บทที่ 626 ไม่มีตราคำสั่ง ไม่เคลื่อนพล
บทที่ 626 ไม่มีตราคำสั่ง ไม่เคลื่อนพล
ซูอันตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เขารีบหยิบหนังสือชื่อหวานแหววนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ดูเหมือนนิยายรักโรแมนติกธรรมดา ๆ แม้ว่าบางบรรทัดจะมีคำแปลก ๆ แทรกอยู่สองสามคำ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ผิดสังเกต
ฉู่ชูเหยียนกล่าวว่า “สมุดบัญชีเป็นไพ่ลับของตระกูลฉู่มาโดยตลอด แต่มันก็อาจนำหายนะครั้งใหญ่มาสู่ตระกูลฉู่ได้เช่นกัน ขั้วอำนาจนับไม่ถ้วนได้โหยหาหนังสือเล่มนี้ ซึ่งทำให้ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะรักษาให้ปลอดภัยที่สุดได้ด้วยวิธีไหน”
“แม้ว่าข้าจะซ่อนมันไว้ในที่ลับที่สุด มันก็น่าจะถูกหาเจออยู่ดี นี่คือเหตุผลที่วันหนึ่ง ข้าตัดสินใจทำสมุดบัญชีขึ้นมาสองเล่ม เล่มหนึ่งจริงและเล่มหนึ่งปลอม สมุดบัญชีจริงถูกซ่อนรหัสอยู่ภายในหนังสือนิยายของข้า ไม่มีใครสงสัยว่านิยายรักของเด็กสาวจะมีข้อมูลที่สำคัญเช่นนั้น”
ซูอันสับสน “ถ้าข้าจำไม่ผิด เสวี่ยเอ๋อร์ก็ชอบอ่านหนังสือกับเจ้าและนางก็ถูกส่งมาจากตระกูลซือ เจ้าไม่กลัวเหรอว่านางจะรู้อะไรเข้า?”
ฉู่ชูเหยียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าไม่รู้เหรอว่านิยายเรื่องนี้มีหลายเล่ม?”
ซูอันเพิ่งสังเกตเห็นตัวเลขที่มุมของปกหนังสือที่ระบุว่าเป็นเล่มที่เก้าในชุด “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!? ไอ้หนังสือน่าอับอายเช่นนี้มีคนอ่านมากถึงขนาดนักเขียน เขียนมันออกมาหลายเล่มเลยงั้นเหรอ??”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่ำ “นิยายเรื่องนี้ไม่ได้น่าอายอย่างที่เจ้าคิดสักหน่อย ความรักระหว่างพระเอกและนางเอกนั้นลึกซึ้งจะตายไป!”
ซูอันหมดคำจะพูดตอบ
เขาเก็บสมุดบัญชีพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าเคยคิดว่าเจ้าบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้สีขาว ใครจะรู้ว่า จริง ๆ แล้วเจ้ากลับเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปซะได้ ไม่เพียงแต่เจ้าจะหลอกข้า แต่เจ้ายังโกหกพ่อแม่ของตัวเองด้วย!”
เขาสามารถบอกได้จากอาการที่ฉินหว่านหรูตำหนิตัวนางอย่างหนักว่า แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าสมุดบัญชีเล่มที่ถูกแย่งชิงไปเป็นสมุดบัญชีปลอม
ฉู่ชูเหยียนเขินอาย “ข้าก็ไม่อยากหลอกเจ้าเหมือนกัน แต่ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้มากเกินไปมันจะยิ่งเสี่ยง แค่มีใครสักคนทำข้อมูลรั่วไหล นั่นจะหมายถึงหายนะของตระกูลฉู่ทั้งหมด ดังนั้นจะหลอกคนอื่นได้ก็ต้องหลอกพวกตัวเองให้ได้ก่อน”
ซูอันแย้ง “คนอื่นอาจจะโกหกแค่พ่อ แต่เจ้าโกหกทั้งพ่อ แม่ สามีและน้องสาวของเจ้าไปพร้อม ๆ กัน!”
ฉู่ชูเหยียนอ้าปากอยากจะเถียงแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปด้วยดี” ซูอันหัวเราะ “ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องกลายเป็นนักโทษแล้ว”
ฉู่ชูเหยียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าข้าคาดไม่ผิด ข่าวน่าจะถึงเมืองจันทร์กระจ่าง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
ซูอันถอนหายใจอย่างโล่งอก “ก็ดี ๆ ระหว่างนี้ข้าจะนำกองทัพผ้าคลุมสีชาดไปกดดันอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน บัดซบจริง ๆ ไอ้สารเลวพวกนั้นคิดว่าพวกมันจะมาจะไปเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง พวกมันคิดว่า คฤหาสน์ตระกูลฉู่เป็นห้องน้ำสาธารณะหรือไงกัน!?”
ฉู่ชูเหยียนพ่นลมหายใจ “ห้องน้ำสาธารณะอะไร? เปรียบเทียบให้ดีกว่านี้หน่อย!”
…
เมื่อทั้งสองคนสนทนากันเสร็จสิ้น ซูอันก็ตรงไปที่ค่ายของกองทัพผ้าคลุมสีชาด ความกังวลและความท้อใจก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
“พวกเจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ตระกูลฉู่ใกล้จะสูญสิ้นแล้ว เจ้ายังปฏิเสธที่จะไปช่วยอีกเหรอ!”
“ขออภัย กองทัพผ้าคลุมสีชาดปฏิบัติตามกฎอย่างเข้มงวดเสมอมา เว้นแต่ท่านอ๋องจะมาเอง หรือมีตราคำสั่งมาแสดง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เคลื่อนทัพโดยเด็ดขาด!”
“ท่านอ๋องและฮูหยินถูกควบคุมตัวไว้ พวกเขาจะมาที่นี่ได้ยังไง!?”
“เจ้าไม่เชื่อใจเราเหรอ? ข้าเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่ ข้าจะคิดร้ายต่อตระกูลฉู่ได้ยังไง!?”
…
ซูอันได้ยินเสียงกลุ่มคนทะเลาะกันเสียงดังเมื่อมาถึงค่าย คนที่ดูเดือดดาลมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นคนอ้วนที่ตัวกลมเหมือนลูกบอล จะมีใครอีกนอกจากฉู่อวี้เฉิง?
อย่างไรก็ตาม ซูอันรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ฉู่อวี้เฉิง…
“ฉู่ฮงไฉ?” ซูอันขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ถูกกักตัวเหรอ?
แม้ว่าหลักฐานจะชี้ให้เห็นว่าฉู่ฮงไฉไม่ได้มีส่วนร่วมในการทรยศของฉู่เทียนเซิง แต่เขาก็ยังคงเป็นลูกชายของฉู่เทียนเซิง พ่อของเขาถูกฆ่าตาย แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกแค้นเคืองอย่างยิ่ง
ทหารหลายคนสวมชุดเกราะติดผ้าคลุมสีแดงยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาด้วยท่าทางแน่วแน่ พวกเขาปฏิเสธที่จะเคลื่อนไหว ไม่ว่าทั้งสองคนจะพูดอย่างไรก็ตาม
“อาซู?” ทันใดนั้นฉู่อวี้เฉิงก็สังเกตเห็นซูอัน เขาโบกมือให้ทันที “เร็วเข้า มาช่วยข้าเกลี้ยกล่อมพวกเขาหน่อย!”
“ซูอัน!” เมื่อหันไปเห็นซูอัน ฉู่ฮงไฉคำรามทันที “มอบชีวิตของเจ้ามา ไอ้สารเลว!”
เขาชักกระบี่ออกมาแล้วแทงไปที่ซูอัน
ซูอันใช้ดัชนีเจิดจรัสหันเหกระบี่ที่แทงเข้ามาอย่างทันควัน ฉู่ฮงไฉรู้สึกถึงพลังที่แปลกประหลาดไหลผ่านกระบี่เข้ามาในมือของเขาจนกระบี่เกือบจะหลุดจากมือ
ถึงอย่างนั้นปฏิกิริยาของฉู่ฮงไฉก็รวดเร็วราวสายฟ้า และเขาเริ่มการโจมตีครั้งต่อไป ปราณกระบี่พุ่งออกไปอย่างว่องไว
“พวกเจ้าหยุด! อย่าเพิ่งสู้กันเอง!” ฉู่อวี้เฉิงแทรกตัวระหว่างพวกเขาทั้งสองทันที
ซูอันขมวดคิ้ว เขาหยุดตัวเอง
ฉู่ฮงไฉขยับกระบี่ออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ “ เจ้าอ้วนตัวเหม็น หลบไปให้พ้น!” เขาตะโกน “ข้าไม่สามารถอยู่ใต้ท้องฟ้าเดียวกับคนที่ฆ่าพ่อของข้าได้!”
ฉู่อวี้เฉิงก่นด่า “เจ้าโง่ขนาดนั้นเหรอ? พ่อของเจ้าและหงจงมีการบ่มเพาะในระดับใด? ซูอันจะสามารถฆ่าพวกเขาได้ยังไง? มีแต่ผู้เฒ่ามี่ที่เป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังคนเดียวในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ณ เวลานั้น หากเจ้าไตร่ตรองดูดี ๆ ก็ต้องตระหนักได้ว่าผู้เฒ่ามี่นั่นแหละที่เป็นคนน่าสงสัยที่สุด!”
ซูอันหรี่ตา เจ้าอ้วนคนนี้ภายนอกดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ในความเป็นจริงสมองของเขาเฉียบแหลมมาก เห็นได้ง่าย ๆ จากคำพูดเมื่อครู่นี้
ฉู่ฮงไฉจ้องเขม็งครู่หนึ่ง อันที่จริง เขาตระหนักรู้ในเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เรื่องนี้หนักหนาสาหัสกับเขามาก ดังนั้นจึงต้องการเป้าหมายสำหรับความเกลียดชังเพื่อที่จะหาแรงจูงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป นี่คือเหตุผลที่เขาโทษซูอันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสงบลงแล้ว ฉู่อวี้เฉิงก็หันไปหาซูอันและพูดว่า “อาซู เจ้ามาถูกเวลาแล้ว ข้าอยากนำคนไปช่วยท่านอ๋องและฮูหยิน แต่คนพวกนี้ไม่ฟังเลย ช่วยข้าชักชวนพวกเขาที!”
จากนั้นเขาจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับทหารเหล่านั้น “บางที พวกเจ้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องฟังเรา เพราะเรามาจากตระกูลสาขาย่อย แต่อาซูอยู่ที่นี่แล้ว เขาเป็นสามีของคุณหนูใหญ่ ดังนั้นเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งของสาขาหลัก พวกเจ้าคงจะเชื่อฟังเขาถูกต้องไหม?”
ทหารเหล่านั้นยังคงส่ายหน้า “ถ้าไม่มีตราคำสั่ง เราก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงไอ้นี่อยู่ใช่ไหม?” ซูอันดึงตราคำสั่งออกมา
กองทัพสีชาดทุกคนคุกเข่าด้วยความเคารพเมื่อเห็นตราคำสั่ง “เห็นตราคำสั่งดั่งเห็นผู้นำ ผ้าคลุมสีชาดน้อมรับคำสั่ง!”
ฉู่อวี้เฉิงและฉู่ฮงไฉตกตะลึง พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวทหารเหล่านี้ พูดจนแม้แต่ลำคอของพวกเขาถึงกับแห้งผาก ซึ่งคนพวกนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียว ตอนนี้กลับคุกเข่าลงทันทีที่เห็นซูอัน?
ซูอันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตามข้ามา เราจะกลับไปช่วยตระกูลฉู่ด้วยกัน!”