ตอนที่ 441 คำถามสามข้อของอวิ๋นเซียวที่ทำให้หรานเติ้งล่าถอย (2)
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “พวกเราไม่อาจทำอะไรเพื่อหยุดเรื่องดีๆ ของพวกเขาจากการถูกรบกวนในวันนี้ได้ เราจะเพิ่มของขวัญให้พวกเขามากขึ้นในภายหลัง”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกดีในเรื่องนี้
ในระหว่างทางนั้น เขาผ่านก้นทะเลและไล่ตามหรานเติ้ง ไป ในไม่ช้า เกาะเต่าทอง ก็ปรากฏขึ้นในสายตา
หรานเติ้งยังคงดุร้ายราวกับว่ามีใครฉกโคมแล้วคว้าโลงโชคชะตาของเขาไป
ก่อนมาถึงเกาะเต่าทอง หรานเติ้งได้ควบคุมพลังกดดันส่วนใหญ่ของเขาและกล่าวเสียงดังกับคนบนเกาะว่า “ที่นี่มีศิษย์ของจอมปราชญ์อยู่บ้างหรือไม่? โปรดออกมาพบข้าด้วย!”
บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยบนเกาะต่างตื่นตระหนกขึ้นทันที แล้วผู้คนในห้องโถงที่ครึกครื้นรื่นเริงก็พากันเคลื่อนไหว ในชั่วพริบตานั้น ก็มีร่างหลายร้อยคน บินออกไป และยังมีผู้คนอีกจำนวนมาก ต่างก็มองไปรอบๆ
“นี่ไม่ใช่รองเจ้าสำนักหรานเติ้งแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานหรอกหรือ?” “เขามาที่นี่ด้วยเหคุใด? ข้าจำไม่ได้ว่าได้เชิญผู้อาวุโสคนนี้มาร่วมในพิธีด้วย”
“เราเชิญเขามาได้ มันต้องมีอะไรผิดปกติกับเขาแน่ๆ!” ในถ้ำนั้น หลี่ฉางโซ่วและตั๋วเป่าต่างมองหน้ากันและกัน
ตั๋วเป่ากล่าวว่า “ฉางเกิง เจ้าคาดการณ์ถูกอีกแล้ว เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะใช้อีกทางหนึ่งไปที่เกาะ แล้วพบเขา!”
หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ขอให้เมื่อผู้อาวุโสเพียงชักธงรบ ก็ชนะศึกทันทีขอรับ[1]!”
“ว้าว ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหัวเราะอย่างผยอง เขาหันกลับมาและเพียงด้วยความคิดเดียว ก็มีหลุมลึกปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ขุดหลุมด้วยใจและเดินทางไปด้วยหลุม!
พลังเวทเช่นนั้น ผู้อื่นไม่อาจฝึกฝนได้ นี่เป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาล้วนๆ หลังจากนั้นไม่นาน ตั๋วเป่าก็มาถึงสถานที่หนึ่งที่อยู่ห่างจากเกาะเต่าทองไปทางตะวันออกเฉียงใต้หลายพันลี้ เขาเปลี่ยนชุดเป็นสวมเสื้อคลุมเต๋าและหวีผมของเขา เขาถือแส้หางม้าและกำลังจะร่ายคาถาพลังเวทหนึ่งในขณะที่เขากำลังจะปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
ในขณะนั้น ก่อนที่ตั๋วเป่าจะกระโดด ในขณะนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็จับอักขระเต๋าที่คุ้นเคย และที่ไม่คุ้นเคยทั้งสองบนเกาะเต่าทองได้
การส่งข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่วได้ไปถึงหูของตั๋วเป่าผ่านรูแล้ว “ผู้อาวุโส ช้าก่อน! ดูเกาะสิขอรับ!”
แม้หลี่ฉางโซ่วไม่เตือน นักพรตตั๋วเป่าก็ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นบนเกาะแล้ว
ทันใดนั้น ก็มีหมู่เมฆลอยขึ้นมาจากเกาะเต่าทอง เมฆสีขาวก้อนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของบรรดาเซียนหลายร้อยคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อปกป้องพวกเขา
หมู่เมฆค่อยๆ สลายไป และร่างที่งดงามก็บินออกมาจากห้องโถง ในขณะนั้น บรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่างพากันถอยไปด้านข้างขณะที่ยังคงโค้งคำนับให้ต่อไป
ใบหน้าของหรานเติ้งเผยรอยเมตตาออกมาเล็กน้อย เขาจับจ้องผู้ที่บินข้ามมาถึง และขมวดคิ้วมุ่น ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงความงดงามของผู้ที่มาถึงนี้ เรือนร่างเพรียวบางของนางสุดแสนวิจิตรงดงามจนน่าตื่นตะลึง
เส้นผมสีดำของนางสยายราวกับน้ำตกที่ทำด้วยผ้าไหม นางมีจอนผมที่สวยงาม ชุดกระโปรงสีขาวเรียบๆ และรองเท้าผ้าสีอ่อนของนางก็ดูเรียบร้อย นางดูสง่า งดงาม อ่อนข้อย และอ่อนโยน
หลี่ฉางโซ่วอดจะพึมพำออกมาไม่ได้ “เทพธิดา ไยท่านถึงมาที่นี่?”
นักพรตตั๋วเป่าซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เหตุใดศิษย์น้องหญิงทั้งสองของข้า อวิ๋นเซียวและฉยงเซียวที่หายหน้าไปนานถึงมาที่นี่ได้?”
“ฉางเกิง” นักพรตตั๋วเป่าถามผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ข้าปรากฏตัวตอนนี้ได้หรือไม่?”
“ผู้อาวุโส ไม่ต้องรีบร้อนไปขอรับ” หลี่ฉางโซ่วตอบผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ให้ผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวจัดการกับมันก่อน ท่านผู้อาวุโส ท่านค่อยปรากฏตัวขึ้นมาในยามคับขันได้ น่าจะได้ผลน่าจะดีกว่านี้ขอรับ”
นักพรตตั๋วเป่าพยักหน้ารับทันที เขามองไปที่แผ่นหลังของอวิ๋นเซียว และอดจะยิ้มขื่นออกมาไม่ได้ เขายังบ่นกับหลี่ฉางโซ่วผ่านการส่งข้อความเสียงว่า
“เหตุใดศิษย์น้องจ้าวถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วย… เมื่อศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวสั่งสอนข้าหลังจากนี้ ข้าจะรับมือไม่ไหว…”
หลี่ฉางโซ่วนึกถึงพลังของ “คุกเข่า” บนเกาะซานเซียวแล้ว ก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้
ก่อนที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวจะไปถึงบรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย นางอยู่ห่างจากหรานเติ้งสามถึงสี่จั้ง นางโค้งคำนับเล็กน้อยให้ก่อนแล้วถามคำถามออกไปตรงๆ
น้ำเสียงของนางไม่เย็นชา ไม่เฉยเมย ไม่เบา ไม่หนัก ไร้ตัวตน และอ่อนโยน “เหตุใดรองเจ้าสำนักหรานเติ้งจึงมาเยี่ยมกะทันหันเช่นนี้?”
หรานเติ้งกล่าวตอบเย็นชาว่า “เป็นเรื่องดีๆ ที่ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าทำไว้น่ะสิ!”
“ศิษย์พี่ใหญ่?” อวิ๋นเซียวกล่าวอย่างสงบว่า “ศิษย์พี่ตั๋วเป่า ทำอะไรให้ผู้อาวุโสขุ่นเคืองหรือ?”
“เหอะ!” หรานเติ้งสบถก่นด่าว่า “เขาใช้พลังเวทล่าสมบัติเพื่อแย่งชิงสมบัติของข้า! หากข้าช้าไปอีกเพียงครึ่งก้าว ก็เกรงว่า ข้าอาจไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาด้วยซ้ำ!”
“โอ้?”
อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หากเป็นศิษย์อีกแปดคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย พวกเขาคงจะคิดว่าเป็นศิษย์พี่ตั๋วเป่าที่ฉกฉวยโชคของหรานเติ้งไปจนทำให้เขาบันดาลเดือด
ทว่าอวิ๋นเซียวเพียงส่งเสียงเบาๆ และถามคำถามสามข้ออย่างสงบ
“ข้าไม่รู้รายละเอียด จึงไม่อาจพูดได้ ขอถามรองเจ้าสำนักว่า พี่ศิษย์พี่ตั๋วเป่าชิงสมบัตินั้นมาจากท่านหรือ?”
หรานเติ้งขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่อวิ๋นเซียวสะบัดนิ้วมือเรียวยาวขอนางออกไปตรงหน้าเขาเบาๆ เพื่อทำการหยั่งรู้
หรานเติ้งกล่าวว่า “แม้สมบัติจะไม่ได้อยู่ในมือของข้า แต่สมบัตินั้นก็ถูกลิขิตให้เป็นของข้าจริงๆ!”
อวิ๋นเซียวเอ่ยถามอีกครั้งว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วก่อนหน้านี้ ท่านรู้ว่าสมบัติชิ้นนั้นอยู่ที่ใด แต่ไม่ได้เอาไปหรอกหรือ?”
“ถูกตัอง!”
หรานเติ้งกล่าวอย่างสงบว่า “ข้ารู้ว่าสมบัตินั้นอยู่ที่ใดมานานแล้ว เพียงแต่สมบัตินั้นยังไม่ถึงเวลาถือกำเนิด ข้าจึงรอคอยอยู่เงียบๆ”
“ในเมื่อท่านรู้ว่ามันอยู่ที่ใด แล้วไฉนถึงไม่รออยู่ที่นั่น? เหตุใดถึงรอให้ศิษย์พี่ใหญ่ตั๋วเป่าไปเอามันมาก่อนที่จะมาที่นี่เพื่อกล่าวโทษและถามเขา?
อวิ๋นเซียวถามเบาๆ น้ำเสียงของนางสงบและสุขุม
อวิ๋นเซียวกล่าวเบาๆ โดยไม่รอให้หรานเติ้งทันได้ตอบกลับว่า “รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง พวกเราไม่ได้อยู่ในสมัยโบราณอีกต่อไป ท่านไม่อาจได้รับสมบัติ เพียงเพราะท่านเห็นสมบัติที่ดีและบอกว่าท่านมีวาสนาชะตาลิขิตกับมัน”
“และหากเรากำลังพูดถึงโชคชะตา เช่นนั้น ในเมื่อสมบัตินั้นตกอยู่ในมือของศิษย์พี่ใหญ่ตั๋วเป่าของข้าแล้ว มันก็ย่อมจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใกล้ชิดและมีวาสนาต่อกันกับศิษย์พี่ของข้ามากกว่า แล้วเหตุใดรองเจ้าสำนักหรานเติ้งถึงต้องยังเอาเรื่อง ดึงดันกันไม่เลิกอยู่เช่นนี้?”
เพียงขณะที่หรานเติ้งกำลังจะตอบโต้กลับ หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ในถ้ำก็ได้ส่งข้อความเสียงไปยังนักพรตเต๋าตั๋วเป่า
“มาเถิด ผู้อาวุโส ออกไปกันเถิดขอรับ ผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวช่างน่าทึ่งจริงๆ ผู้อาวุโส ในเวลานี้ เพียงท่านเท่านั้นที่ต้องกล่าวคำเดียวเพื่อตัดสินสถานการณ์!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหัวเราะลั่น ร่างของเขาเปล่งประกายแสง และปรากฏตัวขึ้นเหนือหมู่เมฆบนท้องฟ้า ในชั่วพริบตา เขาก็มาอยู่เหนือเกาะเต่าทอง และร่อนลงมาหยุดอยู่ต่อหน้าอวิ๋นเซียว
“ขอบใจศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวที่อธิบายให้ ข้าฟังอยู่สักพักหนึ่งแล้ว รองเจ้าสำนัก ข้ายังคงมีคำถาม หากท่านสามารถตอบได้ ก็ค่อยมาคุยกันเรื่องสมบัติเถิด!”
ดวงตาของหรานเติ้งฉายแววหวาดหวั่น แต่ยังคงถามอย่างสงบว่า “เจ้าหมายความอันใดกัน?”
ตั๋วเป่าหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “สมบัติที่รองเจ้าสำนักหรานเติ้งกล่าวถึงนั้น มันคืออะไรหรือ?”
หรานเติ้งกล่าวตอบว่า “มันเป็นของที่มีชะตาลิขิตกับข้า!”
“พรึ่ด!”
มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลังอวิ๋นเซียว นั่นคือ ฉยงเซียว
ฉยงเซียวยิ้มและกล่าวว่า “รองเจ้าสำนัก ท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่ามันอยู่ที่ใด? หรือว่า จริงๆ แล้ว จะเป็นท่านที่บังเอิญผ่านมาและพบว่าศิษย์พี่ตั๋วเป่ากำลังตามหาสมบัติและสนใจมันอยู่? วะฮะฮ่า กลวิธียอดเยี่ยมของพี่ใหญ่ของข้า ‘สัมผัสเดียวล้ม’ นั้น ยังด้อยกว่ามากนักเมื่อเทียบกับใบหน้าหนาๆ ของรองเจ้าสำนักหรานเติ้งเสียอีก”
นักพรตเต๋าหรานเติ้ง มีสีหน้ามืดดำปานก้นหม้อทันที
เขาพยักหน้าช้าๆ บัดนี้ เขารู้ว่า วันนี้เขาไม่อาจทำอะไรได้ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร เพียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พักเอาไว้ก่อน ข้าจะขอจำเรื่องนี้เอาไว้ และรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าสำนักในภายหลังเพื่อขอให้ทุกคนให้ชี้แจง!”
กล่าวจบ นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็หันก้อนเมฆกลับและจากไปพร้อมกับทิ้งวาจาดุร้ายเอาไว้หลังจากนั้น…
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ามองไปที่แผ่นหลังของนักพรตเต๋าหรานเติ้งและอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เขายืนเอามือไพล่หลังและรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
เมื่อหรานเติ้งจากไปไกลแล้ว ก็มีเมฆหนึ่งปกคลุมเกาะเต่าทองและแยกออกชั่วคราว
“ศิษย์พี่ใหญหรือ?”
เสียงของอวิ๋นเซียวดังมาจากทางด้านหลัง ในขณะที่ตั๋วเป่าตัวสั่นขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ตัว เขายิ้มแหยๆ พร้อมกับค่อยๆ หันศีรษะไปมองช้าๆ
เพียงเมื่ออวิ๋นเซียวกำลังกล่าว นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้ว เขาสะบัดแขนเสื้อและโบกมือซ้าย แล้วแสงและเงาที่อยู่ข้างหน้าหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งอยู่ในถ้ำดิน ก็ส่ายไหวไปมาต่อหน้าเขา
ในขณะที่จักรวาลหมุนวนไปมา หลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ นักพรตเต๋าตั๋วเป่า ซึ่งเขาถูกแขนของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าดึงเอาไว้
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าพลันแย้มยิ้ม
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ศิษย์น้องอวิ๋นเซียว ดูสิ! เฮ้ ครั้งนี้ ศิษย์พี่ผู้นี้ เก็บสมบัติชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ!”
………………………………………………………………..
[1] หรือขอให้ชนะตั้งแต่ยกแรก อุปมาว่า เมื่อเริ่มลงมือทำสิ่งใดแล้ว ก็ประสบความสำเร็จ มีผลงานดีตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ฮึกเหิม มีกำลังใจมหาศาลในการทำสิ่งนั้นต่อไป