บทที่ 645 แม่น้ำที่ห่างไกลไม่มีทางแก้ปัญหาความแห้งแล้งในที่กันดาร

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 645 แม่น้ำที่ห่างไกลไม่มีทางแก้ปัญหาความแห้งแล้งในที่กันดาร

บทที่ 645 แม่น้ำที่ห่างไกลไม่มีทางแก้ปัญหาความแห้งแล้งในที่กันดาร

อ๋องเหลียงจ้องมองที่ปิ่นหยก สงสัยว่ามันมีความเป็นมาแบบไหน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ จ้องมองไปที่ร่างของนาง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ขายาวสวยอะไรอย่างนี้!

น่าเสียดายที่ตัวเองอายุมากแล้ว ถ้าเขาเจอนางตอนที่เขายังหนุ่มแน่น เขาคงจะหาทางสนุกกับนางแน่นอน แม้ว่าเขาจะต้องใช้อำนาจและความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะในทางที่ผิดก็ตาม…

ในที่สุดเจียงลั่วฝูก็ผ่อนคลายลง เมื่อนางเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยอมถอยกันแล้ว มีผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ด้านหนึ่ง ในขณะที่อีกด้านมีกองทัพผ้าคลุมสีชาดซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งของอ๋องฉู่สามพันคน หากทั้งสองฝ่ายทุ่มเทกำลังจนหมดหน้าตัก หายนะครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับเมืองจันทร์กระจ่างอย่างไม่ต้องสงสัย

เจียงลั่วฝูหันไปมองฉู่จงเทียน “ท่านอ๋องฉู่ ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงเรียกระดมพลกองทัพเช่นนี้?”

ฉู่จงเทียนพ่นลมหายใจ “อาจารย์ใหญ่เจียง ต้องไปถามเขามากกว่า!”

อ๋องเหลียงร่อนลงมาจากกลางอากาศทันทีที่เขาได้ยิน เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ตระกูลฉู่พยายามช่วยเหลืออาชญากรทั้งยังพยายามจะฆ่าข้า!”

ฉินหว่านหรูทุบกลองศึกอย่างแรงด้วยความโกรธ “แม้ชื่อเสียงของพวกเราจะต้องพังทลาย แต่มันก็คุ้มค่าหากคนอย่างเจ้าหายไปจากโลกนี้!”

อ๋องเหลียงสะดุ้ง เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

เจียงลั่วฝูกล่าวอย่างเร่งรีบ “ข้าได้ยินเกี่ยวกับเหตุผลที่อ๋องเหลียงมาที่นี่เช่นกัน ข้าไม่สามารถตำหนิตระกูลฉู่ที่ไม่ยอมรับเหตุผลของท่านได้ ซูอันอาศัยอยู่ที่เมืองจันทร์กระจ่างมาตลอดทั้งชีวิต เขาจะขโมยสิ่งของขององค์จักรพรรดิไปได้อย่างไร?”

เซี่ยอี้พูดแทรกขึ้น “อันที่จริง ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน”

เปลือกตาของอ๋องเหลียงกระตุก แม้แต่เซี่ยอี้ก็ยังเลือกที่จะพูดเข้าข้างตระกูลฉู่ สถาบันจันทร์กระจ่าง ตระกูลฉู่และเจ้าเมืองต่างเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองจันทร์กระจ่าง การที่พวกเขาทั้งสามยืนอยู่เคียงข้างกันทำให้สถานการณ์ยากต่อการจัดการ

เขาทำได้เพียงพูดว่า “ขอเอ่ยตามตรง แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าซูอันขโมยอะไรไปจากจักรพรรดิ”

ทั้งฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูต่างจ้องมองที่อ๋องเหลียงอย่างพูดไม่ออก เช่นเดียวกับเจียงลั่วฝูและเซี่ยอี้

แม้แต่หลิวเหย่าเองก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

แล้วคำพูดที่เจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้มันคืออะไร? เจ้าแค่พูดพล่ามไปเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นน่ะเหรอ?

เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของทุกคน อ๋องเหลียงจึงรีบกล่าว “แต่แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาขโมยอะไรจากองค์จักรพรรดิ แต่คำสั่งจากเบื้องบนเป็นเรื่องจริง ฝ่าบาทได้มอบหมายให้ข้าทำภารกิจนี้ด้วยตัวของพระองค์เอง”

คนที่เหลือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่อ๋องเหลียงจะโกหกโดยการอ้างชื่อองค์จักรพรรดิ!

ในขณะนั้น ดูเหมือนอ๋องเหลียงจะจำบางสิ่งได้ เขาชี้ไปที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรสิบคนแล้วกล่าวว่า “หากต้องการถามรายละเอียดมากกว่านี้ พวกท่านควรถามจากพวกเขาซะมากกว่า พวกเขาทุกคนได้รับคำสั่งให้จับตัวซูอันมาจากองค์จักรพรรดิโดยตรง”

ตระกูลฉู่หันไปมองทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสิบคนที่กำลังยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น

“ทูตยุทธ์เสื้อแพร…” ฉู่จงเทียนและคนอื่น ๆ จำเครื่องแบบของทั้งสิบคนนี้ได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของพวกเขาบูดเบี้ยวด้วยความหวั่นเกรง

เมื่อกลายเป็นจุดความสนใจของทุกคน ทูตยุทธ์เสื้อแพรที่ยืนหน้าสุดก็พูดอย่างเย็นชาว่า “สิ่งที่ซูอันขโมยไปนั้นเป็นความลับของราชวงศ์ ตระกูลฉู่ต้องส่งมอบตัวเขามา ไม่อย่างนั้นจะถือว่าตั้งใจล่วงเกินองค์จักรพรรดิแห่งต้าโจว”

“ล่วงเกินจักรพรรดิงั้นเหรอ?” ฉู่จงเทียนหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิต้องการให้ตระกูลฉู่หายไป จะเสแสร้งเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”

เซี่ยอี้ตื่นตระหนกเตือนเขาทันทีว่า “พี่ฉู่ ระวังคำพูดด้วย!”

ฉู่จงเทียนพ่นลม “พวกเราถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงขนาดนี้แล้ว ข้าจะระวังคำพูดไปอีกทำไมกัน??”

เห็นได้ชัดว่าฉู๋จงเทียนไม่เชื่อว่าซูอันได้ขโมยสิ่งของของจักรพรรดิ เขาคิดว่า นี่เป็นเพียงข้ออ้างอีกประการหนึ่งที่จักรพรรดิได้สร้างขึ้นเพื่อจัดการกับตระกูลฉู่

ดวงตาของทูตยุทธ์เสื้อแพรหรี่ลง “อ๋องฉู่ ท่านคิดจะขัดขืนพระราชโองการอย่างนั้นเหรอ?”

“ขัดขืนพระราชโองการ?” ฉู่จงเทียนหัวเราะ “ตระกูลฉู่ของเราไม่เคยเอ่ยว่าจะทำเช่นนั้นเลย แต่ถ้าอยากได้ตัวซูอันก็ไปหากันเอาเอง!”

แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ อย่างน้อยที่สุดเขาจะไม่พูดอะไรที่จะนำตระกูลฉู่ไปสู่การล่มสลาย

ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนเดิมโบกมือทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาเดินมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ พร้อมกับทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม กองทัพผ้าคลุมสีชาดยังคงตรึงกำลังขวางอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าว่าจะหลีกทางให้แม้แต่น้อย

เซี่ยอี้ถอนหายใจ ฉู่จงเทียนมักจะทำตัวเหมือนคนซื่อตรงและปฏิบัติตามกฎ แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนฉลาดแกมโกง เขาแสดงออกชัดเจนว่าเขาจะปฏิบัติตาม แต่การกระทำของเขาแทบจะไม่สอดคล้องกับคำพูด

ทูตยุทธ์เสื้อแพรหยุด “ท่านคิดว่าทำเช่นนี้จะหยุดพวกเราได้งั้นเหรอ?”

ฉู่จงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของทูตยุทธ์เสื้อแพรมาก่อน ตระกูลฉู่ของเราจะกล้ามีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร”

ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะหลีกทาง

ความหมายของเขาชัดเจน แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ยังไม่สามารถเข้ามาได้ พวกเจ้าแค่ไม่กี่คนจะทำอะไรได้ ข้าว่าเจ้าถอยกลับไปจะดีกว่า…

อันที่จริง เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย ทุกคนในโลกนี้ดูเหมือนจะหวาดกลัวทูตยุทธ์เสื้อแพร แต่กลุ่มคนอยู่ข้างหน้าเขาล้วนอยู่ในระดับที่ห้าหรือหกเท่านั้น ดูไม่สมกับที่ใคร ๆ หวาดกลัวเลย

แต่ฉู่จงเทียนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถหลบหนีทูตยุทธ์เสื้อแพรได้ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?

เป็นไปได้ไหมว่าราชสำนักมีอำนาจมากจนไม่มีใครกล้าขัดขืน?

ไม่เพียงแต่ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูเท่านั้นที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกือบทุกคนต่างก็สงสัยเช่นกัน ทุกสายตาจับจ้องไปที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสิบ ต่างรอดูว่าพวกเขาจะลงมือทำอะไร

ทันใดนั้น ทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสิบต่างพากันหันไปทางทิศตะวันออกก่อนจะคุกเข่าลงคำนับจนหน้าผากแตะถึงพื้น “เหล่าผู้ใต้บัญชาของพระองค์ขณะนี้พบศัตรูกำลังขวางทาง ขอโปรดฝ่าบาทส่งพระราชโองการมาปราบปรามพวกเขาด้วย!”

ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง จักรพรรดิอยู่ในเมืองหลวง และอยู่ไกลจากที่นี่มาก จักรพรรดิจะได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูดได้อย่างไร? หรือพวกเขาใช้ศิลาส่งข้อความอย่างนั้นเหรอ?

แต่ถึงแม้พวกเขาจะสามารถติดต่อกับจักรพรรดิได้ จะมีประโยชน์อะไร แม่น้ำที่ห่างไกลไม่มีทางแก้ปัญหาความแห้งแล้งในที่กันดาร!

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเหล่าบุคคลที่มีอำนาจมากกว่าเริ่มสั่นไหว พวกเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ร้ายกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น