ตอนที่ 440 คำถามสามข้อของอวิ๋นเซียว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 440 คำถามสามข้อของอวิ๋นเซียวที่ทำให้หรานเติ้งล่าถอย (1)

ในถ้ำนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากะพริบตาเมื่อได้ยินหรานเติ้งกล่าวก่อนจะก็หัวเราะเงียบๆ และตบหลังของหลี่ฉางโซ่ว…

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉางเกิง เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ! เร็วเข้า มาดูกันว่า เขาจะพูดอะไรต่อไปอีก?”

หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะนั้น พลังเซียนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เกิดความไม่เสถียรขึ้นจากการถูกตบหลังเล็กน้อย

จากนั้น เขาก็ส่งข้อความเสียงไปว่า “ย่อมยากที่จะคาดเดาได้ว่า ผู้อาวุโสคนนี้จะพูดอะไรต่อไป แต่น่าจะอยู่ในสองสถานการณ์ หนึ่งคือ อาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขา และอีกหนึ่งคือ เขาจะข่มขู่ พยายามบีบบังคับและชักจูงท่านด้วยผลประโยชน์”

เขากล่าวต่ออีกว่า “มีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างแรก รองเจ้าสำนักอยากพูดคุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและครอบครัวของพวกเขา”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าฟังอย่างตั้งใจทันที

เหนือหุบเขานั้น หรานเติ้งได้สำรวจบริเวณโดยรอบและโคมแก้วของเขาก็ตรวจสอบสภาพแวดล้อมไปทั่วทุกที่ แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย ในเวลานี้ เขาหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง ครั้นเมื่อเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นในหุบเขา เขาก็กล่าวล่อหลอกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงของหรานเติ้งดังสนั่น ราวกับฟ้าร้องคำราม จนทำให้ปีศาจวัวเหล่านั้นรู้สึกมึนงงเล็กน้อยในขณะที่ผู้ที่ครองฐานพลังต่ำกว่าเซียนจินก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่หรานเติ้งกล่าว

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมเข้าใจในวิธีที่หรานเติ้งใช้ ซึ่งคล้ายกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ…

สิ่งที่หรานเติ้งกล่าวคือ

“ศิษย์หลานตั๋วเป่า หากข้าเคยทำให้เจ้าขุ่นเคือง ก็โปรดอภัยให้ข้าด้วย ทว่าความลับแห่งสวรรค์นั้น ได้ทำนายว่า สมบัติชิ้นนี้มีชะตาลิขิตเอาไว้กับข้าแล้ว ข้าจึงไม่อาจยอมสูญเสียมันไปในวันนี้ได้ สามสำนักบำเพ็ญเต๋าเดิมก็เป็นหนึ่งเดียวกัน และโชคของสำนักบำเพ็ญเต๋าก็เจริญรุ่งเรือง ในฐานะรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ข้าเองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้า แล้วเหตุใด วันนี้ เจ้าต้องทำให้เป็นเรื่องยากด้วย”

ในถ้ำนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหันไปมองหลี่ฉางโซ่ว หลังจากยิ้มแล้วเขาก็อดจะรู้สึกงงงวยไม่ได้

เขาแย้มยิ้มพลางถามว่า “ฉางเกิง เจ้าใช้พลังเวทใดกัน จึงสามารถหยั่งรู้ใจคนได้? เจ้าพูดถูกอีกแล้ว!”

“ความจริงแล้ว ผู้น้อยพียงแค่คุ้นเคยกับกลอุบายนี้เท่านั้นขอรับ”

“กลอุบาย?”

“ใช่ขอรับ มันเป็นเพียงกลอุบายที่ใช้กันทั่วไป มีเพียงกลอุบายเล็กๆ เช่นนี้อย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้ว่ารองเจ้าสำนักจะใช้มันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

ในขณะนี้ เขาไม่แน่ใจว่า พวกเราจากไปแล้วหรือไม่ หากเขาค้นพบร่องรอยของพวกเรา เขาก็น่าจะบังคับให้พวกเราปรากฏตัวก่อนที่จะข่มขู่พวกเรา…”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ พลางอธิบายให้นักพรตเต๋าตั๋วเป่า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็พยักหน้า เขาจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ เขาได้ติดต่อพูดคุยกับหรานเติ้งหลายสิบครั้ง ในขณะนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ผู้อวบท้วมแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยก็บันดาลโทสะขึ้นเล็กน้อย

เขาสบถก่นด่ากับหลี่ฉางโซ่วผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ข้าเคยถูกเขาหลอกจริงๆ! ไม่แปลกที่ข้าต้องแอบทุกข์ใจอยู่ลับๆ มาตลอด! หรานเติ้งผู้นี้เป็นคนร้ายกาจ มีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกในใจจริงๆ! มาถึงขั้นนี้ เขายังมีหน้ามาเรียกข้าว่า ศิษย์หลานของเขา!”

ชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในขณะที่จู่ๆ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันทีและหัวเราะออกมาเบาๆ

“ฉางเกิง อย่าคิดมาก ผู้เยาว์ที่ดีเช่นเจ้านี้… เจ้าเลิศล้ำสติปัญญานัก แตกต่างจากหรานเติ้งอย่างสิ้นเชิง มาเถิด เร็วเข้า มาใช้กลอุบายอื่นกันอีก ดูทีว่า เขาจะพูดอะไรต่อไป?”

หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มและคิดต่อไปว่า…

ผู้ที่เก่งกาจเรื่องกลอุบายย่อมเข้าใจพวกเดียวกันเป็นธรรมดา

หลี่ฉางโซ่วเพียงคิดในมุมของหรานเติ้ง เขาระบุกลอุบายบางอย่างที่สามารถใช้ได้ในยามนี้อยู่ในใจของเขา และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการใช้กลอุบายเหล่านี้

ในขณะนั้น หรานเติ้งก็ล่อลวงด้วยคำพูดอีกเล็กน้อย และหลี่ฉางโซ่วก็เริ่มสงสัยว่า หรานเติ้งจะทำอย่างไรต่อไปอีก

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ก็มีหลายวิธีที่จะทำได้ แต่เพราะเขาไม่ใช่หรานเติ้ง ดังนั้น ความคิดและแผนการของเขาจึงแตกต่างออกไป

ทว่านักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็หัวเราะร่องอหายจนตัวโยนไปเสียแล้ว

“สุดยอด สุดยอดจริงๆ! นี่มันยังสะใจยิ่งกว่าการเอารองเจ้าสำนักใส่กระสอบ แล้วทุบตีเขาเสียอีก!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส พวกเราไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยการซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นนี้ ในเมื่อเขารู้เรื่องบาตรของท่านและกังวลเรื่องสมบัตินี้มาก เช่นนั้น เขาก็อาจจะไปที่สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหลังจากนี้”

ในขณะนั้น ตั๋วเป่าก็โน้มกายมาข้างๆ หลี่ฉางโซ่วและถามเขาเบา ๆ ว่า “ฉางเกิง ในเมื่อเจ้าเก่งกาจในการวางอุบายและแผนการ เช่นนั้น ก็เพียงคิดหาวิธีกำจัดเขา!”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

เขาคิดว่า ข้าเป็นจื่อตั้วซิง[1]แห่งโลกบรรพกาลจริงๆ หรือเป็นจูเก่อเหลียงแห่งสามก๊ก[2]? เขายังคิดง่ายๆ ว่าจะกำจัดหรานเติ้ง…

หลี่ฉางโซ่วเคยต่อสู้กับนักพรตเต๋าหรานเติ้งมาก่อน และรู้ว่า ผู้อาวุโสคนนั้น ทรงพลังแข็งแกร่งเพียงใด

ภายใต้เงื่อนไขที่สอดคล้องกันของ ‘การทำนายของฝูซี’ และ ‘การพบสมบัติตั๋วเป่า’ เขาได้ดำเนินการขั้นตอนแรกโดยเพื่อนำเหรียญทองแดงลั่วเป่าออกมาแล้ว และในเวลานี้ เขาก็คือ คนที่หรานเติ้งกำลังตามหาอยู่จริงๆ

แน่นอนว่า นักพรตเต๋าตั๋วเป่าย่อมเข้าใจเรื่องนี้ และในท้ายที่สุดแล้ว เขาและหลี่ฉางโซ่วก็เพียงได้รับเหรียญทองแดงสองเหรียญที่มี “พลังสุดหยั่งรู้” ในหุบเขาปีศาจวัว

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะความชอบธรรมหรือด้วยความไม่พอใจหรานเติ้ง นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ได้ตัดสินใจที่จะแบกรับกรรมให้หลี่ฉางโซ่วจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่หรานเติ้งได้ประจักษ์ถึงเครื่องมือเวทของเขา บาตรจื่อจิน…

ด้วยเหตุเช่นนี้ จึงเป็นธรรมดาที่หลี่ฉางโซ่วย่อมไม่อาจเดินจากไปได้

เขากำลังวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ เขาไม่อยากให้สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต้องทนทุกข์ยากลำบากใจด้วยเรื่องนี้ และยังจะติดหนี้กรรมของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอีกด้วย

เขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองต่อหน้าหรานเติ้งและยิ่งเกลียดหรานเติ้งมากขึ้นไปอีก คงเป็นการดีที่สุด หากในวันนี้ เขาสามารถใช้พลังของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเพื่อสกัดกั้นหรานเติ้งได้

ไม่เช่นนั้น เพื่อความปลอดภัย เขาจะต้องเดินทางไปที่วังดุสิตและให้เหรียญทองแดงลั่วเป่าอยู่ในความดูแลของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…

หลี่ฉางโซ่วได้คิดแผนการรับมือเหล่านี้ไว้ในใจแล้ว

จากนั้น เขาก็ส่งเสียงไปยังนักพรตเต๋าตั๋วเป่าว่า “ในความคิดเห็นของผู้น้อย เราควรรอดูสถานการณ์ก่อนจะเป็นการดีที่สุด ผู้น้อยอยากดูว่า รองเจ้าสำนักจะค้นหาสมบัติที่เขากำลังตามหาได้หรือไม่ และเขาคิดจะไปที่สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหรือไม่ หากเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขากำลังตามหาสมบัติอะไร เราก็เพียงปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามต้องการ ผู้อาวุโส ผู้น้อยขอเสนอกลอุบายเล็กๆ อย่างหนึ่งขอรับ”

เสื้อคลุมของตั๋วเป่าสั่นไหวทันทีเมื่อตั๋วเป่ารีบกล่าวว่า “เฮ้ บอกช้ามาเร็วเข้า!”

หลี่ฉางโซ่วเสนอแนวคิดผ่านการส่งข้อความเสียง เช่น การปฏิเสธอย่างรุนแรง การโต้กลับ การขอข้อเท็จจริงและหลักฐาน และอื่นๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งคิ้วหนาและดวงตาโตของเขา ล้วนเต็มไปด้วย ‘ความเมตตา’

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและสบายใจ…

แน่นอนว่า เป็นเพราะปีศาจวัวเซียนจินทั้งสามได้บินไปอยู่ต่อหน้านักพรตเต๋าหรานเติ้งและรายงานถึงตรวจสอบของพวกเขา

พวกเขาพบว่าในหุบเขา ไม่มีสิ่งใดหายไป และไม่มีสมบัติใดหายไปจากคลังสมบัติเช่นกัน เป็นเพียงว่า มีสมบัติมากมายถูกวางไว้ในตำแหน่งและทิศทางที่เบี่ยงเบนไปจากเดิม

หรานเติ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพ่นลมออกมาเบาๆ ในขณะนั้น ก็มีอักขระเต๋าจำนวนเล็กน้อยไหลเวียนไปทั่ว ทำให้ปีศาจวัวเซียนจินทั้งสามกระอักเลือดและร่วงหล่นลงมามาจากฟากฟ้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ตั๋วเป่า…

จากนั้นไม่นาน หรานเติ้งก็ออกเดินทางต่อไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ไว้

ดวงตาของหรานเติ้งหรี่ลงช้า ๆ ขณะที่เผยรอยลังเลและการใคร่ครวญออกมาเล็กน้อย

หรานเติ้งกล่าวอย่างสงบว่า “ในเมื่อศิษย์หลานไม่อยากปรากฏตัว เช่นนั้น ข้าก็จะไปหาศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยคนอื่นๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พวกเขาฟัง!”

กล่าวจบ เขาก็ขี่เมฆไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วหายวับไปในชั่วพริบตา

ในถ้ำนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายกนิ้วหัวแม่มือให้หลี่ฉางโซ่ว แล้วลากหลี่ฉางโซ่วออกมาจากถ้ำ จากนั้น เขาก็ขุดหลุมออกไปแล้วแอบติดตามหรานเติ้งอย่างไปลับๆ

พลังเวทในการขุดของนักพรตเต๋าตั๋วเป่านั้นไม่ธรรมดาเลย

มันไม่ใช่เวทหลบหนี และไม่ใช่วิชาเฉียนคุน แต่มันเป็นเพียงสุดยอดการขุดหลุม รูในดินนั้นไม่มีอยู่ในโลก แต่ติดอยู่กับโลก คล้ายกับที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ใช้แผนภาพไท่จี๋เพื่อก้าวออกไปนอกธาตุทั้งห้าและกระโดดแวบวาบไปมาในระหว่างพวกมันได้ บางที เขาน่าจะเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในการขุดหลุม…

ไม่มีผู้ใดเหมือนเขาอีกแล้ว

หลังจากที่หรานเติ้ง ตั๋วเป่าและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินของหลี่ฉางโซ่วจากไป ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นในกระท่อมไม้ธรรมดาในหุบเขาปีศาจวัวกระทิง

มีฝ่ามือหนึ่ง ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากพื้นช้า ๆ แล้วสะบัดนิ้ว ดีดเหรียญทองแดงธรรมดาสองเหรียญจากโลกมนุษย์แห่งดินแดนเทวะทักษิณ ลงไปในถุงผ้าของเด็ก จากนั้น ฝ่ามือนั้นก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟและกลายเป็นเถ้าถ่านทันที มันละลายไปกับพื้นดินโดยไม่หลงเหลือแม้แต่กลิ่นอายใด ๆ เอาไว้เบื้องหลัง

“เขากำลังจะไปที่ใดกัน?”

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากหุบเขาปีศาจวัวกระทิง ตั๋วเป่าที่กำลังเดินทางอยู่ในทะเลลึก ก็มองดูกระจกทองสัมฤทธิ์ในมือและถามด้วยความสงสัย

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ดูจากทิศทางแล้ว เขาน่าจะไปที่เกาะเต่าทอง”

“ดูท่าแล้ว ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น” ตั๋วเป่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “วันนี้มีศิษย์อีกสองคนบนเกาะเต่าทองที่กำลังเป็นเจ้าภาพ จัดงานเลี้ยงและเชิญแขกไปที่เกาะเต่าทอง พวกเขาได้กลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันอย่างเป็นทางการ เอ่อ ดูเหมือนว่า เขาจะชวนข้าไปเป็นสักขีพยาน ทว่าเมื่อข้าออกไป ข้าก็สัมผัสได้ว่า มีสมบัติกำลังจะปรากฏขึ้น แล้วข้าก็ลืมมันไปเลย”

………………………………………………………………..

[1] หรือดาวปัญญา เป็นฉายาของอู่ย่ง ตัวละครในซ้องกั๋ง ซึ่งเป็นผู้กล้าอันดับสามแห่งเขาเหลียงซาน เนื่องจากมีสติปัญญาหลักแหลมและมีปฏิภาณไหวพริบดี ทำให้ได้รับการเปรียบเทียบว่าฉลาดเทียบเท่าจูเก่อเหลียงและได้รับฉายาว่า จื่อตั้วซิงหรือดาวปัญญาที่แผลงความหมายออกไปว่า ผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีแผนการแพรวพราว

[2] จูเก่อเหลียง (ขงเบ้ง) เป็นทั้งนักการเมือง นักยุทธศาสตร์การทหาร นักเขียน วิศวกร และนักประดิษฐ์ในยุคสามก๊ก