บทที่ 432 หลงอี (2)

ไท่จื่อเฟยพลันนึกถึงเสื้อผ้าบุรุษที่อวี้จิ่นนำออกมาตากแดด บวกกับห้องนอนที่ปิดสนิทขององค์หญิงซิ่นหยาง

หรือว่า…องค์หญิงซิ่นหยางช่วยชีวิตเซียวลิ่วหลังกลับมา

หากเป็นเช่นนั้นก็อธิบายได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใดหนิงอ๋องกับไท่จื่อพลิกเมืองหลวงตามหาแล้วก็ยังไม่พบร่องรอยของเซียวลิ่วหลัง

แล้วเหตุใดองค์หญิงซิ่นหยางต้องปิดบังนางด้วย หรือกังวลว่าอีกฝ่ายลงมือไม่สำเร็จแล้วจะกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

กู้เจียวต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน

นางมาถึงที่เรือนไม่ใช่เพราะมารักษาองค์หญิงซิ่นหยาง แต่มาเพราะเซียวลิ่วหลังอยู่ที่นั่น

มานึกดูตอนนี้ คำพูดนั้นของอวี้จิ่นช่างน่าขันนัก

คำก็หมอกู้สองคำก็หมอกู้ คำก็บอกว่านางนั้นใกล้ชิดกับองค์หญิงมากกว่าใคร แต่พอเอาเข้าจริงแม้แต่เรื่องที่เซียวลิ่วหลังหายตัวไปยังปิดบังนาง

ไท่จื่อเฟยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

ไท่จื่อสัมผัสได้ถึงจังหวะลมหายใจที่เปลี่ยนไปของไท่จื่อเฟยได้อย่างชัดเจน เขามองนางอย่างเป็นกังวล “หลินหลัง เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดจู่ๆ สีหน้าถึงได้ย่ำแย่เช่นนี้”

ไท่จื่อเฟยหลับตาลง “ไม่มีอะไรหรอกเพคะ หม่อมฉันแค่เหนื่อย”

ไท่จื่อเอ่ยในทันใด “เช่นนั้นข้าประคองเจ้ากลับไปพักผ่อน”

ทว่าอีกฟากหนึ่ง ในที่สุดกู้เจียวที่นั่งอยู่บนกำแพงมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ จนจะกลายเป็นปลาเค็มย่างไปแล้วก็ถูกหลงอีกระเตงลงมา

กู้เจียวอ้าปากพ่นควันดำออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “วันหน้าหากองค์หญิงกริ้วขึ้นมาอีก ให้นางเอ็ดข้าตรงๆ เถิด”

กู้เจียวสงสัยเหลือเกินว่าที่หลงอีเป็นการเป็นงานขนาดนี้ เพราะเคยทำเช่นนี้กับเซียวเหิงตอนเป็นเด็กหรืออย่างไร

แต่ที่นางสงสัยยิ่งกว่าก็คือ เซียวเหิงอยากอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ไม่ใช่เพราะว่าองค์หญิงซิ่นหยางหายโกรธช้า แต่เพราะว่าเซียวเหิงน้อยนั้นซุกซนเอง อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอยู่ตลอด!

“เจ้าโดนหลอกแล้ว เจ้ารู้ตัวไหม”

กู้เจียวมองเขาอย่างคาดโทษ “นายน้อยของเจ้าเป็นเด็กดื้อ”

หลงอีไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้

“หิวชะมัด” โดนแดดย่างมาตั้งนาน ย่างจนนางชักจะหิวขึ้นมาแล้ว

เผอิญว่าละแวกนั้นมีเพิงขายแผ่นแป้งทอดโรยต้นหอม กู้เจียวซื้อมาสองชิ้น ขนมเช่นนี้ต้องกินตอนร้อนๆ หากซื้อกลับบ้านจะแข็งเอา นางจึงไม่ซื้อกลับไปให้เซียวลิ่วหลังกับองค์หญิงซิ่นหยาง

“ทั้งหมดสิบอีแปะ” พ่อค้าเอ่ย

กู้เจียวล้วงเหรียญทองแดงในกระเป๋าออกมาให้เขา ก่อนจะรับแผ่นแป้งโรยต้นหอมมาแล้วยื่นให้หลงอีอีกหนึ่งชิ้น

หลงอีรับจากมือของนางแต่ไม่กิน

กู้เจียวกัดแผ่นแป้งโรยต้นหอมกลิ่นหอมเนื้อกรอบ ก่อนจะมองเขาอย่างประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่กิน”

ใช่แล้ว ไม่เคยเห็นหลงอีกินอะไรเลยนี่นา

จอมยุทธ์ผู้นี้สวมหน้ากากตลอด ไม่เคยถอดเลยก็ว่าได้

กู้เจียวครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยกับหลงอี “เช่นนั้นพวกเราไปกินบนหลังคากัน ไม่มีใครเห็นหรอก”

หลงอีพากู้เจียวขึ้นไปบนหลังคา

เลือกมุมได้เหมาะเจาะยิ่งนัก จากตรงนี้พวกเขามองเห็นคนบนถนน แต่คนบนถนนมองไม่เห็นพวกเขา

“หน้ากาก” กู้เจียวเอ่ยกับเขา

หลงอีไม่ตอบโต้

กู้เจียวชะงักไป ยกมือขึ้นเพื่อถอดบนหน้ากากของเขาออก

วินาทีที่สัมผัสโดน นางรู้สึกได้ว่าร่างของหลงอีกโน้มไปด้านหลัง นี่คือการหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ

แต่เขาก็ไม่ได้ถอยหนีขนาดนั้น

กู้เจียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าจะถอดแล้วนะ”

คราวนี้ยามที่นางสัมผัสหน้ากากอีกครั้ง หลงอีไม่ได้หลบเลี่ยงอีกต่อไป

นางถอดหน้ากากของหลงอีออก

กู้เจียวเคยเจอองครักษ์หลงอิ่งของฮ่องเต้ นึกว่าหลงอีจะเหมือนพวกเขา ที่หน้าตาจัดอยู่ในกลุ่มน่ากลัว แต่พอนางได้เห็นใบหน้าของหลงอี ดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง

ไหนบอกว่าหน้าตาดูไม่ได้

นี่มันจะหล่อเกินไปหรือเปล่า

ดวงตาคู่นั้นของเขาเฉี่ยวคมเหมือนดั่งตาหงส์ คิ้วเข้มโก่งสูงรับกับใบหน้า เครื่องหน้ากำลังพอดี ใบหน้านี้แผ่ซ่านความเย็นชาขั้นสุดออกมา

ทว่าบนใบหน้าของเขากลับไม่มีรอยสัก

กู้เจียวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจพลางเอ่ย “หลงอี รอยสักของเจ้าล่ะ พวกเจ้าองครักษ์หลงอิ่งล้วนแต่มีรอยสักกันทั้งนั้นมิใช่หรือ”

แน่นอนว่าหลงอีไม่ตอบนาง

“เช่นนั้น เจ้าก็กินสิ” กู้เจียวยื่นแผ่นแป้งโรยต้นหอมให้เขา

หลงอิ่งนิ่งไปสามวินาที ก่อนจะรับมาแล้วกินด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

หนึ่งเค่อผ่านไป

‘ลูกเจี๊ยบ’ กู้เจียว “ห้ามกระเตงข้า! ห้ามกระเตงข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะอ้วก!”

ทั้งสองกลับมาถึงถนนจูเชวี่ยก็ได้รู้ข่าวว่าองค์หญิงซิ่นหยางกลับไปที่จวนองค์หญิงแล้ว

มิน่าล่ะแม่นมถึงได้รีบทำความสะอาดห้องหับ เพราะตอนที่องค์หญิงซิ่นหยางกลับมาคลาดกันกับพวกนางพอดี

กู้เจียวไปยังห้องที่นอนที่เซียวลิ่วหลังอยู่ เซียวลิ่วหลังลงจากเตียงแล้ว เขาสวมชุดที่หลงอีนำมาให้จากจวนองค์หญิง เสื้อผ้ายามอายุสิบสี่ปีนั้นไม่พอดีตัวอย่างเห็นได้ชัด มองดูเก้ๆ กังๆ ชอบกล

“เสื้อผ้าแห้งหรือยัง หากแห้งแล้วช่วยเอาเข้ามาให้ที” เขาบอกกับสาวใช้ก่อนหมุนตัวกลับมาแล้วพบว่ากู้เจียวกับหลงอียืนอยู่ที่หน้าประตู

“ไม่ต้องเก็บหรอก ข้าเอาเสื้อผ้ามาด้วย” กู้เจียวหยิบห่อผ้าออกมาจากตะกร้าใบน้อยบนหลัง หยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งยื่นให้เขา “มือเจ้าใช้การสะดวกหรือไม่ ให้ข้าช่วยไหม”

เซียวลิ่วหลังตอบ “ไม่เป็นไร ข้าเปลี่ยนเองได้”

กู้เจียว “อ้อ”

…ก็อยากเปลี่ยนให้เจ้านี่นา

กู้เจียวออกไปรอเขาที่ลานบ้าน

ทว่าหลงอีกลับไม่ออกไปด้วย เขาเอาแต่จ้องไปที่ขาขวาของเซียวลิ่วหลัง

ตอนที่พบกับเซียวลิ่วหลังในป่าครั้งแรก เซียวลิ่วหลังเป็นคนพุ่งเข้ามาหาก่อน หลงอีไม่ทันได้สังเกตตอนเขาเดินเหิน

ตอนนี้หลงอีเพิ่งจะเห็นว่าขาของเขากะเผลก

หลงอีชันเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ก่อนจะตรวจดูขาของเขา

“หลงอี!”

เซียวลิ่วหลังถอยหลังหนี

หลงอีเงยหน้าขึ้นมองเขา

แววตาของดูสับสนแฝงไปด้วยความสงสัย

ทันใดนั้นหลงอีก็ยืนขึ้น แล้วหายตัวออกไป

ไม่นานเขาก็แวบกลับมา

กู้เจียวยืนอยู่ที่หน้าประตู ดวงตาที่ถูกหลงอีพาร่างฝ่ากระแสลมมานั้นแทบลืมไม่ขึ้น

หลงอีหอบยาทาแผลกองโตเข้ามา เขากดตัวเซียวลิ่วหลังให้นั่งลงบนเก้าอี้ โน้มร่างกายสูงใหญ่ของตัวเองลงมา ก่อนจะชันเข่าข้างหนึ่งบนพื้นอีกครั้ง เปิดขวดยาแล้วทายาให้กับเซียวลิ่วหลัง

ทายาเสร็จไปขนานหนึ่งก็เซียวลิ่วหลังลองขยับดู

เซียวลิ่วหลังในวัยเด็กเจ้าบทบาทเหลือเกิน หากหกล้มก็มักจะแสร้งว่าบาดเจ็บสาหัส หลอกให้หลงอีทายาให้ แล้วพาเขาออกไปเล่นข้างนอก

เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งตัวเขาจะไม่ต้องหลอกหลงอีอีกต่อไป

เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีวันหายเป็นปกติได้