บทที่ 559 อายุห้าหมื่นปี โทสะเทพอนธการ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 559 อายุห้าหมื่นปี โทสะเทพอนธการ

“ข้าไม่กล้าเพ้อฝันเกินตัว แล้วแต่อริยะท่านจะจัดสรร”

หวงจุนเทียนเอ่ยเสียงขรึม ก้มศีรษะลงไป

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยจ้องมองหวงจุนเทียน ไม่ได้เอ่ยวาจา

ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด

ผ่านไปนานพักใหญ่

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเอ่ยเรียบๆ ว่า “หวงจุนเทียน เจ้าอยากเป็นอริยะหรือไม่”

เปลือกตาหวงจุนเทียนกระตุกไม่หยุด ตอบไปว่า “แน่นอนว่าอยาก แต่ข้าอยากปกป้องนิกายเจี๋ยไว้มากกว่า หากไม่มีนิกายเจี๋ย ก็ไม่มีตัวข้าในวันนี้”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยกล่าวว่า “สำนักดวงชะตาต่างๆ ล้วนจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งอริยะรายใหม่ นิกายเจี๋ยของข้ามีเพียงเจ้าที่เหมาะสมที่สุด ข้าจะปูทางไว้ให้เจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเสริมอำนาจนิกายเจี๋ย เพิ่มพูนดวงชะตานิกายเจี๋ย”

หวงจุนเทียนขมวดคิ้วเอ่ยถาม “จิ่งเทียนกงเล่าขอรับ”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยแค่นเสียงหยัน “เขาแปรพักตร์ไปนานแล้ว เขาภักดีต่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ มิเช่นนั้นเขาจะยกตำแหน่งให้เจ้าทำไม”

หวงจุนเทียนเงียบงัน

“เรื่องนี้กำหนดกันตามนี้เถิด ภายในหมื่นปี ข้าต้องการให้นิกายเจี๋ยมีจำนวนศิษย์เกินร้อยล้านคน ระดับเทพเกินห้าร้อยคน!” เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยประกาศกร้าว

หวงจุนเทียนสบถในใจ ช่างเรียกร้องสูงเสียจริง

ระดับเทพชุบเลี้ยงได้ง่ายดายปานนั้นหรือไร!

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอริยะ หวงจุนเทียนไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว

หลังจากอาณาเขตเต๋าของอริยะ หวงจุนเทียนเหาะลงมาจากชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เขาอดนึกถึงสำนักซ่อนเร้นไม่ได้

เฮ้อ

เมื่อไรนายท่านจะเรียกตัวข้ากลับไปกันนะ

สำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดยังให้ข้าดักซุ่มอยู่อีก

หรือเขามีความทะเยอะทะยานที่ยิ่งใหญ่กว่านี้

หวงจุนเทียนไม่กล้าคิดต่อไปอีก กลัวว่าถ้าคิดต่อไปจะถูกอริยะจับสังเกตได้

ลืมเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน!

….

เดือนปีเคลื่อนคล้อย

ผ่านมากว่าแปดร้อยปีแล้ว

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบห้าหมื่นปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที ครอบครองมรรคาสวรรค์เพียงผู้เดียว จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ แสวงหาสิ่งที่เหนือกว่ามรรคาสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับครึ่งอริยะหนึ่งคน]

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น รอยยิ้มฉายอยู่บนหน้า

ในที่สุดก็มาแล้ว!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ แสวงหาสิ่งที่เหนือกว่ามรรคาสวรรค์ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับครึ่งอริยะหนึ่งคน]

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็รวบรวมชิ้นส่วนมหามรรคได้ครบ มีเก้าชิ้นแล้ว

องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับครึ่งอริยะก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน

ครั้งนี้ หานเจวี๋ยวางแผนว่าจะคัดลอกบรรพจารย์ซานชิง

บรรพจารย์ซานชิงสยบต่อเขาแล้ว ประกอบกับแบบจำลองการทดสอบมีข้อมูลของเขาอยู่ ดังนั้นเลือกเขาจึงไม่มีปัญหาใดๆ

[เริ่มคัดลอกองครักษ์อาณาเขตเต๋า]

หานเจวี๋ยนำชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าออกมา ผสานรวมเข้าด้วยกัน

สำหรับการตระหนักรู้มหามรรคใหม่ๆ หานเจวี๋ยวางแผนไว้นานแล้ว

เขาจะสร้างพลังวิเศษมหามรรคที่สามารถผสานรวมร่างจำลองเสรีสุญญตาเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ได้

หลังจากรวมชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าเข้าด้วยกันแล้ว ปรากฏแสงเจิดจ้าขึ้น ท่วมทับร่างของหานเจวี๋ย เขาเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้มหามรรค

….

แดนเซียน ณ เกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง

เด็กหนุ่มผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนยอดเขา รอบกายมีกระแสลมรุนแรงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโอบล้อมอยู่

เทียนนั่นเอง

ลำแสงสายหนึ่งส่องลงมาจากฟากฟ้า ร่อนลงมาตรงหน้าเทียน

เทียนลืมตาข้างหนึ่งขึ้น มองเห็นนักพรตชราหน้าตาผ่องใสรายหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

นักพรตชราเอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม “เทียน ต้องการฝึกบำเพ็ญ ไต่ถามหามรรควิถี ไยมิกราบข้าเป็นอาจารย์เล่า”

เทียนเอ่ยตอบ “ข้ามีนามเต็มแล้ว นามว่า อี๋เทียน ส่วนเรื่องกราบอาจารย์ ข้าไม่ต้องการ”

อี๋เทียนหรือ

นักพรตชราใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจความหมายของนามนี้

“หากไม่กราบอาจารย์ เจ้าจะทำได้เพียงฝึกบำเพ็ญไปตามสัญชาตญาณ แล้วยามใดถึงจะออกจากทะเลไร้ขอบเขตได้เล่า”

“ผู้ใดบอกว่าข้าฝึกบำเพ็ญไปตามสัญชาตญาณ”

อี๋เทียนแสดงสีหน้าเหยียดหยาม

ไม่รอให้นักพรตชราได้พูดอะไรต่อ เทียนก็กล่าวอย่างหมดความอดทน “รีบไปซะ หากยังมาอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า!”

นักพรตชราขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าไยจึงหัวดื้อเช่นนี้”

อี๋เทียนลุกพรวดขึ้นมา ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงดุร้าย เส้นผมขาวงอกยาว กลายเป็นอสรพิษหลายพันตัว ร่างกายผอมบางเริ่มมีกล้ามเนื้อปูดโปน กลิ่นอายเปลี่ยนแปลงไปในทันใด ความพิฆาตสูงท่วมฟ้าก่อให้นภาแปรผัน เมฆอัสนีรวมตัวกัน

นักพรตชราเกิดความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า ตกใจหายตัวไปทันที

สีหน้าของอี๋เทียนผ่อนคลายลง กลับมาอยู่ในรูปลักษณ์เดิม ดูใสซื่อไร้พิษสง

นี่มิใช่นักพรตทรงพลังคนแรกที่ถูกเขาไล่ตะเพิดไป

เขาหงุดหงิด เหตุใดถึงมีคนอยากรับเขาเป็นศิษย์อยู่เรื่อยเลยนะ

เขาถือกำเนิดขึ้นพร้อมวิถีฝึกบำเพ็ญรวมถึงพลังวิเศษ ไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์!

นับตั้งแต่เขาถือกำเนิดมาจนถึงวันนี้ ผ่านไปพันปีแล้ว ตบะของเขาบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ หลายร้อยเกาะโดยรอบนี้ล้วนยอมสยบต่อเขา

เขาสำราญกับชีวิตเช่นนี้ยิ่งนัก ไม่คิดจะออกจากท้องทะเลอันกว้างใหญ่แห่งนี้

เวลานี้เอง เหยี่ยวยักษ์สามหัวตัวหนึ่งบินเข้ามา ร่อนลงตรงหน้าเขา เอ่ยด้วยความนอบน้อม “ท่านราชา ทางหนึ่งปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น ลอยอยู่ในทะเล กลิ่นอายเขากล้าแกร่งยิ่ง สลบไม่ได้สติ ลูกน้องของพวกเราลองกัดเขาดู ทว่ากัดไม่เข้าเลยขอรับ”

พอได้ยิน อี๋เทียนชักจะสนใจขึ้นมา พลันกระโจนคราหนึ่ง บินไปตรวจสอบดู

ไกลออกไปหลายหมื่นลี้ วิหคนับไม่ถ้วนบินวนเวียนอยู่เหนือท้องทะเล ในทะเลมีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ทะเลที่ยังแปลงกายไม่ได้กระโจนขึ้นมาเหนือน้ำ

กลางวงล้อมของพวกเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัวล่องลอยอยู่

เป็นหานทั่วนั่นเอง

หานทั่วบาดเจ็บสาหัสยิ่ง บริเวณข้อต่อมองเห็นกระดูกขาวรำไร

อี๋เทียนมาถึงอย่างรวดเร็ว เหล่าสิ่งมีชีวิตที่รายล้อมอยู่ตกใจพากันหลีกลี้ไป

สายตาของเขามองไปที่ร่างหานทั่ว ขมวดคิ้วนิดๆ

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด กลิ่นอายของหานทั่วทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างน่าประหลาด

เขารู้สึกประหลาดใจคล้ายได้พบพานพวกเดียวกัน

เขาตวัดมือคราหนึ่ง หานทั่วลอยขึ้นจากทะเล ร่วงหล่นลงบนมือเขา

เขาอุ้มหานทั่วแล้วหันหลังจากไป เพียงพริบตาเดียวก็หายลับไปจากขอบฟ้า

….

เขตเซียนร้อยคีรี ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยพลันลืมตาขึ้น ดวงตาส่องประกายเจิดจรัส ไอพลังข่มขวัญคน

“พลังวิเศษนี้ให้เรียกว่าโทสะเทพอนธการแล้วกัน รวบรวมพลังเทพมารมากมายเอาไว้ ครอบคลุมรอบด้าน ก่อตัวเป็นพลังวิเศษสุดแข็งแกร่ง พิฆาตศัตรูในกระบวนท่าเดียว!”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าเขา

[ยินดีด้วยท่านได้รังสรรค์พลังวิเศษมหามรรคขึ้น…โทสะเทพอนธการ]

หานเจวี๋ยเรียกหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาตรวจสอบ ผ่านมาสี่สิบเก้าปีแล้ว

เจ็ดเจ็ดเป็นสี่สิบเก้า ท่ามกลางความมืดมัว เลขเจ็ดมีจำนวนที่แน่นอนเป็นของตน

หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ลองใช้งานโทสะเทพอนธการ

ท้าสู้หลี่มู่อี สังหารในเสี้ยววินาที!

ท้าสู้ฉิวซีไหล สังหารในเสี้ยววินาที!

ท้าสู้เทพสูงสุดหนานจี๋ สังหารในเสี้ยววินาที!

ท้าสู้อริยะมิ่งจี สังหารในเสี้ยววินาที!

ท้าสู้เทพสูงสุดอู๋ฝ่า แม้สังหารในเสี้ยววินาทีไม่ได้ แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ตกเป็นรองอีก เป็นฝ่ายได้เปรียบ

หานเจวี๋ยสู้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

โทสะเทพอนธการเพียงสร้างรอยขีดข่วนให้กับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเท่านั้น ไม่เกิดความเสียหายขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เมื่อท้าสู้ในแบบจำลองการทดสอบไปเรื่อย หานเจวี๋ยก็สามารถใช้โทสะเทพอนธการได้ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ

ในระดับอริยะ ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานโทสะเทพอนธการได้!

ส่วนระดับอริยะมรรคาสวรรค์ โทสะเทพอนธการก็สามารถสะบั้นดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้ในกระบวนท่าเดียว ส่งผู้อื่นไปสู่ความตาย!

หานเจวี๋ยพอใจยิ่ง

แต่ในช่วงเวลานี้เอง องครักษ์อาณาเขตเต๋าที่คัดลอกสำเร็จแล้ว คอยอยู่ในมุมหนึ่งของอารามเต๋า รอให้หานเจวี๋ยสั่งการ

“นับจากนี้ไป เจ้านามว่าเฉาเชา ไปฝึกบำเพ็ญด้านนอกเถอะ”

หานเจวี๋ยกล่าว

เฉาเชาทำความเคารพทันที และจากไปอย่างนอบน้อม

กองทัพสามก๊กของหานเจวี๋ยมีขุนพลใหญ่เพิ่มขึ้นอีกรายหนึ่งแล้ว

อารมณ์เขาเบิกบานยิ่ง เรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

ในไม่ช้า หัวคิ้วเขาก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน เพียงเพราะจดหมายฉบับหนึ่ง

[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

………………………………………………………………