ตอนที่ 574 ปูทาง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 574 ปูทาง

รัชทายาทคิดว่าต่งเหล่าไท่จวิน ชุยซื่อและเสี่ยวชุยซื่อล้มป่วยลงพร้อมกัน คงไม่มีผู้ใดจัดการเรื่องที่พักให้เขา ทว่า ต่งชิงเยว่พาเขาไปยังเรือนพักที่เงียบสงบและบรรยากาศดี เขารู้สึกพอใจมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ตกแต่งเรือนมีความเอาใจใส่มาก

เมื่อกลุ่มของต่งชิงเยว่จากไป รัชทายาทถือกล่องอาหารปลายืนให้อาหารปลาอยู่ในสระบัวขนาดใหญ่กลางลานหญ้า กล่าวออกมายิ้มๆ

“สระบัว ดอกไม้ โคมไฟ ใต้เท้าต่งดูไม่ใช่คนที่ชื่นชมสิ่งเหล่านี้เลย…”

น้ำในสระบัวกระเพื่อมเล็กน้อย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของรัชทายาทสะท้อนลงบนผืนน้ำ ลมพัดใบไม้เกิดเสียงซู่ซู่ เสียงพิณอันเศร้าสร้อยลอยมาตามสายลม

รัชทายาทเงยหน้าขึ้น สดับฟังอย่างตั้งใจ

เฉวียนอวี๋ซึ่งยืนอยู่ข้างกายของรัชทายาทกล่าวขึ้น “ทูลองค์รัชทายาท เมื่อครู่บ่าวให้คนไปสืบมาแล้วพะย่ะค่ะ ต่งเหล่าไท่จวิน ฮูหยินต่งและฮูหยินน้อยต่างล้มป่วยกันหมด บุตรสาวอนุทั้งสองคนของใต้เท้าต่งจึงเป็นคนจัดเตรียมเรือนนี้ให้องค์ชาย….”

“ชู่ว…” รัชทายาททำมือส่งสัญญาณให้เฉวียนอวี๋ซึ่งยังกล่าวไม่จบเงียบเสียงลง เขายื่นกล่องอาหารปลาในมือให้เฉวียนอวี๋ จากนั้นเดินออกจากเรือน มุ่งหน้าไปทางต้นเสียง

เฉวียนอวี๋กอดกล่องอาหารปลาไว้แนบอก หันไปกวักมือเรียกองครักษ์ที่ยืนคุ้มกันอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ทุกคนเดินตามหลังรัชทายาทไปโดยทิ้งระยะห่างอย่างพอเหมาะ

เสียงพิณดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รัชทายาทหยุดยืนอยู่ริมทะเลสาบ

ภายในศาลาแปดเหลี่ยมกลางทะเลสาบ ผ้าม่านสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลม เปลวไฟปลิวสะบัด สตรีร่างผอมเพรียวในชุดสีขาวเรียบนั่งดีดพิณน้ำตาคลออยู่ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองนวล เสียงบรรเลงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกจนผู้ที่ฟังรู้สึกเศร้าสร้อยน้ำตาคลอเช่นเดียวกัน

สาวใช้ถือถาดน้ำชาสีดำเตรียมเดินเข้าไปในศาลาแปดเหลี่ยม เมื่อเห็นรัชทายาทยืนอยู่ริมทะเลสาบก็ตกใจจนแทบทำถาดน้ำชาหล่น นางรีบคุกเข่าทำความเคารพด้วยร่างที่สั่นเทา “บ่าวสมควรตาย! บ่าวไม่ทราบว่าองค์รัชทายาททรงประทับอยู่ที่นี่ องค์รัชทายาททรงลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”

รัชทายาทมองไปยังสตรีที่บรรเลงพิณอยู่กลางศาลา “สตรีที่บรรเลงพิณอยู่กลางศาลาคือผู้ใด”

“ทูล…ทูลองค์รัชทายาท คือคุณหนูของบ่าวเพคะ คุณหนูของบ่าวคิดถึงพี่ชายของนางจึงหาที่สงบบรรเลงพิณเพคะ” สาวใช้ตอบ

“คุณหนูของเจ้ามีนามว่าอันใด” รัชทายาทถามต่อ

“ทูลองค์รัชทายาท คุณหนูของบ่าวมีนามว่าต่งถิงจือเพคะ”

รัชทายาทพยักหน้า หันไปมองสตรีที่อยู่กลางศาลาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นหมุนกายเดินจากไป

สาวใช้ผู้นั้นยิ่งหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม คุกเข่าก้มหน้าต่ำอยู่บนพื้น ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น จนเมื่อรัชทายาทเดินจากไปไกล สาวใช้ผู้นั้นจึงกล้าเงยหน้าขึ้น แข้งขาของนางอ่อนแรงจนแทบลุกขึ้นยืนไม่ไหว นางไม่รู้ว่าแผนการของคุณหนูสำเร็จหรือไม่ หากไม่สำเร็จแล้วต่งเหล่าไท่จวินทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านคงไม่ปล่อยคุณหนูของนางไว้แน่!

ใบหน้าของรัชทายาทเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีก ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกวักนิ้วเรียกเฉวียนอวี๋ที่เดินตามเขาอยู่ทางด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยมเข้ามาหา

เฉวียนอวี๋รีบสาวเท้าเข้าไปหารัชทายาท “องค์ชายมีสิ่งใดรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

“เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าอันใดนะ บุตรสาวอนุสองคนของใต้เท้าต่งเป็นคนจัดเตรียมเรือนพักให้เราอย่างนั้นหรือ ใต้เท้าต่งมีบุตรสาวที่เกิดจากอนุด้วยหรือ” รัชทายาทเอ่ยถาม

“ทูลองค์ชาย ได้ยินว่าบุตรสาวอนุของอดีตใต้เท้าต่งเคยใช้วิธีต่ำช้าทำร้ายต่งเหล่าไท่จวิน ตอนที่ท่านผู้เฒ่าต่งยังมีชีวิตอยู่จึงตั้งกฎไว้ว่าบุตรที่เกิดจากอนุมีฐานะต่ำต้อย ยามบุตรอนุถือกำเนิดไม่ต้องแจ้งข่าวให้ทุกคนรับรู้พ่ะย่ะค่ะ บุตรชายอนุยังไม่เท่าใด ทว่า บุตรสาวอนุอยู่แต่ในเรือน คนภายนอกจึงไม่รู้ว่าตระกูลต่งมีบุตรสาวอนุอยู่พ่ะย่ะค่ะ!” เฉวียนอวี๋กล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนี้รัชทายาทจึงนึกถึงต้าหลี่ซื่อชิงต่งชิงผิงขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะต่งชิงผิงอยู่ในเมืองหลวง ผู้อื่นก็คงไม่รู้ว่าเขามีบุตรสาวอนุ

ก่อนหน้านี้รัชทายาทยังเสียดายว่าต่งชิงเยว่ไม่มีบุตรสาว เขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาไป๋ชิงเหยียน นึกไม่ถึงว่าเมื่อมาเยือนจวนต่งจะมีคนมาประเคนให้ถึงที่เช่นนี้

บุตรสาวอนุเป็นคนจัดเตรียมที่พักให้เขา นางย่อมรู้ดีว่าหากบรรเลงพิณที่ศาลาแปดเหลี่ยม เขาต้องได้เสียงเสียงพิณ…

รัชทายาทยกยิ้มมุมปาก แม้บุตรอนุจะไม่ได้รับความสำคัญในจวนต่ง ทว่า อย่างไรก็เป็นบุตรสาวของต่งชิงเยว่ อย่างน้อยก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง รัชทายาทปลดป้ายหยกที่เอวส่งให้เฉวียนอวี๋

“นำไปให้บุตรสาวอนุของตระกูลต่งผู้นั้น”

เฉวียนอวี๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นรับป้ายหยกมาจากรัชทายาท

ไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเสร็จ ชุนเถากำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ใบหูให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างระมัดระวัง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหวังหมัวมัวพาหญิงชราพละลังกำลังมากกลุ่มหนึ่งจับตัวคนๆ หนึ่งไปยังห้องของของต่งเหล่าไท่จวิน

ชุนเถาได้ยินเสียงนั้นเช่นเดียวกัน นางตั้งใจเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณหนูใหญ่จนเสร็จ จากนั้นถือกะละมังเตรียมออกไปสอบถามเรื่องราวที่ด้านนอก “คุณหนูใหญ่ ให้ข้าไปถามหวังหมัวมัวว่ามีสิ่งใดให้ช่วยดีหรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนใช้นิ้วมือของตัวเองสางผมอยู่หน้ากระจกไม้สีเหลือง กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “หากท่านยายต้องการคงให้หวังมัวมัวมาเรียกเอง ท่านยายไม่ได้บอกพวกเรา พวกเราไม่ต้องไปสืบเรื่อง ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลไป๋ ท่านยายทำสิ่งใดล้วนมีขอบเขตของท่าน”

“เจ้าค่ะ” ชุนเถาไม่ได้ต้องการสืบเรื่องส่วนตัวของตระกูลต่ง แค่หวังดีอยากช่วยเหลือเพราะตอนนี้ต่งเหล่าไท่จวินกำลังเสียใจเรื่องการจากไปของหลานชายคนโตจนล้มป่วย

ภายในห้องของต่งเหล่าไท่จวิน

ต่งเหล่าไท่จวินมองดูต่งถิงจือที่ถูกผ้าอุดปากและมีท่าทีหวาดกลัวด้วยสายตาเย็นชาท่ามกลางแสงตะไฟในตะเกียงที่สะบัดพลิ้วไปมา ต่งเหล่าไท่จวินคลำสร้อยประคำที่อยู่ในข้อมือ ใบหน้าเย็นชา

“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นข้าต้องเลือกรับเจ้าหรือถิงอวิ๋นมาอบรมเลี้ยงดูข้างกายสักคน ตอนที่เจ้าวางแผนให้นางผลักเจ้าตกทะเลสาบ ข้าบอกกับเจ้าว่าอย่างไร”

ต่งถิงจือถูกผ้าอุดปาก ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ นางอยากคุกเข่าอ้อนวอน ทว่า ถูกหมัวมัวที่มีแรงเยอะกดอยู่กับพื้นจนขยับเขยื้อนไม่ได้

“ข้าบอกเจ้าว่าแม้ท่านปู่ของเจ้าจะตั้งกฎเข้มงวดกับบุตรอนุ ทว่า อย่างไรพวกเจ้าก็เป็นสายเลือดของตระกูลต่ง ดังนั้นหลายปีมานี้ข้าจึงไม่ได้กักขังให้เจ้าอยู่แต่เรือนหลัง ไม่ให้ออกจากเรือน!” ต่งเหล่าไท่จวินนับลูกประคำ “ข้าเคยบอกกับอี๋เหนียงของพวกเจ้าและพวกเจ้าชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้พวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมั่งคั่ง ทว่า ต้องเป็นคนมีศีลธรรม นิสัยดี ให้พวกเจ้าแต่งออกไปเป็นภรรยาเอก ไม่มีทางใช้การแต่งงานของบุตรอนุอย่างพวกเจ้าปูทางให้ตระกูลต่ง ทำลายพวกเจ้าทั้งชีวิตเด็ดขาด!”

ต่งถิงจือร้องไห้พลางพยักหน้า

“เจ้าเป็นคนฉลาด ทว่า เจ้าควรใช้ความฉลาดของเจ้าให้ถูกทาง” ต่งเหล่าไท่จวินมีสีหน้าเคร่งเครียด “วันนี้เจ้าไปดีดพิณที่ศาลาแปดเหลี่ยม จงใจล่อให้รัชทายาทมาพบ เจ้าไม่ได้ต้องการให้รัชทายาทหลงรักในความงามของเจ้า ทว่า ต้องการให้รัชทายาททรงรับรู้ว่าบุตรสาวของต่งชิงเยว่มีใจให้พระองค์ หากรัชทายาทอยากดึงบิดาของเจ้าไปเป็นพวก สามารถรับเจ้าไว้ปรนนิบัติรับใช้ใช่หรือไม่!”

ต่งถิงจือเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ นางถูกอุดปากจนไม่อาจแก้ต่างอันใดได้

นางยอมรับว่าต่งเหล่าไท่จวินกล่าวถูกต้องทุกอย่าง นางไม่อยากแต่งงานไปเป็นภรรยาเอกของคนธรรมดา หากนางสามารถทำให้รัชทายาทมองเห็นนาง ขอเพียงนางเป็นที่โปรดปราน วันหน้าหากรัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางจะพลอยได้ดีไปด้วย

บัดนี้นางอาศัยตระกูลต่งถอดสะพานไปหารัชทายาท วันหน้าหากนางเป็นที่โปรดปราน นางจะไม่ตอบแทนตระกูลต่งอย่างนั้นหรือ นางจะกลายเป็นที่พึ่งของตระกูลต่งไม่ใช่หรือ!

นางครุ่นคิดอยู่นานจนรู้สึกว่านี่คือโอกาสที่นางควรไขว่คว้าเอาไว้