บ้านเมืองวุ่นวายจริงหนอ โจรผู้ร้ายไม่หมดสิ้น
เจ้าเมืองโจวฉุกคิดได้
“โจรอะไร? ที่ไหนรายงานมา?” เขารีบเอ่ยถาม
แม่ทัพใหญ่เผิงสีหน้าประหลาดอยู่บ้าง
“โจรอะไรไม่ทราบ” เขาเอ่ย “โจรคนหนึ่งที่โชคดีกลิ้งตกหน้าผาแล้วไม่ตายคนหนึ่งบอกว่าโจรที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งปล้นสังหารพวกเขา”
โจรบอกว่าโจรปล้นสังหาร
เจ้าเมืองโจวตะลึง
ก็ไม่ใช่ไม่มี ผู้ร้ายจัดการกันเองก็มากไป
“เป็นโจรแบบไหน?” เขาเคร่งเครียดอยู่บ้างมองไปทางนอกประตูเมือง เงาร่างคณะเดินทางของคุณหนุจวินมองไม่เห็นนานแล้ว
แม่ทัพใหญ่เผิงส่ายศีรษะ
โจรคนนั้นบาดเจ็บหนักเกินไป พูดได้แค่เรื่องนี้ก็ตายเสียแล้ว” เขาเอ่ยพลางลูบศีรษะ “แต่คุณหนูจวินคงไม่โชคร้ายปานนั้นพบเข้ากระมัง”
พูดจบเห็นเจ้าเมืองโจวถลึงตาใส่เขาก็ยักไหล่อีก
“บางทีอาจไม่มีโจรพวกนี้เลยก็ได้ เป็นเจ้าหมอนั่นใกล้ตายกลัวจนเลอะเลือนพูดเหลวไหล” เขารีบเอ่ยอีก
บนประตูเมืองเจ้าเมืองโจวกับแม่ทัพใหญ่เผิงมองส่งคุณหนูจวินเดินทางออกไปไกล ข้างทางนอกประตูเมืององครักษ์เสื้อแพรหลายคนก็มองส่งคุณหนูจวินเช่นกัน
“ไม่ได้พบใต้เท้าจินนานแล้ว” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งเอ่ย คิ้วขมวดเล็กน้อย “หรือกลับไปแล้ว?”
“จะถามคุณหนูจวินคนนี้หน่อยหรือไม่?” อีกคนเอ่ย
คนที่เป็นหัวหน้าส่ายศีรษะ
“ใต้เท้าเพียงให้พวกเราช่วยงานครั้งหนึ่ง ที่เหลือไม่ได้สั่ง นอกจากนี้ไม่อนุญาตให้พวกเราถามเรื่องของคุณหนูจวิน” เขาเอ่ย
เขาพูดคำนี้ก็ชักม้าเลี้ยว
“อย่างไรก็เชื่อฟังคำสั่งของใต้เท้าลู่ก่อน ค้นหาร่องรอยของบุตรชายเฉิงกั๋วกงสำคัญเร่งด่วน”
……………………………………….
ท้องถนนกลางวันแสกๆ ว่างเปล่าไม่มีคน หมู่บ้านประปรายไม่ไกลออกไปก็ไม่มีผู้คนควันไฟสักนิด ในช่วงหนาวจัดดูไปแล้วเปล่าเปลี่ยวเป็นพิเศษ
ในร่องธารข้างทางคนผู้หนึ่งยื่นตัวออกมาช้าๆ สอดส่องรอบด้านอย่างระมัดระวัง ยังไม่ทันมองได้สองทีก็ถูกคนผู้หนึ่งตบฝ่ามือบนศีรษะ
“ดูสภาพปวกเปียกนั่นของเจ้าสิ!”
เสียงตวาดฆ้องแตกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“มีอะไรน่ากลัวเล่า? พวกเราเป็นโจร ไม่ใช่เป็นผีนะ”
เป็นโจรที่จริงก็ไม่เห็นน่าภาคภูมิใจไหม
คนที่ถูกตีหดหัวโอดครวญในใจแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมาจากนั้นหลีกทางมองชายฉกรรจ์กำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังร่าง
ชายฉกรรจ์คนนี้อายุสามสิบกว่าปี บนหน้ามีรอยแผลเป็นจากดาบเส้นหนึ่งทำให้เขายิ่งดุร้าย เขากำขวานสองเล่มข้างเอวไว้
เมื่อเขากระโดดขึ้นถนนใหญ่ ยี่สิบสามสิบคนหลังร่างก็กระโจนพรึบพรึบขึ้นมาจากร่องธารทั้งหมด แต่ละคนๆล้วนสีหน้าชั่วร้าย
“ทุกคนล้วนบอกว่าในเมืองชิ่งหยวนนี่ยังรุ่งเรืองเช่นเดิม” บุรุษแผลเป็นดาบมองด้านหน้า ในดวงตาวิบวับละโมบ “ดูไปแล้วผู้คนน้อยนิด แต่กลับไม่มีบรรยากาศเปล่าเปลี่ยวจริงๆ”
เขาพูดพลางถูฝ่ามือ
“พี่น้องทั้งหลาย พวกเราจะได้ผ่านฤดูหนาวอย่างอิ่มหมีพีมันกันแล้ว”
เหล่าบุรุษหลังร่างทยอยโห่ร้องเสียงประหลาด
บุรุษที่นำทางก่อนหน้านี้สีหน้ายังคงขลาดกลัวเช่นเดิม
“พี่เตา ในเขตเมืองชิ่งหยวนแห่งนี้น่ะเล่ากันว่ามีโจรกลุ่มที่มุ่งสังหารเฉพาะโจร” เขาเอ่ยเสียงเบา “โจรคนอื่นไม่ถูกสังหารตายก็หนีไปแล้ว”
พี่เตาได้ยินก็แค่นเสียง
“โจรที่มุ่งฆ่าเฉพาะโจรอะไร” เขาเอ่ย “ก็แค่ผู้ร้ายจัดการกันเองเท่านั้น”
เขาพูดพลางเหวี่ยงขวานคู่ในมือ
“ข้าไม่กลัวแล้วก็ไม่สนด้วยว่าเขาเป็นโจรหรือชาวบ้านคนดี พบข้าก็ต้องตาย”
เหล่าบุรุษหลังร่างพากันยกขวานโห่ร้องด้วย
“ไปไป หาแกะตัวอ้วน ออกเจๆ” พี่เตาเอ่ย ก้าวเท้านำไปก่อน
ผู้คนรีบติดตามไปอย่างกระตือรือร้น
เดินไปตามทางยิ่งเบิกบานใจ ถึงขั้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพบประตูใหญ่ที่ลงกลอนไว้ ด้านในยังมีไก่ที่เลี้ยงอยู่ในเล้า
นี่บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เพียงแค่ออกไปข้างนอกหลบซ่อนชั่วคราว ระหว่างกลางยังจะกลับมาตรวจตราดู
“เมืองชิ่งหยวนนี่ใช้ชีวิตกันไม่เลวจริงๆ” บุรุษแผลเป็นดาบตะโกน “เปลี่ยนเป็นสถานที่อื่นที่ไหนยังมีอารมณ์นี้”
พูดจบขวานเล่มหนึ่งก็ฟันประตูไม้เปิด
พวกผู้ชายรุมแห่เข้าไป ค้นเรือนแห่งนี้วุ่นวายพักหนึ่ง น่าเสียดายก็แต่ค้นไม่พบเงินหรืออาหาร
กวาดหมู่บ้านแห่งหนึ่งจนปรุไม่ได้ลาภอันใด ท้ายที่สุดได้แต่แขวนไก่สิบกว่าตัวไว้บนร่าง
“นี่เป็นลางดี” บุรุษแผลเป็นดาบเอ่ย “หมู่บ้านเปล่าแห่งหนึ่งก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว พวกเราต้องพบแกะอ้วนอย่างรวดเร็วยิ่งแน่”
ผู้คนล้วนฮึกเหิมยินดี มีเพียงบุรุษที่นำทางคนนั้นสีหน้าวิตก มักจะมองรอบด้านอย่างระวังเสมอ
“โจรที่เจ้าว่าร้ายกาจนั่นไม่ใช่ล้วนเป็นเรื่องเล่าหรือ?” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบากับเขา “ไม่เห็นพบใครเลย เจ้าอย่าขัดความสนุกของพี่ใหญ่เลย พี่ใหญ่ไม่ใช่คนอารมณ์ดีหรอกนะ ระวังเขาฟันแล้วจับต้มกินเอา”
เพราะโจรที่ได้เห็นคนกลุ่มนั้นล้วนตายแล้ว
ริมฝีปากบุรุษที่นำทางสั่นไหว มองบุรุษแผลเป็นดาบเบื้องหน้า คิดถึงภาพที่บังเอิญเห็นพวกเขากินเนื้อมนุษย์สีหน้าก็ซีดขาวอย่างห้ามไม่ได้ กลืนคำพูดที่ริมฝีปากลงไป เค้นรอยยิ้มชูดาบผุๆ ในมือ ร้องตะโกนตามไปด้วย
คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งเฮออกจากหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบกลุ่มหนึ่ง บนถนนใหญ่คนม้าขบวนหนึ่งกำลังมุ่งมา
พวกพี่เตารีบหยุดเท้า คนม้าขบวนนั้นก็รีบรั้งม้าคล้ายกลับถูกทำให้ตกใจสะดุ้งโหยงเหมือนกัน
นี่เป็นคณะเดินทางสิบเอ็ดคน ส่วนใหญ่เป็นบุรุษผอมแกร็นอายุสามสิบสี่สิบปี บนหลังม้าถุงตุงๆ คล้ายบรรทุกคลุมอะไรมา นอกจากนี้ในคนกลุ่มนี้ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งด้วย
ดวงตาของคณะของพี่เตาพลันเปล่งประกายทันที ใบหน้าเผยความตื่นเต้นยินดี
“แกะอ้วน!” พวกเขาร้อง
“โจร!” ในเวลาเดียวกันอีกฝ่ายก็ร้องเช่นกัน
สายตาพวกเขาคล้ายจะเปล่งประกายวูบหนึ่งด้วย สีหน้าตื่นเต้นยินดีเช่นกัน
ตื่นเต้นยินดี? ไม่ถูกต้องกระมัง
พวกพี่เตาในใจตะลึง ควรตื่นกลัวสิ
ไม่ผิดต้องตื่นกลัวแน่
“พี่น้องทั้งหลาย” เจ้าแผลเป็นดาบสะบัดดาบในมือ
เจ้าแผลเป็นดาบไม่เหมือนโจรกลุ่มอื่น ตลอดมาไม่เคยพูดวลีข่มขู่ทางเส้นนี้ข้าบุกเบิกอะไรพวกนั้น
โจรไหม สังหารคนปล้นชิงตรงๆ ก็ได้แล้ว ไม่ใช่เล่นละครแสดงฝีมือขายศิลปะสักหน่อย พูดคำพูดสิ้นเปลืองพวกนั้นทำอะไร
“ลงมือ”
เจ้าแผลเป็นดาบอ้าปาก กลับพบว่ามีเสียงเอ่ยอกมาก่อนหน้าเขา
บรรดาพี่น้องของตนหรือ?
ไม่ใช่ นี่เป็นเสียงสตรีคนหนึ่ง
ทำไมเป็นเสียงสตรีได้? ฟังผิดรึ?
ความคิดของเขาแล่นผ่านก็เห็นคนฝั่งตรงข้ามกระทุ้งท้องม้า ม้ายกขาขึ้นทันที
คิดหนีรึ?
ฝันหวานไปเถอะ คิดว่าพวกเราไม่มีหนทางรึ? พวกเราเป็นกองโจรอาชามานานปีเขียวนะ!
เจ้าแผลเป็นดาบยิ้มหยัน ไม่ทันรู้ตัวคลำเชือกรัดม้าข้างเอว แต่นาทีต่อมาก็ค้นพบว่าคนเหล่านี้ไม่ได้จะหนี แต่พุ่งมาหาพวกเขา ในเวลาเดียวกันก็ประหนึ่งเล่นกล ชักหอกยาวเล่มหนึ่งออกมาจากบนหลังม้า
แม่เจ้า!
เจ้าแผลเป็นดาบดวงตาเบิกกลม ความคิดยังไม่ทันหมุน หอกยาวก็มาถึงตรงหน้าแล้ว โชคดีที่เขาสั่งสมความสามารถประสบการณ์มานานปีจึงยกขวานขึ้นขวาง
เสียงเคร้งดังขึ้นทีหนึ่ง หอกยาววาบวับปะทะกับขวานเกิดประกายไฟ
เจ้าแผลเป็นดาบง่ามนิ้วชาหนึบ ขวานหวิดร่วงลงกับพื้น คนโซเซถอยหลัง ดีเลวก็หนีพ้นแล้ว
แต่คนที่เหลือไม่ได้โชคดีเช่นนี้อย่างเขา ข้างหูเสียงกรีดร้องเสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้น
เจ้าแผลเป็นดาบรู้สึกเพียงขนหัวลุก บุรุษเหล่านี้ขี่ม้าพุ่งเข้ามาตรงหน้าพวกเขา ในมือล้วนมีหอกยาวเสียบพี่น้องทั้งหลายของเขากับพื้นประหนึ่งแทงปลา
ชั่วพริบตาคนยี่สิบสี่คนก็ถูกปักติดพื้นไปเจ็ดแปดคนแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็ถูกม้าเตะล้ม กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น
เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่ขาด
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“เป็นพวกเขา!”
หลังร่างเสียงแหลมของบุรุษลอยมา
“พวกเขานี่เอง! พวกเขาก็คือคนที่สังหารโจรพวกนั้น!”
ไม่ใช่กระมัง มีคนกลุ่มนี้จริงๆ รึ?
นอกจากนี้ยังโชคร้ายปานนี้ถูกพวกเขาพบเข้าอีก?
เจ้าแผลเป็นดาบในใจร้องวุ่นวาย
สู้ไม่ได้ก็หนี นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้เจ้าแผลเป็นดาบโชคดีมีชีวิตรอดมานานปีเช่นนี้
“สู้แลกชีวิตกับพวกเขา” เขาตะโกนเสียงดัง ขวานในมือฟันเข้าใส่คนกับม้าตรงหน้า ดูคล้ายโจมตีแต่หมุนตัววิ่งไปยังหมู่บ้านข้างหลัง
ขอแค่วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านนั้น เขาก็มีโอกาสไม่ถูกคนเหล่านี้จับได้
แต่เพิ่งวิ่งไปได้สามสี่ก้าว หอกยาวเล่มหนึ่งก็พุ่งทะลุตัวเขาจากด้านหลัง
เจ้าแผลเป็นดาบค่อยๆ ล้มคว่ำไปที่พื้นนิ่งไม่ขยับ
โชคร้าย เขาเพิ่งปล้นไก่ได้ตัวเดียวเท่านั้น
เสียงกรีดร้องค่อยๆ เงียบลงแล้ว บุรุษที่ขี่อยู่บนม้าเหล่านี้ยกมือขึ้นเอามือลงก็มีโจรคนหนึ่งถูกเกี่ยวชีวิตไป
บุรุษที่นำทางมองเห็นเคียวมาถึงตรงหน้า พริบตาเดียวถึงกับลืมเลือนความหวาดกลัว ปลายหางตามองไปด้านหลังคนกับม้านี่
บนถนนใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยังนั่งสง่าอยู่บนหลังม้า ใบหน้าของนางงามละมุนสีหน้าอ่อนโยน คล้ายชื่นชมทิวทัศน์เหมันต์ฤดูอันงดงามอยู่
แต่เขากลับจำได้ว่าเสียงที่สั่งให้ลงมือนั่น เป็นเสียงของสตรี
เสียงสตรีอ่อนหวานเสียงนั้นเองทำให้พวกเขากลายเป็นลูกแกะถูกเชือด
ที่แท้หัวหน้าของโจรกลุ่มนี้ก็คือผู้หญิงคนหนึ่งรึ
เขามองเห็นแล้ว เขารู้แล้ว แต่เขาต้องตายแล้ว
เสียงฉึบทีหนึ่ง คมเคียวฟันผ่านลำคอของเขา
บุรุษคนสุดท้ายล้มลงบนพื้นชักกระตุกไม่กี่ทีก็ไม่ขยับแล้ว
บนถนนใหญ่ฟื้นกลับมาสงบเงียบ
“จบงาน” คุณหนูจวินเอ่ย ม้าก้าวข้ามศพคนตายบนพื้น ย่ำรอยเลือดก้าวมั่นคงไปข้างหน้า
เหล่าบุรุษยัดหอกยาวและเคียวกลับไปบนหลังม้าใหม่อีกครั้งปกปิดไว้แล้วควบม้าติดตามไป