เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อคิดว่าเจียงเย่เฉิงจะโวยวายอะไรอีก แต่ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร เจียงหยุนเอ๋อก็ขี้เกียจไปสนใจ
ลี่จุนถิงเห็นเจียงหยุนเอ๋อรับโทรศัพท์แล้วสีหน้าเปลี่ยนไป อีกทั้งได้ยินชื่อของฟู้ชูเหม่ยด้วย เลยเดาได้ว่าคนที่โทรมาคือเจียงเย่เฉิง
ลี่จุนถิงกลัวว่าเจียงเย่เฉิงทำอะไรให้เจียงหยุนเอ๋อลำบากใจอีก เลยคิดจะเอาโทรศัพท์ของเจียงหยุนเอ๋อมาคุยเอง แต่กลับเห็นเจียงหยุนเอ๋อเก็บโทรศัพท์ด้วยท่าทางตะลึงงัน
“หยุนเอ๋อ เป็นอะไรไป? เจียงเย่เฉิงใช่ไหม? เขาทำให้เธอลำบากใจอีกแล้วใช่ไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า “เปล่าหรอก เขาไม่พูดอะไรก็วางสายไปเลย”
“ไม่ได้พูดอะไรเลย? งั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ตั้งใจจะขึ้นไปพักผ่อนกับลี่จุนถิงด้านบน แต่นึกถึงเรื่องที่หลันเยว่เฉินกำชับไว้ขึ้นมาได้ เลยดึงลี่จุนถิงขึ้นมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง
“จุนถิง หมอหลันบอกว่าหลังจากที่นายกลับมาแล้วให้รีบไปหาเขาที่โรงพยาบาล จากนั้นจะตรวจร่างกายให้นาย เพื่อดูว่าร่างกายนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า อีกอย่างเรื่องที่นายความจำกลับมาแล้วต้องรีบบอกให้แม่รู้ด้วยนะ”
“เรื่องพวกนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พี่น่าจะบอกแม่เองแหละ ถ้าไม่ได้บอกวันไหนไปคฤหาสน์ใหญ่แล้วค่อยบอกก็ได้ ส่วนเรื่องโรงพยาบาล อีกไม่กี่วันพาเธอไปอัลตร้าซาวด์ ฉันค่อยไปให้หลันเยว่เฉินตรวจดูอาการ ตอนนี้เธอพักผ่อนให้สบายใจเถอะนะ นั่งรถตั้งหลายชั่วโมง เธอไม่เหนื่อยรึไง”
“เหนื่อยสิ เอวของฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ของฉันแล้ว เร็ว นายลี่น้อย รีบมาพยุงข้าขึ้นไปด้านบน”
เจียงหยุนเอ๋อทำท่าทำทางเอามือวางที่แขนของลี่จุนถิง ลี่จุนถิงแตะจมูกของเธอเล็กน้อย แล้วพยุงเธอขึ้นไปด้านบน
“ยัยตัวแสบ”
ทางด้านอลันเดิมทีตั้งใจว่าจะรีบจัดการลี่จุนถิงตอนที่ซูซานไม่อยู่ ให้ดีคือเมื่อซูซานกลับมา ลี่จุนถิงก็ได้ถูกเขาโจมตีจนไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก แบบนี้ซูซานก็จะไม่ยึดติดอยู่กับลี่จุนถิงแล้ว และสามารถเปิดใจยอมรับตัวเองได้
แต่ว่า ในความเป็นจริงทุกอย่างที่อลันคิดไว้เป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้น เกลกรุ๊ปไม่เพียงแต่ไม่สามารถโจมตีลี่จุนถิงได้ แต่กลับถูกบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแย่งงานไปไม่น้อยเลยอีกด้วย
ธุรกิจของบริษัทเกลกรุ๊ปถูกแย่งไปบ่อยมาก จนอลันอดไม่ได้ที่จะโกรธ ไดแต่อดกลั้นความโกรธไว้แล้วไปสอบถามลี่หุยกับลี่หยูนห่วน
“พวกนายสองคนหาช่องโหว่ในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”
ลี่หยูนห่วนส่ายหน้าอย่างลำบากใจ แล้วพูดด้วยความอึดอัดใจว่า
“ไม่ได้หรอก ลี่จุนถิงกลับมาก็จัดระเบียบใหม่หมดเลย เปลี่ยนคนของพวกเราเป็นคนของเขาหมด ส่วนคนของฝ่ายการเงินภายนอกเหมือนเชื่อฟังฉัน แต่พอฉันขอดูบัญชีต่าง ๆ พวกเขาก็ไม่ยอม”
ลี่หุยก็พูดเสริมว่า : “ฝ่ายการเงินของเขายังทำอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝ่ายธุรกิจของผม ก่อนหน้านี้ผมยังสามารถแตะต้องแต่ละโครงการได้ ตอนนี้ผมเหมือนคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังคน ภายในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้แข็งแกร่งมากจนยากจะโจมตี”
อลันมองคนงี่เง่าสองคนนี้ ก็รู้สึกหมดความอดทน โมโหจนทุบโต๊ะเสียงดัง แล้วด่าออกมาว่า :
“นายสองคนนี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี แม้แต่เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำไม่ได้ พวกนายจะให้ฉันช่วยพวกนายได้ยังไงกัน?”
“คนในบริษัทมีตั้งมากมายขนาดนั้น ยังไงก็ต้องมีพวกเกลือเป็นหนอนบ้างแหละ ถ้าลงมือกับฝ่ายการเงินหรือฝ่ายธุรกิจไม่ได้ พวกนายก็ไปหาจากแผนกอื่น ๆ สิ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ลงมือกับลี่จุนซิน”
“วิธีนี้ใช้ไม่ได้ พวกนายก็ไม่คิดจะหาวิธีอื่นเลยหรือไง? ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ!”
ลี่หยูนห่วนและลี่หุยตกใจ ที่อลันด่าตัวเอง ถึงแม้ในใจจะรู้สึกโกรธมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ เพราะที่เขาด่านั้นก็เป็นเรื่องจริง
ลี่หุยพูดว่า : “ผมเห็นด้วยว่าให้ลงมือกับลี่จุนซินแทน ลี่จุนซินรับผิดชอบด้านการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศมาตลอด เป็นผู้กุมอำนาจสำคัญไว้ อีกอย่างลี่จุนถิงก็ไม่ได้คุมเข้มเรื่องงานของลี่จุนซินสักเท่าไหร่ ถ้าพวกเราส่งคนไปทำให้ลี่จุนซินสนใจขึ้นมา สามารถเข้าไปอยู่ในทีมหลักของลี่จุนซินได้ แบบนี้ก็สามารถหลบสายตาของลี่จุนถิงได้ และยังสามารถโจมตีลี่จุนซินได้อีกด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ก็สามารถสร้างผลกระทบรุนแรงให้กับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้”
“ถึงตอนนั้น ก็เอาลี่จุนซินมาเป็นจุดอ่อนบีบบังคับลี่จุนถิงได้ แบบนี้มีโอกาสเป็นไปได้อยู่นะ ฉันไม่เชื่อว่าลี่จุนถิงจะใจแข็งขนาดนั้น ที่แม้แต่พี่สาวของตัวเองก็ลงมือจัดการได้”
ช่วงนี้โครงการที่ลี่จุนถิงแย่งมาจากบริษัทเกลกรุ๊ป ส่วนใหญ่เป็นโครงการจากต่างประเทศ ดังนั้นฝ่ายการต่างประเทศที่ลี่จุนซินรับผิดชอบดูแลอยู่ ก็มีโครงการเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นตอนนี้มีพนักงานไม่เพียงพอแน่นอน จึงจำเป็นต้องรับพนักงานใหม่เพิ่มสักจำนวนหนึ่ง
เมื่อพบปัญหานี้ ลี่จุนซินจึงรีบให้ผู้ช่วยลงประกาศรับสมัครงานฝ่ายการต่างประเทศของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ให้เวลาส่งเรซูเม่เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น แต่ถึงให้เวลาแค่วันเดียว ก็มีเรซูเม่ส่งมามากมาย
วันถัดมา หลังจากที่ลี่จุนซินเข้ามาในออฟฟิศ ก็พบว่าอีเมลของตัวเองและบนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยเรซูเม่ของผู้สมัครงาน ทำให้เธอปวดหัวไปหมด เมื่อช่วยกันแยกเอกสารกับผู้ช่วยแล้ว ทั้งสองคนก็คัดกรองคนจนถึงตอนดึก แต่ก็ยังเหลือเอกสารอีกเป็นกอง จนถึงตอนที่เวียร์มาส่งอาหารมื้อดึก
เพราะหลายวันมานี้ลี่จุนซินงานยุ่งมาก เลยไม่มีเวลาออกไปพบกับเวียร์เลย ดังนั้นเวียร์จึงได้มาหาเธอที่บริษัทแทน หลังจากที่เวียร์มาแล้ว ก็ได้ให้ผู้ช่วยของลี่จุนซินกลับไป
“จุนซิน นี่เป็นมื้อดึกที่ผมเอามาฝากคุณ คุณรีบทานตอนร้อน ๆ เถอะ ทานเสร็จก็พักผ่อนสักครู่ คุณทำงานมาทั้งวันแล้ว ต้องพักผ่อนได้แล้วนะ”
“แต่ว่า ฉันยังคัดกรองเรซูเม่ไม่เสร็จเลยนะ”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณบอกคุณสมบัติที่คุณต้องการมา เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง คุณพักผ่อนให้สบายใจเถอะนะ”
ลี่จุนซินทานข้าวไปด้วยพลางบอกคุณสมบัติที่ต้องการให้เวียร์ฟังไปด้วย ต่อมา เวียร์รู้สึกว่าลี่จุนซินเงียบไป เลยเงยหน้าขึ้นมาดู ก็พบว่าลี่จุนซินหลับอยู่บนโซฟาไปแล้ว
เวียร์ลุกขึ้น เดินเข้าไป แล้วค่อย ๆ อุ้มลี่จุนซินขึ้นมา พาเธอไปนอนในห้องรับรอง หลังจากที่เวียร์ถอดรองเท้าและห่มผ้าให้เธอแล้ว เขาก็กลับไปยังโต๊ะทำงานของลี่จุนซินแล้วช่วยเธอคัดเลือกเรซูเม่ต่อไป
วันถัดมา ห้าโมงเช้า ลี่จุนซินได้ตื่นขึ้นมา เมื่อทำท่าจะลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ พูดขึ้นมา เลยทำให้เธอตกใจ
“จุนซิน อย่าขยับ ผมเพิ่งได้นอน นอนเป็นเพื่อนผมอีกสักพักนะ”
ลี่จุนซินเห็นเวียร์ขอบตาดำเล็กน้อย ก็เอ็นดูเขามาก เลยใช้มือลูบขอบตาที่ดำคล้ำของเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า : “นอนให้สบายเถอะนะ เดี๋ยวฉันนอนเป็นเพื่อนคุณเอง”
จนถึงตอนที่ลี่จุนซินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เวียร์ก็ตื่นแล้วเช่นกัน ลี่จุนซินดูเวลา ก็รีบลุกขึ้นจากเตียง โชคดีที่เธอเอาของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าเตรียมไว้ในห้องทำงานตลอด เวลาอย่างนี้เลยไม่ต้องลำบากกลับไปที่บ้าน
ลี่จุนซินหยิบแปรงสีฟันใช้แล้วทิ้งมาให้เวียร์หนึ่งชุด แล้วก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกมา เวียร์ก็จัดแจงตัวเองเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ลี่จุนซินรีบล้างหน้า แล้วแต่งหน้าใหม่ จากนั้นก็ออกไปทานอาหารเช้ากับเวียร์
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เวียร์ก็กลับไปนอนต่อ ส่วนลี่จุนซินก็กลับไปทำงานต่อในห้องทำงาน เพื่อเตรียมสัมภาษณ์งานตอนเก้าโมง