ตอนที่ 1123 ไข่มุกตรึงวิญญาณ ตอนที่ 1124 ลองพูดอีกสักคำสิ (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1123 ไข่มุกตรึงวิญญาณ / ตอนที่ 1124 ลองพูดอีกสักคำสิ (1)
ตอนที่ 1123 ไข่มุกตรึงวิญญาณ

ในห้องที่มีแสงสลัวๆ นั้น จวินอู๋เย่ายืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสบายๆ ในมือของเขามีอัญมณีสีแดงโลหิตโปร่งใสอยู่เม็ดหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของจวินอู๋เสีย เขาก็หันกลับมาช้าๆ อัญมณีในมือของเขาส่องแสงแวววาวน่ากลัว

“ยังจำที่เยี่ยซาบอกได้หรือไม่ว่าตอนที่เขามาที่หอเมฆาสวรรค์นี่ เขาพบสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง” จวินอู๋เย่าถามพร้อมกับเอียงคอมองจวินอู๋เสีย มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ

“มันคือสิ่งนี้หรือ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับมองไปที่อัญมณีสีแดงโลหิต ถึงจะเห็นอยู่ชัดๆ ว่าอัญมณีนี้โปร่งใส แต่จวินอู๋เสียก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าสิ่งนี้คือโลหิตสดๆ ที่รวมตัวกันเป็นผลึกกลมๆ

“ในสิบสองตำหนัก มีตำหนักหนึ่งที่ชื่อว่าตำหนักหวนจิต พวกนั้นคือผู้เชี่ยวชาญในการใช้จิตวิญญาณทดลองกับสิ่งต่างๆ มากที่สุด ตำหนักหวนจิตมีอุปกรณ์วิญญาณมากมาย มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าไข่มุกตรึงวิญญาณซึ่งใช้โลหิตของมนุษย์เป็นๆ เป็นสื่อกลางในการสังเวยวิญญาณของคนผู้นั้นให้แก่ไข่มุกเพื่อเติมพลังให้มัน พอถึงที่กำหนดไว้ไข่มุกตรึงวิญญาณก็จะสามารถคงความเยาว์วัยให้ได้ แต่จุดประสงค์แท้จริงของมันไม่ได้มีแค่นี้” จวินอู๋เย่าพูดพลางโยนไข่มุกเล่น

“นี่คือสิ่งที่ชวีซินรุ่ยใช้คงความเยาว์วัยของนางเอาไว้อย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียเข้าใจทันที มิน่าเล่านางถึงรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของชวีซินรุ่ย

“นางน่าจะใช้เจ้าสิ่งนี้นั่นละ แต่แท้จริงแล้วไข่มุกตรึงวิญญาณมีไว้เพื่อจิตวิญญาณไม่ใช่หน้าตา พอคิดว่ามีคนในตำหนักหวนจิตโง่ขนาดใช้ไข่มุกตรึงวิญญาณได้เสียเปล่าแบบนี้แล้วมันก็…น่าสนใจดี เสี่ยวเสียเอ๋อร์รู้หรือไม่ว่าการสังเวยที่ไข่มุกตรึงวิญญาณต้องการนั้นมีขั้นตอนอย่างไร” จวินอู๋เย่าหรี่ตาลงมองโลหิตที่ปกคลุมพื้นหินใต้เท้าของพวกเขา

จวินอู๋เสียส่ายหน้า

จวินอู๋เย่าจึงพูดยิ้มๆ ว่า “มันต้องใช้โลหิตของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่และต้องเป็นโลหิตของชายหนุ่มด้วย เวลาทำการสังเวยจะต้องกรีดจากหน้าอกลงมาจนถึงท้อง แหวกซี่โครงออกแล้ววางไข่มุกตรึงวิญญาณลงในช่องอกที่ถูกเปิดของผู้ถูกสังเวยเพื่อให้โลหิตแก่มัน ไข่มุกจะสูบวิญญาณและชีวิตของผู้ถูกสังเวยไปอย่างช้าๆ และตลอดกระบวนการทั้งหมดผู้ถูกสังเวยจะยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งไข่มุกตรึงวิญญาณได้สูบวิญญาณและโลหิตของเขาไปทั้งหมดจนลมหายใจสุดท้าย”

จวินอู๋เสียตกใจ ชวีซินรุ่ยห่วงเรื่องหน้าตาของตัวเองมากและเพื่อคงความเยาว์วัยเอาไว้ตลอดหลายปีมานี้ นางต้องสังเวยคนไปมากแน่ คนกี่คนที่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนก่อนความตายมาเอาชีวิตพวกเขาไป ชายหนุ่มจากเมืองพันอสูรกี่คนที่ต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่

“ความจริงแล้วไข่มุกตรึงวิญญาณนี้เอาไว้ใช้กับคนที่มีจิตวิญญาณไม่สมบูรณ์หรือไม่มั่นคง เอามาใช้คงความเยาว์วัยแบบนี้เสียของเปล่าจริงๆ” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง เขามองจวินอู๋เสียและเห็นนางขมวดคิ้วก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวเสียเอ๋อร์ไม่ชอบเครื่องมือชั่วร้ายแบบนี้อย่างนั้นหรือ”

จวินอู๋เสียไม่พูดอะไร แต่ดวงตาของจวินอู๋เย่าส่องประกาย เขากำมือและขยี้ไข่มุกตรึงวิญญาณทิ้งทันที

เสียงไข่มุกตรึงวิญญาณแตกละเอียดดังขึ้น เศษผงระยิบระยับของมันร่วงหล่นจากมือของจวินอู๋เย่า

“ถ้าเสี่ยวเสียเอ๋อร์ไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้”

จวินอู๋เสียประหลาดใจเล็กน้อย นางรู้สึกว่าคำพูดของจวินอู๋เย่าแปลกๆ แต่นางก็บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน

จวินอู๋เย่าเดินไปยืนตรงหน้าจวินอู๋เสียแล้วยกมือขึ้นลูบหัวนาง

“เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ควรไปพักได้แล้วนะ”

ตอนที่ 1124 ลองพูดอีกสักคำสิ (1)

แผนที่หนังมนุษย์ถูกพบที่ห้องของชวีซินรุ่ย และเป้าหมายที่จวินอู๋เสียมาที่เมืองพันอสูรก็บรรลุแล้ว แต่นางยังไม่ไปจากที่นี่ทันที ยังคงรั้งอยู่ชั่วคราว

ชวีหลิงเย่ว์ไม่ได้พยายามฆ่าตัวตาย นางตัดสินใจบอกให้รู้ผ่านการกระทำ นางมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อขอร้องจวินอู๋เสียให้รักษาบิดาของนาง

ความจริงต่อให้ชวีหลิงเย่ว์ไม่ขอ จวินอู๋เสียก็ยังทำแบบเดิมอยู่ดี

ชวีเหวินเฮ่าใช้ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณควบคุมใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้ และมีเพียงเขาที่สามารถถอนการควบคุมได้ หรือถ้าเขาตาย…ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็จะกลับเป็นปกติ

แต่จวินอู๋เสียไม่คิดที่จะฆ่าชวีเหวินเฮ่าอยู่แล้ว

ในวันต่อๆ มา แม้ว่าจวินอู๋เสียจะอยู่ในหอเมฆาสวรรค์ แต่นางก็ไม่มีโอกาสพบกับชวีหลิงเย่ว์สักครั้ง ราวกับว่าชวีหลิงเย่ว์หลบนางอยู่ แม้แต่ตอนที่คนยกน้ำและอาหารไปให้ นางก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องและแค่แง้มประตูเป็นช่องเล็กๆ เพื่อรับอาหารเท่านั้น สำหรับจวินอู๋เสีย…ตอนที่จวินอู๋เสียไปที่ห้องของชวีหลิงเย่ว์ ชวีหลิงเย่ว์จะพยายามทุกอย่างที่ทำได้เพื่อซ่อนตัวจากนาง

นางไม่อยากพบจวินอู๋เสียอีก ไม่ใช่เพราะเกลียด แต่เพราะอับอายเกินกว่าจะพบหน้านาง

จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรกับความดื้อดึงของชวีหลิงเย่ว์ แค่รักษาชวีเหวินเฮ่าตามที่ตกลงไว้

ชวีเหวินเฮ่าเจอกับเรื่องที่ทำร้ายจิตใจอย่างมหาศาล จิตใจของเขาพังทลาย อาการเช่นนี้ต่อให้เป็นจวินอู๋เสียก็ไม่สามารถรักษาได้ในสองสามวัน ถึงอย่างไรร่างกายของมนุษย์นั้น สภาพจิตใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

สยงป้ากับชิงอวี่มาที่หอเมฆาสวรรค์สองสามครั้ง แต่พวกเขาไม่กล้าพบจวินอู๋เสีย จึงได้แต่ถ่ายทอดคำขอบคุณของชาวเมืองพันอสูรให้เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาบอกกับจวินอู๋เสีย

หลังจากตกอยู่ภายใต้การกดขี่มานานเกินทศวรรษ ในที่สุดเมืองพันอสูรก็ได้ชีวิตใหม่ ชาวเมืองที่ทนทุกข์มาตลอดก็สามารถกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง

แต่…

หลังจากเหตุวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว ก็เกิดความขัดแย้งขึ้นในเมืองพันอสูร

ชวีเหวินเฮ่าที่เป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรเสียสติไปแล้ว ตามหลักแล้วตำแหน่งเจ้าเมืองควรจะถูกส่งต่อให้ชวีหลิงเย่ว์เป็นการชั่วคราว แต่นั่นก็ทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างขึ้นมา

วันนั้นชวีซินรุ่ยได้บอกเรื่องทุกอย่างที่ชวีหลิงเย่ว์เจอมาต่อหน้าทุกคนในเมืองพันอสูร พูดได้ว่าตอนนี้ชาวเมืองพันอสูรทุกคนรู้ดีว่าชวีหลิงเย่ว์ประสบเรื่องเลวร้ายแบบไหนมา

และคนที่ทำเรื่องพวกนั้นกับชวีหลิงเย่ว์ก็คือคนที่เคยเป็นเหล่าชายหนุ่มคนโปรดในหอเมฆาสวรรค์ซึ่งเคยเอาเปรียบผู้คน หลังจากจวินอู๋เสียยึดหอเมฆาสวรรค์แล้ว คนพวกนี้ก็หนีออกมาจากที่นั่นและแยกย้ายกันไป แต่คนพวกนี้เคยชินกับชีวิตที่สุขสบายและมีอภิสิทธิ์ในหอเมฆาสวรรค์ การให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาแบบนั้นพวกเขาจะทนได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นชาวเมืองพันอสูรต่างก็จำได้ดีถึงสิ่งที่คนพวกนั้นเคยโอ้อวดทระนงตนเอาไว้

ตอนที่พวกเขากลับมา พวกเขาจึงต้องเจอกับสายตาดุๆ และคำด่าทอสาปแช่งมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อโดนข่มเหงไม่หยุด พวกเขาจึงลากเอาชวีหลิงเย่ว์เข้ามาด้วยการบอกว่าถ้าพวกเขาไม่ได้รับการให้อภัย เช่นนั้นดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้วอย่างชวีหลิงเย่ว์มีสิทธิ์อะไรจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองของเมืองพันอสูร

คำพูดของคนพวกนั้นไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก และด้วยอิทธิพลของข่าวลือพวกชาวเมืองที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมดก็เริ่มหมดความสงสารที่เคยมีให้ชวีหลิงเย่ว์ พวกเขาเริ่มพูดว่าไม่อยากให้เด็กสาวที่สูญเสียพรหมจรรย์เป็นเจ้าเมืองของพวกเขา มันมีแต่จะทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้า