ไม่ว่าอวี้จิ่นจะค้านเพียงใด ถึงอย่างไรเจียงซื่อก็ต้องตามข้าหลวงเข้าวังแต่โดยดี
เมื่อมาถึงตำหนักคุนหนิง ข้าหลวงกล่าวร้องรายงาน มีเด็กสาวคนหนึ่งออกมาต้อนรับ เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “พี่สะใภ้เจ็ด หมู่นี้ไม่ได้พบพี่สะใภ้เจ็ดเลยเพคะ”
คนที่เดินออกมาคือองค์หญิงฝูชิง
องค์หญิงสิบสี่เดินตามออกมาประหนึ่งมนุษย์ล่องหน นางมิได้เอ่ยปากทักทาย เพียงแต่ค้อมหลังให้เจียงซื่อเป็นการแสดงความเคารพ
นางรู้จักวางตัว รู้ดีว่าเวลาเช่นนี้ควรวางตัวสงบนิ่งจะเป็นการดีที่สุด
องค์หญิงฝูชิงก้าวฉับไวเข้ามาเกาะแขนเจียงซื่อ “ท่านพี่สะใภ้เจ็ดรีบเข้ามาเถิดเพคะ”
เจียงซื่อกะพริบตา
ที่ฮองเฮาเรียกนางเข้าวัง เป็นเพราะองค์หญิงฝูชิงต้องการพบนางอย่างนั้นหรือ
ในมุมของฮองเฮาที่รักและห่วงแหนบุตรีหาใดเปรียบก็ใช่ว่าเรื่องเช่นนั้นจะเป็นไปไม่ได้
เจียงซื่อคาดเดาในใจ ทว่ามิได้แสดงออกทางสีหน้า นางเดินตามองค์หญิงฝูชิงเข้าไปเงียบๆ
ฮองเฮานั่งอยู่ในโถงรับรอง แม้เห็นเจียงซื่อเดินเข้ามา นางก็มิได้ยืดหลังตั้งตรงแต่อย่างใด นางส่งยิ้มอ่อนโยนพลางกล่าว “พระชายาเยี่ยนอ๋องมาแล้วหรือ เชิญนั่งเถิด”
“ถวายบังคมเสด็จแม่”
“ไม่ต้องมากพิธี ฝูชิงร้องอยากพบเจ้า ข้าเองก็เห็นว่าพี่สะใภ้กับน้องสามีควรสนิทกันไว้ ข้าเลยเรียกเจ้าเข้ามา หวังว่าคงมิได้ทำให้เจ้าเสียการเสียงานในจวน”
ฮองเฮากล่าวอย่างสุภาพ เจียงซื่อจึงตอบอย่างสุภาพดุจกัน “เรื่องต่างๆ ในจวนมีกฎเกณฑ์กำหนดชัดเจน จึงไม่มีเรื่องใดให้ต้องเป็นกังวลเพคะ”
“จริงสิ อาฮวนเป็นอย่างไรบ้าง อ้วนกลมขึ้นบ้างหรือยัง”
ครั้นเอ่ยถึงบุตรสาว คิ้วและดวงตาของเจียงซื่อก็ยิ้มโดยพลัน “อ้วนกลมขึ้นมากเลยเพคะ หม่อมฉันเริ่มอุ้มไม่ไหวแล้วเพคะ”
ฮองเฮาหัวเราะ “จ้ำม่ำก็ดีแล้ว เด็กน้อยกินอิ่มนอนหลับถึงจะแข็งแรง”
ช่วงนี้มีเด็กทารกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดขึ้นโดยมิได้แบ่งแยกสถานะรวยจน
อย่างน้อยๆ เจ้าเด็กคนนี้ก็ทำคนรอบข้างรู้สึกเบาใจได้เปลาะหนึ่ง
เจียงซื่อตอบรับ “เป็นเพราะบารมีของเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพคะ”
บรรยากาศในห้องกลมเกลียวเป็นหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาก็เอ่ยเร่งเร้า “อาเฉวียน สิบสี่ พวกเจ้าเองก็ควรไปได้แล้วมิใช่หรือ”
องค์หญิงฝูชิงมองเจียงซื่อด้วยสายตาอาวรณ์เล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่าย
เจียงซื่อเอ่ยถาม “น้องทั้งสองต้องไปที่ไหนหรือเพคะ”
ฮองเฮาคลี่ยิ้มพลางตอบ “พวกนางต้องไปน้อมทักไทเฮาที่พระตำหนักฉือหนิง”
เจียงซื่อผงะเล็กน้อย
ในความทรงจำของนาง ไทเฮาเป็นคนง่ายๆ มิได้เคร่งครัด แต่เหตุใดองค์หญิงทั้งสองถึงต้องเข้าไปน้อมทักยามนี้
ฮองเฮามองออกว่าเจียงซื่อกำลังสงสัย จึงอธิบายต่อ “ไทเฮาไม่ทรงโปรดความสงัดเงียบ ถึงได้เรียกพวกนางให้ไปสนทนาเป็นเพื่อน เพราะแต่ก่อนหรงหยางคอยทำหน้าที่นั้น…”
ในตอนที่องค์หญิงใหญ่หรงหยางยังมีชีวิตอยู่ นางมักจะเข้าวังมาน้อมทักไทเฮาอยู่เป็นประจำ ชุยหมิงเย่ว์เองก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน แต่มาวันนี้ คนหนึ่งจากไป ส่วนอีกคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไทเฮาคงรู้สึกเหงาเป็นธรรมดา
สองสามวันมานี้ องค์หญิงฝูชิงเข้าไปน้อมทักไทเฮาที่ตำหนักฉือหนิง แต่มิได้พบความผิดปกติใด ฮองเฮาแอบหัวเราะเยาะตัวเองในใจที่กังวลเกินเรื่องไปเอง ตอนนี้นางเข้าใจสิ่งที่ไทเฮาทำแล้ว
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เจียงซื่อตอบรับใบหน้าราบเรียบ พลางกล่าวขอโทษไทเฮาในใจ
เพราะดูเหมือนว่านางเป็นคนกำจัดทั้งองค์หญิงใหญ่หรงหยางและชุยหมิงเย่ว์…
“รีบไปเถอะ เจ้ายังมีโอกาสสนทนากับสะใภ้เจ็ดอีกมาก”
“เพคะ ท่านพี่สะใภ้เจ็ด ข้ากับน้องสิบสี่ขอตัวก่อนนะเพคะ ไว้คราวหน้า หม่อมฉันจะหมักสุราดอกกุ้ยฮวามาให้ชิมนะเพคะ”
ฮองเฮาปั้นหน้าบึ้ง “เพิ่งจะร่ำเรียนทำเป็นหมาดๆ ขนาดมารดาของนางยังไม่เคยได้ชิม”
ฝูชิงหน้าแดงเล็กน้อย “แน่นอนว่าต้องให้เสด็จแม่ชิมด้วยเพคะ”
“เอาเถอะ รีบไปได้แล้ว”
เมื่อองค์หญิงทั้งสองออกไปแล้ว ฮองเฮาถึงได้ส่ายศีรษะพลางยิ้ม “ยังดีที่เป็นเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าคงคิดว่านางมีใครในใจ”
เมื่อพิศมองใบหน้างามจับตาของเจียงซื่อแล้ว ฮองเฮาก็ใจเต้น พระชายาเยี่ยนอ๋องมีพี่ชายที่ยังไม่ได้ออกเรือนอยู่คนหนึ่ง…
ฝูชิงและพระชายาเยี่ยนอ๋องมีชะตาต้องกัน หากได้พี่ชายของพระชายาเยี่ยนอ๋องมาเป็นบุตรเขย สำหรับฝูชิงแล้วนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แต่นางได้ยินมาว่าพี่ชายของพระชายาเยี่ยนอ๋องไปประจำการอยู่ที่ทางใต้ ดังนั้นล้มเลิกความคิดนี้จะดีกว่า ในสนามรบมีทั้งคมดาบและปืนใหญ่ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เกรงว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายฝูชิง
ช่างเถอะ รอพี่ชายของพระชายาเยี่ยนอ๋องสร้างชื่อเสียงและกลับมาที่เมืองหลวงก่อนจะดีกว่าค่อยว่ากัน
ฮองเฮาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ความรู้สึกที่มีต่อเจียงซื่อโอนอ่อนมากกว่าเก่า
“ที่เรียกเจ้าเข้ามาวันนี้ ความจริงแล้วเป็นเพราะฝ่าบาทมีเรื่องจะตรัสกับเจ้า เจ้าคอยที่นี่ก่อน อีกเดี๋ยวฝ่าบาทคงเสด็จมาในไม่ช้า”
ฮองเฮาเพิ่งกล่าวจบไม่นาน จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็มาถึง
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ”
“ไม่ต้องมากพิธี” ยามอยู่ที่ตำหนังคุนหนิง อิริยาบถของฮ่องเต้แลดูผ่อนคลาย เขาเดินไปนั่งข้างๆ ฮองเฮา
เจียงซื่อยืดตัวขึ้นรอให้จิ่งหมิงฮ่องเต้เป็นคนเริ่มบทสนทนา
จิ่งหมิงฮ่องเต้พิศมองมาที่นาง
เมื่อตอนงานเลี้ยงชมดอกเหมย ตอนที่เจ้าเจ็ดมอบดอกไม้ให้นางทั้งหมด เขาก็เพียงแต่พยักหน้ารับไปตามเรื่อง ไม่คิดเลยว่าในวันนี้นางจะเป็นคนคลี่คลายปัญหาต่างๆ ในวังหลัง
หากจะว่าไปแล้ว ที่ผ่านมาเขาตัดสินใจผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่นการคืนตำแหน่งให้ไท่จื่อ
คืนค่ำสงัดเงียบร้างผู้คน จิ่งหมิงฮ่องเต้ใคร่ครวญครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากตอนนั้นเขาไม่คืนตำแหน่งให้ไท่จื่อ ในตอนนี้ไท่จื่อก็เป็นเพียงจิ้งอ๋องที่ได้ใช้ชีวิตสุขสงบอยู่ในจิ้งหยวน เรื่องราวก็คงไม่เป็นเช่นนี้
แต่มีการตัดสินใจหนึ่งที่เขาเชื่อมั่นว่าไม่ผิดพลาดคือ การอนุญาตให้เจ้าเจ็ดแต่งงานกับสะใภ้คนนี้
ดูเหมือนว่าเจียงซื่อจะพอรู้อยู่บ้าง จิ่งหมิงฮ่องเต้มิได้อ้อมค้อม “ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากให้เจ้าช่วย”
เจียงซื่อรีบตอบ “เสด็จพ่อบัญชามาได้เลยเพคะ ลูกจะทำอย่างสุดความสามารถเพคะ”
“คนที่ถูกส่งไปที่อูเหมียวกลับมาแล้ว”
เจียงซื่อเปรยตาขึ้นมองจิ่งหมิงฮ่องเต้
ในวินาทีนั้น นางเดาไม่ออกว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้กำลังจะบอกอะไร
ฮ่องเต้แถลงไขถึงเป้าประสงค์ “คนพวกนั้นอยู่ที่อูเหมียวนานหลายเดือน ข้าเป็นห่วงว่าคนพวกนั้นอาจถูกคนอูเหมียวเล่นงานโดยไม่รู้ตัว ข้าเลยอยากให้เจ้าช่วยตรวจสอบดูหน่อยว่ามีใครถูกหนอนพิษกู่ควบคุมอยู่หรือไม่…”
เจียงซื่อเผยสีหน้าลำบากใจ
“สะใภ้เจ็ด มีเรื่องหนักใจอะไรก็บอกมาตรงๆ เถิด”
“หม่อมฉันกลัวว่าจะมีตกหล่นไปบ้างเพคะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยกมือปราม “การพบความผิดปกติย่อมเป็นเรื่องดี แต่ต่อให้มีตกหล่นไปบ้างก็คงโทษเจ้าไม่ได้ สะใภ้เจ็ด เจ้าวางใจได้ ข้ามิได้ไร้เหตุผลปานนั้น”
ครั้นได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวเช่นนั้น เจียงซื่อก็ผุดยิ้ม “เช่นนั้นหม่อมฉันจะลองดูเพคะ”
ของแบบนี้ นางมิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทน แต่ก็ไม่ต้องการหาเรื่องใส่ตัวเช่นกัน ฉะนั้นการเกริ่นปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน หันหราน ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์จิ่นหลินก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านสำหรับบรรดาผู้ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่ดินแดนใต้ แน่นอนว่าเป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะหน่วยองครักษ์จิ่นหลินและข้าราชการในหน่วยงานหงหลูซื่อ
หญิงรับใช้ตาใสใบหน้าแฉล้มปะปนอยู่ในกลุ่มนางกำนัล นางเดินผ่านทุกผู้ทุกคนในงานเลี้ยง
หันหรานอดชำเลืองมองด้วยหางตาไม่ได้ เขาคิดในใจว่า พระชายาเยี่ยนอ๋องปลอมตัวเป็นหญิงรับใช้ได้แนบเนียนยิ่งหนัก หวังว่างานเลี้ยงเล็กๆ นี้จะจบลงอย่างสงบ อย่าได้มีเหตุร้ายใดๆ เลย
แม้ว่างานเลี้ยงคราวนี้จะจัดขึ้นสำหรับเหล่าข้าราชการที่ต้องรักษาหน้าตาของตัวเองอยู่เป็นนิตย์ แต่หันหรานก็เข้าใจดีว่า หากน้ำเมาเข้าปากบุรุษพวกนี้เมื่อใด เขาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที
ดูเหมือนว่ากลัวสิ่งใด สิ่งนั้นก็มักจะเกิดขึ้น เจียงซื่อในชุดหญิงรับใช้เดินถือถาดผ่านใครบางคน คนผู้นั้นยื่นมือมาหานาง ทว่าไม่ได้หยิบจอกเหล้า แต่กลับทำท่าจะลูบมือนวลเนียนของนาง
เจียงซื่อชักมือหลบ ยกจอกเหล้าสาดใส่หน้าคนผู้นั้น
หันหราน “…”