ตอนที่ 590 คนอื่นอย่าคิดแตะต้องบัณฑิตน้อยของข้า
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองแล้วก็เห็นเงาร่างของคนสองคนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้อง พอมองชัด ๆ…นางก็ต้องอุทานด้วยความดีใจพลางพุ่งเข้าไปหาคนทั้งสอง “ท่านแม่ ! น้าเฝิง ! พวกท่านมาได้อย่างไร ? เหตุใดไม่ส่งข่าวบอกข้าก่อน ข้าจะได้ไปรับพวกท่าน ! ”
เมื่อนางหวงเห็นบุตรสาวแล้ว ความอึดอัดบนใบหน้าก็มลายหายไปโดยพลัน นางกอดบุตรสาวคนรองเอาไว้แน่น “เจ้ารอง เจ้าสบายดีใช่หรือไม่ ? ให้แม่ดูหน่อยสิ ผอมลงไปหรือเปล่า ? ”
“ไม่ผอมเจ้าค่ะ ท่านลองจับเนื้อที่เอวของข้าสิ ลำบากมากกว่าจะลดลงได้ แต่กินจนอ้วนขึ้นอีกแล้ว ! ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมากเลย ! ” หลินเว่ยเว่ยกอดนางหวงที่ตัวเตี้ยกว่าครึ่งศีรษะ นางใช้ศีรษะถูไถราวกับแมวตัวหนึ่ง
“พี่รอง พี่รอง ! ท่านคิดถึงเอ้อร์ฮว๋าหรือไม่ ? ” ขาของหลินเว่ยเว่ยมีบางอย่างมาเกาะเอาไว้
“เอ้อร์ฮว๋า ? เอ้อร์ฮว๋าเป็นใครกัน ? ” หลินเว่ยเว่ยแกล้งเขาเล่น
เจ้าหนูน้อยร้องห่มร้องไห้ออกมาทันที “ท่านแม่ขอรับ พี่รองลืมข้าแล้ว เพิ่งจะครึ่งปีกว่า ๆ พี่รองก็จำข้าไม่ได้…ท่านแม่ หรือว่าโรคของพี่รองกำเริบอีก ? ท่านหมอเหลียงก็ย้ายออกไปแล้ว จะเชิญใครมารักษาพี่รองดีเล่า ? ”
หลินเว่ยเว่ยโน้มกายลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาพลางโยนขึ้นไปกลางอากาศสองสามครั้ง ก่อนจะจี้เอวของเขาเล่น “พี่รองจะลืมเจ้าหนูน้อยได้อย่างไร ? ทั้งเชื่อฟัง ฉลาดและน่ารักขนาดนี้ จะหาที่ไหนได้อีก ? ”
เจ้าหนูน้อยหยุดร้องไห้และยิ้มออกมาทันที เขาเอ่ยอย่างขัดเขินว่า “พี่รอง รีบปล่อยข้าลงก่อนเถิด ข้าอายุแปดขวบแล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ แล้วนะ ! ”
“ต่อให้โตกว่านี้ก็เป็นน้องชายของข้าอยู่ดี ! ตัวเจ้าก็ไม่หนัก…” หลินเว่ยเว่ยจับตัวเขาหมุนไปมา “น้องสี่ เจ้าผอมลงอีกแล้วหรือ ! ”
เจ้าหนูน้อยถอนหายใจออกมาราวกับเป็นผู้ใหญ่พลางเอ่ยว่า “นับตั้งแต่มีคนผู้หนึ่งมาบอกว่าพี่รองไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของข้า ข้าก็เสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจึงผอมลง ! พี่รอง เหตุใดท่านจึงกลายเป็นบุตรสาวของหมินอ๋องได้ ? ”
“ไม่ว่าพี่รองจะเป็นลูกของใคร แต่ก็ยังเป็นพี่รองของน้องสี่ตลอดไปอยู่ดี ! ทำไม ? เจ้าคิดจะถอยห่างจากพี่รองอย่างนั้นหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยตบที่ก้นนุ่มนิ่มของเขา
ใบหน้าของเด็กน้อยพลันแดงก่ำ “พี่รอง ท่านจะเป็นพี่รองของข้าตลอดไป…แต่ท่านเลิกตีก้นข้าได้หรือยัง ? ข้าโตแล้วนะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยวางเขาลงพลางเอ่ยพร้อมหัวเราะออกมา “รับทราบเจ้าค่ะ นายน้อยเสี่ยวเอ้อร์ฮว๋า ! ”
จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็วิ่งมาตรงเบื้องหน้าของนางเฝิงพร้อมกอดแขนหญิงสูงวัยเอาไว้ “น้าเฝิง ท่านคิดถึงเว่ยเอ๋อร์ที่น่ารักของท่านหรือไม่ ? ”
“ไม่ เว่ยเอ๋อร์เป็นใคร ? มีคนชื่อนี้ด้วยหรือ ? ” นางเฝิงเลียนแบบท่าทางเมื่อครู่ของหลินเว่ยเว่ยที่มีต่อเจ้าหนูน้อยแล้วมองนางด้วยรอยยิ้ม
หลินเว่ยเว่ยตื่นตกใจ “สวรรค์ ! น้าเฝิงเป็นโรคความจำเสื่อมแล้วหรือ ? ได้เชิญท่านหมอมาตรวจหรือยัง ? ฮ่าฮ่า มาพูดตามตรงกันเถิดว่าท่านแม่กับน้าเฝิงมาได้อย่างไร ? เหตุใดไม่เขียนจดหมายมาบอกข้าสักคำ ? แล้วเดินทางเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”
นางเฝิงตบที่หลังมือของนางเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราก็อยากทำให้พวกเจ้าประหลาดใจอย่างไรเล่า ! พระชายาส่งคนไปรับพวกเรา และตอนนั่งเรือมาก็มีองครักษ์คอยคุ้มกันจึงได้รับความปลอดภัยดี ! ”
หลินเว่ยเว่ยดึงนางหวงและนางเฝิงให้นั่งลง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เจียงโม่หานสอบได้จอหงวนและถูกส่งไปประจำการในอำเภอห่างไกลให้อาวุโสฟังอย่างละเอียด จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความดีใจว่า “อำเภอที่บัณฑิตน้อยจะไปรับตำแหน่งต้องผ่านท่าเรือเขตเริ่นอันพอดี เดิมทีข้าและบัณฑิตน้อยปรึกษากันว่าอีกไม่กี่วันจะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนที่ฉือหลี่โกวสักช่วงหนึ่ง จากนั้นค่อยพาพวกท่านไปรับตำแหน่งด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าพวกท่านจะมาที่นี่เสียก่อน ! ”
หมินหวางเฟยตรัสอย่างน้อยพระทัยว่า “เว่ยเอ๋อร์ เจ้าเด็กใจร้าย แผนของเจ้ามีแต่พวกนาง ไม่นึกถึงความรู้สึกของแม่คนนี้เลยสักนิด ! ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ! ” หมินอ๋องดำเนินเข้ามาด้านใน ดวงพักตร์เต็มไปด้วยความไม่พอพระทัย “เจ้ายังไม่ทันแต่งงานก็เข้าข้างคนอื่นเสียแล้ว ! อีกอย่างเจ้ากับคนแซ่เจียงยังไม่ทันได้เข้าพิธีแต่งงานกันเลย มีอย่างที่ไหนจะไปประจำการแล้วต้องพาคู่หมั้นไปด้วย ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ยังไม่ได้แต่งงานก็แต่งให้สิ้นเรื่องสิเพคะ ตอนนี้ไม่ต้องกลับบ้านไปเยี่ยมญาติแล้วจึงมีเวลาเตรียมงานแต่งอีกสามเดือน เพียงพอแน่นอนเพคะ ! ”
“ว่าอย่างไรนะ ? พ่อไม่ตกลง ! ” หมินอ๋องโวยวายขึ้นมาทันที “เจ้าเพิ่งอายุเท่าไร ? บุตรสาวตำหนักหมินอ๋องของเราอายุสิบแปดจึงจะออกเรือนได้ ! ให้เจ้าหนุ่มนั่นรอไปก่อน ส่วนเจ้าก็อยู่เมืองหลวงเป็นเพื่อนหมู่เฟย ! ”
หมินหวางเฟยและนางเฝิงสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ถลึงดวงเนตรใส่พระสวามีอย่างระอา ‘ล้มงานมงคลของบุตรชายตัวเอง คงมีแต่ท่านเท่านั้น ! ’
หลินเว่ยเว่ยแค่คิดว่าต้องห่างจากบัณฑิตน้อยสามปีหรือนานกว่านั้นก็ไม่พอใจขึ้นมา ใช่ว่านางไม่ไว้ใจบัณฑิตน้อย แต่นางไม่ไว้ใจพวกสตรีไร้ยางอายเหล่านั้นต่างหาก พูดกันว่าชาวบ้านภาคตะวันตกเฉียงเหนือแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ ? หากบัณฑิตผู้อ่อนแอถูกผู้หญิงคนใดคนหนึ่งบังคับขืนใจ…ไม่ได้ ไม่ได้เลย ! นางยังไม่เคยแตะต้องเขามาก่อน แล้วจะให้คนอื่นแตะต้องได้อย่างไร ?
หมินอ๋องเห็นบุตรสาวยืนเท้าสะเอวพลางจ้องพระพักตร์ก็รีบตรัสว่า “ผู้หญิงออกเรือนตอนอายุสิบแปดปี พ่อไม่ได้เป็นคนพูดเอง แต่หมอหลวงเป็นคนพูดต่างหาก ผู้หญิงแต่งงานเร็วเกินไปจะทำให้ร่างกายที่ยังไม่โตพร้อมจะเป็นมารดาได้รับอันตรายเอาได้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยก็มีวิธีประนีประนอมเช่นกัน “เรื่องนี้ลูกรู้เพคะ ลูกคุยกับบัณฑิตน้อยเอาไว้แล้วว่าแต่งงานกันก่อนแต่ยังไม่เข้าหอ เท่านี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ? ”
หมินอ๋องยังค้านหัวชนฝา “คำสัญญาของบุรุษเชื่อถือไม่ได้ ! เว่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่าเชื่อคำโกหกของบุรุษเด็ดขาด พวกบุรุษล้วนควบคุมร่างกายส่วนล่างของตนไม่ได้ทั้งนั้น พ่อกลัวว่าเจ้าจะโดนเอาเปรียบ”
หลินเว่ยเว่ยเบ่งกล้ามทั้งสองข้างพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟู่หวางคิดมากเกินไปแล้ว หากลูกไม่ยินยอมแล้ว ใครจะมาบังคับลูกได้เพคะ ? พระองค์ก็รู้ว่าคนภาคตะวันตกเฉียงเหนือล้วนป่าเถื่อน หากลูกไม่ตามไปปกป้องก็ไม่รู้ว่าบัณฑิตน้อยจะถูกพวกเขารังแกอย่างไร ดังนั้นลูกต้องตามไปปกป้องคุ้มครองเขาเพคะ ! ”
“เรื่องนี้ง่ายมาก พ่อจะส่งองครักษ์ที่มีวรยุทธสูงส่งหลาย ๆ คนไปคอยคุ้มครองเขาเอง ! ” หมินอ๋องรักบุตรสาวคนนี้ที่สุดแล้วจะทนเห็นนางไปลำบากที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้อย่างไร !
หลินเว่ยเว่ยเดินไปหยุดข้างพระวรกายพลางดึงชายฉลองพระองค์พร้อมส่ายหน้าเบา ๆ “ฟู่หวางเพคะ ลูกรู้ว่าพระองค์ไม่อยากให้ลูกไป แต่ลูกมีวิธี เพราะก่อนหน้านี้พระองค์ตรัสว่าชาวหุยเหอทางตะวันตกเฉียงเหนือก่อความไม่สงบ ดังนั้นจึงจะไปปราบปรามพวกมันเพื่อแสดงแสนยานุภาพของต้าเซี่ยไม่ใช่หรือเพคะ ? ลูกเคยดูแผนที่ของบัณฑิตน้อย พบว่าชาวหุยเหอตั้งรกรากห่างจากอำเภอหนิงซีไม่ไกลนัก การเดินทางของม้าเร็วใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ถึงตอนนั้นพวกเราก็พาหมู่เฟยไปด้วย ทีนี้ก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวแล้วไม่ใช่หรือเพคะ ? ”
หมินอ๋องถูกโน้มน้าว…จริงสิ ! พระองค์ตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วว่าผ่านไปสักช่วงหนึ่งก็จะไปทูลขอฝ่าบาทเพื่อออกรบ แต่สิ่งที่อาลัยอาวรณ์ที่สุดทั้งสองสิ่งก็คือ พระชายาที่เพิ่งจะแข็งแรงและบุตรสาวที่พลัดพรากไปกว่าสิบห้าปีซึ่งเพิ่งจะหาตัวเจอ หากพระองค์ต้องไปประจำการที่ตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วพระชายากับบุตรสาวต้องตามไปด้วย…ช่วงที่ว่างจากการรบ พระองค์ยังสามารถกลับไปกินข้าวกับภรรยาและบุตรได้ตลอด เยี่ยมไปเลย !
เมื่อเห็นว่าหมินอ๋องไม่โต้แย้ง หลินเว่ยเว่ยจึงนั่งลงเพื่อปรึกษาเรื่องการออกเรือนกับหมินหวางเฟย นางหวงและนางเฝิงอย่างสนุกสนาน ชุดแต่งงาน งานเลี้ยง สินสอดและขั้นตอนต่าง ๆ…หมินอ๋องที่โดนหลงลืม จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง การที่บุตรสาวออกเรือนแล้วกลายเป็นสะใภ้ตระกูลเจียงทำให้พระองค์ได้สติขึ้นมา ในเมื่อทั้งครอบครัวต้องไปที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเพราะหน้าที่การงานอยู่แล้ว เหตุใดยังต้องแต่งกับเจ้าเด็กนั่นอีก ? หมดกัน ตกหลุมพรางของบุตรสาวที่หันศอกเข้าหาเด็กแซ่เจียงนั่นแล้ว !