EP 561
By loop
หลังจากมอบหมายงานให้กับแพทย์ที่พึงตามมาอีกสองคนซึ่งเป็นภารงานที่สำคัญน้อยกว่าแพทย์หลักที่จพต้องทำงานเข้ากะในวันนี้ แล้วหลิงรัน ก็กลับไปที่ห้องผ่าตัดทันทีและเริ่มเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด
แพทย์จากแผนกศัลยกรรมทั่วไปที่มาขอคำปรึกษาก็ล้างมือเพื่อเข้าช่วยเหลือการผ่าตัดครั้งนี้เช่นกัน
แผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นไม่เคยมีแผนกไหนที่จะมากล้ายุ่งกับแผนนี้อย่างแน่นอน การผ่าตัดเช่นการตัดม้ามมักจะทำในห้องผ่าตัดของแผนกฉุกเฉิน ในทางกลับกันยังเป็นเพราะการผ่าตัดจำนวนมากในแผนกศัลยกรรมทั่วไปทำให้พวกเขาไม่สามารถทำให้ศัลยแพทย์เลือกเคสที่เฉพาะเจาะจงไมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พยายามที่จะอ้างสิทธิ์เฉพาะในการผ่าตัดเช่นการผ่าตัดม้ามในครั้งนี้
ปัจจุบันแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลหยุนหัวได้รับผู้ป่วยเข้ามาตามประกันสุขภาพของภาครัฐ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ ประกันสุขภาพของเมืองจะไม่รับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลหรือไหม
เพราะการรับเคสเหล่านี้เข้ามาไม่ได้เป็นประโยชน์กับแพทย์รุ่นใหม่ๆเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ที่ทำงานในแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลหยุนหัว หากพวกเขาต้องการสำรวจการผ้าตัดม้ามพวกเขายังคงต้องวิ่งไปที่แผนกฉุกเฉิน
“เขารายงานว่าตอนนี้ผู้ป่วยเสียเลือด 34 ออนซ์เมื่อเข้ารับการรักษาตอนนี้ความดันโลหิตอยู่ที่ 90 และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 110 … ” เมื่อวิสัญญีแพทย์เห็นว่าแพทย์ประจำในครั้งนี้มาจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปเขาไม่แม้แต่กระพริบตา เขาสรุปรายงานด้วยคำพูดเพียงเท่านั้น”
“ม้ามและตับของผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บฉันคิดว่าเขาอาจอยู่นาสภาวะสูญเสียเลือดที่รุนแรงขึ้นถ้าเราทำการผ่าตัดส่องกล้อง” หลิงหรันเองไม่ได้แสดงสีหน้าที่กังวลออกมาเลย
ตอนนี้ประสบการณ์ของเขาเมื่อต้องจัดการกับช่องท้องได้ก้าวกระโดด นอกเหนือจากทักษะการตรวจร่างกายระดับปรมาจารย์ที่เขาเพิ่งได้รับมาการตัดสินของหลิงหรันจะต้องแม่นยำเกือบ 100% เมื่อเขาต้องเผชิญกับผู้ป่วยฉุกเฉินเช่นนี้
ท้ายที่สุดตอนนี้เขาจัดการกับอาการบาดเจ็บเป็นหลัก ถ้าตับถุงน้ำดีตับอ่อนและม้ามอยู่ในสภาพดีก็จะอยู่ในสภาพดี ถ้าพวกมันได้รับบาดเจ็บพวกมันจะอยู่ในสภาพที่ไม่ดี …
“ผู้ป่วยน่าจะมีอาการกลีบตับด้านซ้ายฉีก” ก่อนที่หลิงรันจะเปิดช่องท้อง เขาเองก็สามารถบอกได้แล้วว่าอวัยวะส่วนใดของร่างกายเกิดการฉีกขาดและแพทย์หนุ่มจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปก็จ้องเขาด้วยแววตาที่เฉียบคม
วิสัญญีแพทย์มองไปที่หมอหนุ่มอย่างดูถูกและคิดในใจว่า ‘นายไม่เอะอะอะไรเลยเหรอ? หรืออาจเพราะว่าหมอนั้นเองก็ยังขาดประสบการณ์ … ‘
พยาบาลสาวจากแผนกฉุกเฉินเยาะเย้ยวิสัญญีแพทย์และคิดอย่างลับ ๆ ว่า ‘หมอประจำบ้านคนนี้คงจะพึงเคยมาผ่าตัดสินะ?’
“มีดผ่าตัด” หลิงรันเพียงส่งเสียงเบาๆออกมา เขากรีดเปิดแผลโดยตรง
“คีมห้ามเลือด”
“ผ้าก๊อซ.”
“ เหลือดไหลออกมาแล้ว”
เมื่อหลิงหรันเริ่มการผ่าตัดเขาจะหันมาสนใจอย่างมาก
เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครมองมาที่เขาพยายามหาหัวข้อที่จะคุยกับเขาจู่ ๆ ก็ชนเขาหรือล้มลงต่อหน้าเขา
หลิงรันชอบจดจ่ออยู่กับงานของตัวเอง
“ความดันโลหิตของเขาต้องไม่ต่ำเกินไปมันจะทำให้มีเลือดออกหลังการผ่าตัด”
“ให้ความสนใจเมื่อ คุณยกม้ามขึ้นอย่าทำให้ตับอ่อนส่วนล่างได้รับการกระทบกระเทือน”
เมื่อหลิงรันทำการผ่าตัดเขาจำเป็นต้องแจ้งเตือนผู้ช่วยและวิสัญญีแพทย์ของเขาด้วย นี่เป็นวิธีการรักษาฉุกเฉินในการเข้ากะดึกว่ามันควรจะเป็นอย่างไร แพทย์ประจำที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปส่งมาเป็นแพทย์ฝึกหัดและวิสัญญีแพทย์ที่ภาควิชาวิสัญญีวิทยาส่งมาก็เป็นแพทย์ฝึกหัดเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ยังประสบการณ์น้อยมาก จึงมองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไปโดยไม่เอะใจอะไร
ถ้าหลิงรันเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ทั่วไปเขาคงจะเครียดในเวลานี้ นอกจากนี้เขายังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเขาเพื่อให้สามารถเตือนความจำได้ หากผู้ช่วยคนก่อนของเขาทำให้ตับอ่อนของผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บในการผ่าตัดครั้งก่อน เขาจะต้องเตือนผู้ช่วยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นในระหว่างการผ่าตัดครั้งต่อไป หากกรณีดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบางทีการผ่าตัดครั้งนี้อาจเป็นประสบการณ์ของเขาในการผ่าตัดครั้งต่อไป
สำหรับ หลิงรันเขาเข้าใจบทบาทนี้เป็นอย่างดี เขาไม่เพียงแค่เข้าใจรายละเอียดในส่วนของหัวหน้าศัลยแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชิ้นส่วนของผู้ช่วยด้วย ดังนั้นเขาสามารถบอกได้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นผิดหรือไม่โดยขึ้นอยู่กับว่าการกระทำของผู้ช่วยเป็นไปตามมาตรฐานและเขาสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันที
ความแตกต่างในประสิทธิภาพของผู้ช่วยเมื่อพวกเขามีคนนำทางพวกเขามันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
หลิงรันพูดอ้อมๆและแพทย์ประจำจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปก็รู้ทันทีว่านี่จะเป็นการผ่าตัดที่ราบรื่น เมื่อเขาจัดการสิ่งต่างๆเขาก็กังวลน้อยลง เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างสุภาพว่า “หมอหลิงคุณมีประสบการณ์ในผ่าตัดม้ามมากจริงๆมันเหมือนกับการผ่าตัดสาธิตที่ผมสังเกตเห็นในโรงพยาบาลกองทัพปลดปล่อยประชาชนเลย”
การยกตัวอย่างอื่น ๆ เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับศัลยแพทย์ทุกคน แพทย์ประจำบ้านรุ่นน้องเหล่านี้ยังไม่ค่อยเก่งในเรื่องนี้ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเทคนิคของพวกเขาถึงมีข้อบกพร่องเมื่อเขาพยายามที่จะยกตัวอย่างให้กับหลิงรัน
หลิงรันเพียงฮัมเพลงตอบกลับ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หมอประจำบ้านพูด
หมอหลิงตระหนักถึงระดับทักษะของแพทย์ฝึกหัดคนนี้ และแน่นอนเขาไม่ได้คาดหวังว่าหมอประจำบ้านฝึกหัดคนนี้จะสามารถบอกอะไรเขาได้
ในความเป็นจริงการผ่าตัดม้าม ระดับปรมจารย์ของเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศ อันดับของเขาในสาขานั้นจะต่ำกว่าอันดับของเขาเล็กน้อยสำหรับทักษะการผ่าตัดตับระดับปรมาจารย์ โดยรวมแล้วการผ่าตัดม้าม ไม่จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้อะไรมากมายและแพทย์ที่ได้เรียนรู้ทักษะนี้ก็จะสามารถไตร่มาเป็นระดับปรมจารย์ได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าอันดับของหลิงรันจะต่ำ แต่เขาก็ยังอยู่ในอันดับที่ 138 ของทั้งประเทศ การสาธิตโดยแผนกศัลยกรรมทั่วไปจากโรงพยาบาลกองทัพปลดปล่อยประชาชนอาจไม่ถึงระดับนั้น
“ การผ่าตัดม้ามใกล้จะเสร็จแล้วตอนนี้เราจะเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดตับ…” หลิงรันเร็วมาก ในเวลาไม่นานเขาก็เอาม้ามของผู้ป่วยออกมา
ไม่เหมือนกับการผ่าตัดตามกำหนดเวลาที่ต้องมีการเตรียมการมากมายหากการผ่าตัดฉุกเฉินเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วการผ่าตัดอาจเพิ่มอัตราการทนต่อความผิดพลาดภายในการผ่าตัด
การผ่าตัดยิ่งเร็วการเสียเลือดก็จะน้อยลง หากให้เวลาแพทย์ฉุกเฉินคิดนานขึ้นอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยจะสูงขึ้นแน่นอน
ภายในสองถึงสามนาทีหลิงรันได้แสดงให้เห็นถึงตับของผู้ป่วยที่ถูกผ่าออกมา
ในขณะนั้นโจวซินเยียนก็เข้ามาล้างมือสวมถุงมือและเข้ามาช่วย
การผ่าตัดตับนั้นเป็นการผ่าตัดใหญ่ และตามมาตรฐานแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องการผู้ช่วยแพทย์มากนัก
แพทย์ประจำจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปไม่เคยผ่าตัดตับมาก่อน แน่นอนว่าเขาจะกลายเป็นผู้ช่วยคนที่สองแทนที่จะเป็นผู้ช่วยคนแรกหรือแม้แต่แพทย์บางคนก็จะกลายเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้นพราะไม่รู้ว่าเขาจะต้องทำหน้าที่อะไร ในขณะที่เขาจ้องมองการทำงานของหลิงรัน และ โจวซินเยียน
โจวซินเยียนช่วยหลิงรัน โดยใช้ไหมเย็บแผลและเข็ม เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าเมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของแพทย์ประจำบ้านรุ่นน้องคนนั้น
“โจวซินเยียนจบส่วนนี้” หลิงรันคุ้นเคยกับการผ่าตัดตับมามาก เขาทำส่วนหลักเสร็จภายในเวลาไม่เกินสิบนาที
แม้ว่าทักษะของโจวซินเยียนจะอ่อนแอมาก แต่เขาก็สามารถทำมันจนเสร็จสิ้นกระบวนการได้
“คนจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปตามผมไปที่ห้องผ่าตัดข้างๆ” แพทย์ประจำจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปตามมาทันทีหลังจากที่เขาถูกเรียกตัว
“ มีการผ่าตัดผม้ามอีกใช่ไหม” แพทย์ประจำบ้านรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มพูดไม่ต่อเนื่องกันว่า “คราวนี้ผมจะไม่แตะต้องตับอ่อนส่วนคอ”
“ เมื่อกี้นายสัมผัสตับอ่อนส่วนคอหรือเปล่า”
หมอประจำบ้านตกใจกลัว “ ไม่…ไม่…ผมไม่ได้แตะต้องมันเลย…”
“มันไม่เป็นไรหรอกถ้านายสัมผัสมันเบา ๆ “
“ โอ้เมื่อกี้ฉันสัมผัสมันเบา ๆ …”
“ระวังอย่าแตะต้องครั้งต่อไป” หลิงรันหันไปมองหมอประจำบ้าน
หมอประจำบ้านกลืนน้ำลายและรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัว “ ใช่…ผมจะไม่ทำอีกแล้วคราวหน้า ผมจะระวังมันเป็นพิเศษ”
“ผู้ป่วยรายนี้มีอาการม้ามแตกและอัณฑะแตกต้องเอาม้ามออกทั้งหมดเพื่อป้องกันการเสียเลือดมากเกินไปสำหรับลูกอัณฑะเราจะดูว่าเราจะช่วยเขาได้หรือไม่”
แพทย์ประจำบ้านยังคงพยักหน้า
ขณะที่พวกเขาพูดพวกเขาก็รีบเข้าไปที่ห้องผ่าตัด
เจิ้งเป่ยยุ่งมากจนร่างกายเปื้อนเลือด
“เสียเลือดไปเกือบ 1500 ซีซี” เจิ้งเป่ยตอนนี้เขาดูยุ่งมาก เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านมาสี่ปีและสามารถรับงานได้อย่างอิสระ แต่ในปีนี้เขาไม่ค่อยมั่นใจในการจัดการกับผู้ป่วยที่มีภาวะม้ามแตกเช่นนี้
หลิงรันก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขามองไปสองสามวินาทีก่อนที่จะสอดมือเข้าไปในช่องท้องของผู้ป่วยและบีบหัวม้ามก่อนที่จะพูดว่า “เปิดท้องให้กว้างขึ้น”
“ คุณยังต้องการให้มันกว้างขึ้นอีกเหรอ” เจิ้งเป่ยรู้สึกลังเล
“เราอย่พึงมาวินิจฉัยโรคในตอนนี้” หลิงรันมองไปที่ร่างกายส่วนล่างของผู้ป่วยและกล่าวว่า “เราต้องรีบแล้วฉันแน่ใจว่าผู้ป่วยจะไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการที่เราเลือกทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการรักษาลูกอัณฑะของเขา”
“ หึ…เราจะช่วยส่วนลูกอัณฑะได้ไหม” วันนี้พยาบาลผ่าตัดคือซูเหม่ยจู เธอมองมาด้วยความสงสัย
“ ขึ้นอยู่กับโชคของเขา” ขณะที่หลิงรันพูดเขาเริ่มจัดการกับม้าม
“ ราชาขอให้ฉันตระเวนภูเขา…”
โทรศัพท์ของหลิงรันดังขึ้น
“ช่วยรับโทรศัพท์ที”
เป็นเรื่องธรรมดาที่หลิงรันไม่สามารถสัมผัสโทรศัพท์ของเขาได้ ซูเหม่ยจูเองก็มีความสุขมากจนหัวใจของเธอแทบจะกระโดดออกจากอก เธอรีบมองหาโทรศัพท์จากกระเป๋าของหลิงรันก่อนที่เธอจะวางโทรศัพท์ไว้ใกล้หูของหลิงรัน
“สวัสดี…”
“โอเคแค่พาเขามาได้เลยไม่ต้องถามแพทย์คนอื่น ฉันจะทำการรักษาเอง” หลิงรันพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ซูเหม่ยจูเพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าเธอสามารถวางสายได้
หลิงรันยังคงมองลงไปและทำการผ่าตัด
เมื่อตัดม้ามเสร็จแล้วหลิงหรันก็เงยหน้าขึ้นมองหมอประจำจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปและเจิ้งเป่ย เขากล่าวว่า “มีอุบัติเหตุอีกสามคนสองคนบาดเจ็บสาหัสส่วนอีกคนบาดเจ็บเล็กน้อยพวกเขาจะถึงในไม่กี่นาที”
“ เราไม่…ต้องเรียกหาหมอคนอื่นเหรอ?” เจิ้งเป่ยไม่มั่นใจในเรื่องนี้
หลิงรันพยักหน้า“ การผ่าตัดนี้จะเสร็จในอีกไม่กี่นาทีทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพของลูกอัณฑะของผู้ป่วยหากเราสามารถช่วยชีวิตได้เราจะรักษาสภาพของผู้ป่วยฉุกเฉินให้อยู่อาการคงที่ก่อน…”
ขณะที่หลิงรันพูดเขาปล่อยให้เจิ้งเป่ยห่อม้าม จากนั้นเขาก็ดูที่ลูกอัณฑะของผู้ป่วย
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหลิงรัน ก็ได้ตัดสิน “พวกมันไม่สามารถเก็บรักษามันไว้ได้ทั้งหมด ตอนนี้เราจะต้องตัดบางส่วนออกทันที”