั้นเหล่าสาวกกว่าพันคนก็เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป
  ในเวลาเดียวกันพลังฝ่ามือก็ลอยมาจากด้านหลังเหล่าสาวก
  พลังฝ่ามือนั้นเป็นแสงสีน้ำเงิน! มันเป็นพลังฝ่ามือของชาวพุทธ พลังฝ่ามือไร้ความกลัวนั่นเอง เมื่อใดก็ตามพลังฝ่ามือนี้ถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อตอนนั้นผู้คนก็จะพบกับความสงบสุข
  ลู่ฮงที่พุ่งเข้ามาชนเข้ากับพลังฝ่ามือไร้ความกลัวเข้าอย่างจัง!
  ตู๊ม!
  ลู่ฮงร่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
  “…”
  ความเงียบได้เข้าครอบงำหุบเขาลูกเดิมอีกครั้ง
  โจวยู่ไคที่เห็นแบบนั้นคอเหือดแห้ง ตัวเขารู้สึกว่าขาไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าที่จะเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก เพียงแค่การลุกขึ้นยืน โจวยู่ไคก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
  ลู่ฮง เจ้าสำนักเฮ้งชูและยังเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบถูกสังหารด้วยพลังฝ่ามือเพียงแค่ครั้งเดียว?