ตอนที่ 591 องค์หญิงเว่ยเว่ยลดตัวลงมาอภิเษกกับจอหงวนจากตระกูลต่ำศักดิ์

หลังฮ่องเต้ทรงทราบว่าองค์หญิงเว่ยเว่ยจะอภิเษกกับเจ้าบ่าวจอหงวนก่อนย้ายไปรับตำแหน่ง พระองค์จึงได้พระราชทานเรือนให้เป็นเรือนหอแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว เรือนหลังนี้ตั้งอยู่ห่างจากตำหนักหมินอ๋องเพียงถนนสายเดียวเท่านั้น หากเดินเท้าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ นั่นคือเรือนสี่ประสานแบบห้าวงซึ่งถูกริบมาจากขุนนางขั้นหนึ่งผู้กระทำการทุจริตในราชวงศ์ก่อน และปล่อยทิ้งร้างจนถึงตอนนี้

จวนขุนนางขั้นหนึ่งถูกพระราชทานให้เป็นเรือนของขุนนางขั้นหก ส่งผลให้พวกขุนนางในเมืองหลวงเกิดความสับสนขึ้นมาทันที…สรุปว่าฮ่องเต้โปรดปรานจอหงวนคนนี้หรือไม่โปรดปรานกันแน่ ถ้าบอกว่าไม่โปรดปรานแต่พระราชทานที่อยู่อาศัยซึ่งเกินกว่าฐานะให้ ถ้าบอกว่าโปรดปรานแล้วส่งเขาไปรับตำแหน่งยังต่างถิ่นทำไม ? ฮ่องเต้ชอบทำอะไรตามพระทัยจนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกแล้ว

หมินหวางเฟยได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของนางเฝิงแล้ว สายพระเนตรที่มีต่อเจียงโม่หานจึงมักเต็มไปด้วยความชื่นชมและรักใคร่ บุตรชายคนเล็กจะแต่งงาน คนเป็นมารดาอย่างพระนางกลับไม่ได้เลี้ยงดูมากว่า 15 ปี ดังนั้นงานสำคัญที่สุดในชีวิตเขาจึงต้องจัดให้ยิ่งใหญ่ !

ด้วยเหตุนี้ สินเดิมจำนวนมหาศาลที่อยู่ในมือของพระนางมานานหลายปี อย่างเช่น ร้านค้า บ้านเรือน ไร่นา…จึงตกเป็นสินเดิมของหลินเว่ยเว่ยกว่าครึ่ง หลังได้ยินสิ่งที่บุตรชายต้องเผชิญในช่วงวัยเด็กจากปากนางเฝิงแล้ว หมินหวางเฟยก็ปวดหทัยยิ่งกว่าอะไร

โดยเฉพาะตอนที่บุตรชายคนเล็กโดนบีบให้ออกจากสำนักศึกษา เขาพยายามเล่าเรียนและยังรู้ความอย่างมาก ทำงานคัดลอกตำราหาเงินเข้าบ้านไปพร้อมกัน…หมินหวางเฟยไม่อยากให้บุตรชายคนเล็กต้องเผชิญกับปัญหาด้านการเงินอีกต่อไป อย่างอื่นอาจไม่สามารถมอบให้อย่างโจ่งแจ้งได้ จึงยัดตั๋วแลกเงินปึกใหญ่ใส่มือนางเฝิงและส่งเสวี่ยยวี่ซึ่งเป็นแม่นมผู้มีความสนิทสนมกับนางเฝิงไปช่วยงานที่เรือนพระราชทานอีกด้วย โดยกำชับพวกนางว่า ‘ขาดเหลืออะไรก็ซื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ! ’

แม้จวนของอดีตขุนนางขั้นหนึ่งแห่งราชวงศ์ก่อนจะสู้ตำหนักหมินอ๋องไม่ได้ แต่เหมือนกับอุทยานขนาดเล็กอย่างไรอย่างนั้น มีทั้งศาลาริมน้ำ สะพานไม้และหมู่มวลบุปผา งดงามเกินคำบรรยาย เดิมทีจวนหลังนี้ฮ่องเต้หยวนชิงจะเก็บไว้ให้องค์หญิงน้อยของพระองค์ แต่ละปีจึงมักนำเงินในคลังส่วนพระองค์ออกมาซ่อมแซม นอกจากยังไม่มีเครื่องเรือนครบครันแล้ว ส่วนอื่นก็สามารถย้ายสัมภาระเข้ามาอยู่ได้เลย

ฮ่องเต้หยวนชิงกลัวว่าเวลากระชั้นชิดเกินไปแล้วจะบรรลุเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบไม่ได้ จึงส่งเจ้าหน้าที่ของกรมโยธาธิการมาช่วยอีกแรง แต่ภายนอกกลับมีข่าวลือว่าฮ่องเต้ไม่โปรดปรานจอหงวนคนใหม่แพร่สะพัดไปทั่ว

ทางด้านหลินเว่ยเว่ยยิ่งไม่ต้องกังวลเข้าไปใหญ่ เนื่องจากมารดาทั้งสองถึงขั้นลงทุนลงแรงไปกับสินเดิมและชุดแต่งงานของนาง ดังนั้นนางแค่ต้องทำตัวให้เหมือนนางแบบในชาติที่แล้วคือปล่อยให้คนอื่นวัดตัวเท่านั้น…ส่วนเรื่องอื่นแค่รอให้คู่หมั้นขี่อาชามารับตัว !

งานแต่งของนางถูกกำหนดไว้ปลายเดือนห้า ด้านสามหนังสือหกพิธีการที่ทำไว้ในฉือหลี่โกวถือเป็นโมฆะ หมินอ๋องยืนกรานว่าจะจัดพิธีนี้อีกรอบ ตอนที่ขบวนสินเดิมเคลื่อนตัวออกไป แทบเรียกได้ว่า ‘งานมงคลลอยล่องยาวสิบลี้’ ตอนที่หัวขบวนเข้าสู่ประตูเรือนจอหงวนแล้ว ท้ายขบวนยังไม่ออกจากตำหนักหมินอ๋องเลย !

ตอนออกสู่สนามรบ หมินอ๋องปล้นทรัพย์สมบัติของฝ่ายศัตรูมาได้มากมายและเก็บไว้ในคลังจำนวนหลายแห่ง พระองค์นำสินทรัพย์กว่าครึ่งมาเป็นสินเดิมให้บุตรสาว หีบที่ใช้บรรจุสินเดิมล้วนถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษจึงมีขนาดใหญ่กว่าหีบบรรจุสินเดิมแบบทั่วไปถึงหนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ด้านในยังเต็มไปด้วยเงินทองและอัญมณี พวกนายทหารที่ถูกเลือกให้มาขนสินเดิม แม้จะใช้สองคนแบกต่อหนึ่งหีบก็ยังเหนื่อยเอาเรื่อง

หลินเว่ยเว่ยกราบลาบิดามารดา ตอนถูกพี่ชายแบกขึ้นหลังเพื่อพาออกจากตำหนัก หมินอ๋องก็น้ำพระเนตรไหลลงมาและนึกก่นด่าเจียงโม่หานซ้ำไปซ้ำมาในหทัยว่า ‘บุตรสาวสุดที่รักของเปิ่นหวางเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ครึ่งปีก็ถูกเจ้าหน้าขาวสมควรตายล่อลวงไปแล้ว ! ’

แต่หมินหวางเฟยกลับมีความสุข…บุตรชายคนเล็กแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ! ดีเหลือเกิน ! นางยังทอดพระเนตรตามแผ่นหลังของหมินอ๋องซื่อจื่อที่แบกหลินเว่ยเว่ยออกไปด้วยความรังเกียจ…จนจะเข้าพิธีสวมกวานอยู่แล้วยังไม่รู้จักไปขโมยกินผักกาดขาวบ้านอื่น เขามัวแต่วิ่งไปวิ่งมาในค่ายทหารทั้งวัน แล้วค่ายทหารจะเอาภรรยามาให้เจ้าได้หรือ จะทำให้พระนางได้อุ้มหลานหรือไร ? เฮ้อ ! ยังสู้แม้แต่น้องชายที่อายุน้อยกว่าตั้ง 4 ปีไม่ได้ ! !

เช้าวันนี้ ผู้คนในเมืองหลวงล้วนกำลังพูดถึงขบวนสินเดิมขององค์หญิงเว่ยเว่ยและเรื่องเจ้าบ่าวจอหงวนจากตระกูลต่ำศักดิ์ ซึ่งองค์หญิงเว่ยเว่ย ‘ลดตัว’ ลงมาอภิเษกด้วย ทั้งยังปล่อยข่าวเรื่องบุตรเขยเกาะองค์หญิงเว่ยเว่ยกินอีก…

ห้องหอสุขสกาวและรายชื่อบนป้ายทอง เพียงระยะเวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งเดือนกว่า เจียงโม่หานก็ทำเรื่องมงคลสี่ประการของชีวิตสำเร็จไปถึงสองเรื่องแล้ว ถือว่าได้รับชัยชนะในการใช้ชีวิต !

ตอนที่กราบไหว้ฟ้าดิน…นางเฝิงลากนางหวงมานั่งข้างกัน เพราะตอนอยู่ที่ฉือหลี่โกวพวกนางเป็นเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือด กอปรกับที่นางหวงช่วยตำหนักหมินอ๋องเลี้ยงบุตรสาวนานถึง 15 ปี แล้วในวันแต่งงานเช่นนี้ ผู้เป็นมารดาจะไม่มีส่วนร่วมได้อย่างไร ?

แม่ทัพหลินนั่งอยู่ด้านข้างอย่างสงบ…เนื่องจากโดนบุตรสาวยุยง ภรรยาจึงยังไม่ให้อภัยที่เขาโดนผู้หญิงคนอื่นหลอก…ใครใช้ให้เขานอกใจก่อน ? ทว่าบุตรสาวคนรองแต่งงานและยังแต่งกับจอหงวนของราชวงศ์นี้ เขาจึงตื่นเต้นยิ่งกว่าเจ้าบ่าวเสียอีก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนที่บุตรสาวจะกราบไหว้ผู้อาวุโส ก็ขอมีส่วนร่วมไปด้วยเล็กน้อย !

หลินจื่อเหยียนช่วยดูแลและต้อนรับแขกด้านนอก แขกส่วนใหญ่ที่มาเป็นคนรุ่นเดียวกับเจียงโม่หาน วันนี้เจียงโม่หานแต่งงาน เพื่อนเจ้าบ่าวของเขามี…หยานจิงหยู หยวนเจี๋ย ติงหยูเฉิงและหลีชิง ล้วนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักทั้งนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับด่านประตูเงินประตูทองสุดหินของตำหนักหมินอ๋อง ก็ไม่มีใครหลบเลี่ยงสักคนเดียว วรยุทธของหลีชิงไม่ด้อยไปกว่าหมินอ๋องซื่อจื่อ แม้กระบวนท่าดุร้ายมาก แต่ผลที่ได้ก็ออกมาน่าพอใจ !

เมื่อเสียง “ส่งตัวเข้าหอ” ดังขึ้น เจียงโม่หานก็จับมือหลินเว่ยเว่ยเข้าไปในห้องหอที่จัดเตรียมไว้ หลังจากดึงผ้าคลุมหน้าออกแล้วพวกนางก็ดื่มสุรามงคล ส่วนพวกสหายวัยเดียวกันกับเจียงโม่หานก็มาโวยวายจะสร้างบรรยากาศในห้องหอ เช่นให้พวกนางกินเกี๊ยวชิ้นเดียวกัน หรือให้บ่าวสาวกัดแอปเปิลลูกเดียวกัน…สร้างบรรยากาศได้สนุกสนานมาก ทว่าไม่ได้สมปรารถนาเพราะถูกหลีชิงที่อ้างว่าเป็นครอบครัวฝั่งมารดาของหลินเว่ยเว่ยไล่ออกมาก่อน

เจียงโม่หานช่วยหลินเว่ยเว่ยถอดเฟิ่งกวาน (มงกุฎหงส์) บนศีรษะออกและช่วยนวดคอที่เคล็ดของนางพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าให้ทางห้องครัวทำอาหารให้เจ้าไว้แล้ว เจ้ากินอะไรก่อนเถิด ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องรอข้า นอนก่อนได้เลย ! ”

ตอนที่เจียงโม่หานกลับเข้ามาในห้องหอพร้อมกลิ่นสุราเต็มกาย หลินเว่ยเว่ยก็ลบเครื่องประทินโฉมออกหมดแล้ว นางกำลังอยู่ในชุดนอนสีแดง กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ ด้วยท่าทางเกียจคร้านและอ่านหนังสือในมืออย่างสนุกสนาน

เจียงโม่หานดื่มชารสเข้มเพื่อล้างคอ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างภรรยาแล้วหยิบหนังสือที่นางอ่านอยู่มาดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก “อ่านอะไรอยู่ ? ”

เพิ่งเห็นแวบแรกเท่านั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและใบหูก็เริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด…เด็กน้อยของเขากำลังอ่านหนังสือที่มีภาพและข้อความประกอบ เอาเถิด ไม่ถือว่าเป็นหนังสือลามกเสียทีเดียว แต่สตรีที่ออกเรือนแล้วทุกคนจะเก็บ ‘คู่มือการเข้าห้องหอ’ ไว้เป็นความลับส่วนตัวเท่านั้น

เจียงโม่หานรู้สึกว่าบางอย่างในร่างกายกำลังเคลื่อนไหวจึงรีบโยนหนังสือออกไปให้ไกลที่สุดแล้วหันมามองหลินเว่ยเว่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าจะอ่านไปทำไม ? คืนนี้ไม่ได้ใช้เสียหน่อย ? ”

หลินเว่ยเว่ยบีบใบหูที่เริ่มแดงของเขาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ศึกษาไว้ก่อน อย่างไรก็ได้ใช้ ไม่ถูกหรือ ? ”