การสัมภาษณ์ในวันนี้ เจียงหยุนเอ๋ออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ เลยให้แม่บ้านทำอาหาร แล้วตัวเองเอาไปส่งให้ลี่จุนถิงกับลี่จุนซินที่บริษัท หลายวันมานี้ลี่จุนถิงกับลี่จุนซินงานยุ่งมากพอดี ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้ว่าพวกเขายุ่งอะไรกันนักหนา แต่ก็กลัวพวกเขาไม่มีเวลาไปทานข้าว เลยเอาข้าวไปส่งให้พวกเขาแทน
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อมาถึงที่บริษัท ก็เอาข้าวของลี่จุนถิงกับตัวเองวางไว้ก่อน จากนั้นก็เอาข้าวเที่ยงไปให้ลี่จุนซินที่ห้องทำงานของเธอ
เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าในบริษัทมีคนมากขึ้น และแต่ละคนก็สีหน้าเคร่งเครียด เจียงหยุนเอ๋อไม่เข้าใจ จึงเดินไปที่ห้องทำงานของลี่จุนซินเพื่อสอบถามเธอ ลี่จุนซินกำลังพักผ่อนอยู่พอดี เลยบอกสาเหตุให้เจียงหยุนเอ๋อฟัง
“ระยะนี้จุนถิงได้แย่งโครงการมาจากบริษัทเกลกรุ๊ปได้จำนวนหนึ่ง แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการของต่างประเทศ คนของฉันมีไม่พอ เลยต้องรีบรับคนเพิ่มจำนวนหนึ่ง ตอนนี้กำลังสัมภาษณ์อยู่ เที่ยงแล้ว ฉันเลยพักผ่อนสักแป๊บ สัมภาษณ์ตลอดช่วงเช้าแล้ว เหนื่อยแทบตายเลยฉัน”
“อ๋อ~อย่างนี้นี่เอง งั้นพี่คะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม?”
ลี่จุนซินคิดสักแป๊บ ก็พูดว่า :
“ในเมื่อเธอมาแล้ว งั้นเดี๋ยวช่วงบ่ายเธอช่วยฉันตรวจสอบดูอีกทีแล้วกัน ยังไงอยู่บ้านเธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินดังนั้น ก็ดีใจมาก เลยตอบตกลงทันที
“งั้นพี่รีบทานข้าวเถอะค่ะ ฉันกลับไปทานข้าวกับจุนถิงก่อน ทานข้าวเสร็จฉันจะมาหา รอฉันด้วยนะ”
เจียงหยุนเอ๋อพูดจบ ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อก็บอกลี่จุนถิงด้วยความตื่นเต้นดีใจว่าตอนบ่ายตัวเองจะไปช่วยพี่สัมภาษณ์งาน ลี่จุนถิงได้แต่มองเธอด้วยความเอ็นดู แล้วช่วยเธอจัดแจงอาหารบนโต๊ะ
“ใช้ได้นี่นา ถือว่าไปพักผ่อนแล้วกัน แต่ว่าทานข้าวเสร็จเธอต้องนอนพักหนึ่งชั่วโมงก่อนถึงจะไปได้”
“ไม่ได้นะ ฉันนัดกับพี่ไว้แล้วว่าทานข้าวเสร็จจะไปหา”
“ตอนเที่ยงพี่เองก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน บ่ายสองเธอถึงเริ่มสัมภาษณ์งาน ก่อนถึงบ่ายสองฉันจะปลุกเธอเอง ตอนนี้เธอรีบทานเถอะ ทานเสร็จก็ไปพักผ่อน จะได้ไม่สาย”
เจียงหยุนเอ๋อยังคงไม่วางใจ เลยโทรศัพท์ไปหาลี่จุนซินเพื่อยืนยัน
“หยุนเอ๋อ จุนถิงพูดถูกแล้ว ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์นะ ฉันก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน ก่อนบ่ายสองเธอค่อยมาที่นี่แล้วกัน”
หลังจากได้รับการยืนยันจากลี่จุนซินแล้ว เจียงหยุนเอ๋อถึงได้วางใจแล้วไปนอนพักเที่ยง
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อตื่นนอนก็ไปหาลี่จุนซิน ลี่จุนซินเพิ่งพักผ่อนเสร็จพอดี หลังจากทั้งสองคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้วก็ไปสัมภาษณ์งาน
หลังจากที่ทั้งคู่สัมภาษณ์ไปสิบกว่าคนก็หยุดการสัมภาษณ์ แล้วลี่จุนซินก็กลับไปยังห้องทำงาน เมื่อมาถึงก็เอาเรซูเม่บนโต๊ะโยนทิ้ง แล้วยืนเท้าสะเอวบ่นด่าขึ้นมา
“แต่ละคนเขียนเรซูเม่ซะสวยหรู แต่ปรากฏว่าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ความสามารถด้านธุรกิจไม่มี ความสามารถด้านภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง หยุนเอ๋อ เธอดูคนเมื่อกี้สิ ในเรซูเม่เขียนว่าวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษระดับแปดสอบผ่านแล้ว แต่ผลที่ออกมาล่ะ ถามประโยคง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคก็ยังตอบไม่ได้เลย ยังจะมีหน้ามาสมัครงานที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอีก”
“ตอนนี้พวกเราขาดคนก็จริง แต่จะรับคนไม่ได้เรื่องมาทำงานไม่ได้”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนซินโมโหขนาดนี้ ก็รีบไปปิดประตูห้องทำงาน เพื่อไม่ให้คนอื่นมาเห็นหรือได้ยินลี่จุนถิงโมโห
“ไอหยา อย่ารีบร้อนสิคะ คนพวกนี้ไม่ได้เรื่อง พวกเราก็คอยดูคนอื่น ๆ อีกก็ได้ ต้องมีคนที่เหมาะสมแน่นอน”
ทั้งสองคนพักกันสักครู่ แล้วก็ไปสัมภาษณ์กันต่อ
คนที่เหลือพวกนั้น มีหลายคนที่ลี่จุนซินค่อนข้างพอใจ โดยเฉพาะเด็กสาวที่ชื่อกู้เฟยหลิน
เด็กสาวคนนี้ก่อนหน้านี้ทำงานที่บริษัทในอเมริกาใต้ แต่เพราะแม่มีปัญหาด้านสุขภาพ จึงต้องกลับประเทศ ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เด็กคนนี้ลาออก เจ้านายของเธอถึงกับขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เธอลาออก อีกทั้งยังให้เธอลาพักร้อนได้ยาว ๆ และเพิ่มเงินเดือนให้อีกด้วย ไว้รอให้แม่หายดีแล้วค่อยกลับไปทำงาน
แต่ว่าเด็กคนนี้อยากกลับประเทศ เลยปฏิเสธคำขอของเจ้านายไป เจ้านายของเธอเห็นว่าไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ เลยยอมปล่อยเธอไป แถมยังบอกเธอว่าถ้าเธออยากกลับไปทำเมื่อไหร่ ที่บริษัทก็ยินดีต้อนรับเธอเสมอ
เมื่อลี่จุนซินได้ฟังเรื่องพวกนี้ ก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างที่พูดไหม แต่ก่อนหน้านี้เธอทำงานอยู่ต่างประเทศหลายปี ยังไงระดับภาษาอังกฤษของเธอก็ผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว อีกทั้งมีความเข้าใจในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี
ระหว่างการสัมภาษณ์ เธอตอบคำถามได้ดีมาก ตอนนั้นลี่จุนซินเอาปัญหาด้านการดำเนินการบางเรื่องของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาทดสอบเธอ เธอสามารถเสนอข้อคิดเห็นได้อย่างสมเหตุสมผล ทำให้ลี่จุนซินพอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเธอมีความสามารถใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนเรื่องความเป็นมืออาชีพก็ไม่มีปัญหาใด ๆ รวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ ทำให้เธอโดดเด่นมาก
หลังสัมภาษณ์เสร็จสิ้น ลี่จุนซินก็ให้เธอออกไปรอสักครู่ เพราะต้องปรึกษาหารือกับคนอื่นก่อน
ลี่จุนซินถือเรซูเม่ของเธอมาพูดกับเจียงหยุนเอ๋อว่า :
“กู้เฟยหลินคนนี้ฉันชอบมากเลยล่ะ เธอดูประวัติของหล่อนสิยอดเยี่ยมมากเลย อีกทั้งความสามารถจริง ๆ ของเธอก็มีมากเกินกว่าที่เธอเขียนไว้ในเรซูเม่ ความสามารถของเธอโดดเด่นมาก รูปร่างหน้าตาก็ดูดี เธอคิดว่ายังไงบ้าง?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า “ฉันก็คิดว่าใช้ได้ค่ะ เด็กสาวคนนี้ใช้ชีวิตโดยลำพังที่ต่างประเทศมานานหลายปี คิด ๆ ดูแล้วก็ถือว่าเก่งมากทีเดียว”
จากนั้นลี่จุนซินก็ให้ผู้ช่วยเรียกเด็กสาวคนนั้นเข้ามา แล้วรับเธอเข้าทำงานทันที พร้อมแจ้งเธอไปว่าพรุ่งนี้ให้เริ่มงานได้เลย
เมื่อได้พนักงานที่พึงพอใจมาคนหนึ่ง ลี่จุนซินก็ดีใจมาก เลยอ่อนโยนกับคนที่มาสัมภาษณ์ที่เหลือขึ้นเยอะเลย ถึงแม้คนพวกนั้นจะไม่มีคนที่ดีเลิศเหมือนอย่างกู้เฟยหลินแล้ว แต่ลี่จุนซินก็ไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสีย
ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็เข้ามาสอบถามความคืบหน้า เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินต่างก็รู้สึกว่าไม่เลว
“พวกเรารับพนักงานที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้นบางคนที่เรซูเม่สวยหรู แต่ความสามารถไม่ได้เรื่องก็ถูกฉันไล่ไปหมดแล้ว แต่ว่าฉันได้เจอกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ฉันพอใจมากเลยล่ะ ถือว่าเพอร์เฟคที่สุดในใจฉันเลย หลังจากรับหล่อนเข้าทำงานแล้ว ฉันก็ได้รับพนักงานอีกสองสามคนที่ถึงแม้ไม่ค่อยมีประสบการณ์ แต่ก็เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่มีศักยภาพสูง”
“พี่ครับ พี่คิดว่าดีก็โอเคแล้ว เรื่องทุกอย่างของฝ่ายการต่างประเทศพี่มีอำนาจจัดการทุกอย่าง โชคดีที่พี่มาช่วยผมดูแลแผนกนี้ ทำให้ผมลดความกดดันลงไปได้เยอะเลย”
“ไอหยา เป็นครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจกันทำไม”
“เพื่อฉลองที่วันนี้พี่หาพนักงานที่ตัวเองพึงพอใจได้ ค่ำวันนี้เลิกงานเร็วหน่อย ผมพาทุกคนไปทานมื้อใหญ่เอง”
ลี่จุนซินหัวเราะออกมา แล้วยิ้มหวานปฏิเสธลี่จุนถิง
“เวียร์นัดฉันไว้แล้ว ค่ำนี้พวกเราไปเดทกัน”
“มีความรักนี่ดีจังเลย ทำให้พี่สาวที่เด็ดขาดมาตลอดของพวกเรากลายเป็นสาวน้อยอ่อนหวานไปได้”
เจียงหยุนเอ๋อแตะไหล่ลี่จุนซินเบา ๆ แล้วพูดแซว
ลี่จุนถิงดึงเจียงหยุนเอ๋อเข้ามาโอบไว้ แล้วก้มหน้าพูดกับเจียงหยุนเอ๋อด้วยเสียงอ่อนโยนว่า :
“ถ้าเธออยากไป พวกเราก็ไปเดทกันได้นะ”
“ไอหยา พวกเธอสองคนรีบไปจากที่นี่เลยนะ ยังมีหน้ามาแซวฉัน ดูท่าทางหวานเลี่ยนของพวกเธอสิ รีบไปเลยไป”
ลี่จุนซินเห็นท่าทางของพวกเขาแล้วก็รีบไล่พวกเขาไปทันที