บทที่ 638 ไม่มีเหตุผล

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ลี่จุนถิงรีบวิ่งออกไปแล้วจับพวกเขาทุ่มลงกับพื้น แต่เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่องค์กรจักรวรรดิอเมริกาใต้มานาน ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง

และเพราะลี่จุนถิงกลัวว่าจะเกิดเสียงดัง ดังนั้นจึงไม่ได้พาคนไปมากเท่าไร แล้วทั้งสองฝ่ายก็เกิดการต่อสู้ขึ้นมาทันที

มีคนคนหนึ่งหยิบมีดออกมาจากกระเป๋า แล้วจ้วงแทงไปที่ชิงโม่ เมื่อลี่จุนถิงเห็น ก็ผลักชิงโม่ออกไปอย่างแรง แต่มือของลี่จุนถิงถูกมีดบาดเข้าได้รับบาดเจ็บ

ชิงโม่หันกลับไปดู ก็ร้องออกมาว่า “ประธานลี่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

“ไม่เป็นไร” ลี่จุนถิงตอบกลับไปสั้นๆ แล้วเตะไปยังคนทางซ้ายที่จะเข้ามาทำร้ายเขา ลี่จุนถิงคว้าไปที่ชายร่างเล็กคนหนึ่ง แล้วดึงกระชากไปที่ผมของเขาอย่างแรง ราวกับดึงคนที่กำลังจะตกลงไปยังหน้าผาแล้วลากมันกลับอย่างไม่คิดชีวิต

และการกระทำนี้ก็ทำให้ข้อศอกของคนคนนั้นวางแมะอยู่ตรงหน้าอกของเขา แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไร เพียงแค่จับไปที่แขนของชายคนนั้น กัดฟันแล้วออกแรงบิดไปที่แขนของเขาอย่างแรง จนข้อต่อหลุด

และคนที่ถือมีดอยู่นั้น ก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้ามา หวังจะแทงไปที่ลี่จุนถิง แต่ลี่จุนถิงพลิกข้อมือ และมีดในมือของชายคนนั้นก็หลุดมือไป กลายเป็นแสงส่องมา แล้วเสียบไปยังขาของคนด้านข้าง ทันใดนั้นคนผู้นั้นก็กรีดร้อง แล้วร่างก็ล้มตึงไปด้านหลัง

ลี่จุนถิงหันกลับไป ชักมีดนั้นออกมา และแทงไปบนแขนขวาของคนที่คิดจะทำร้ายเขาเมื่อครู่ แทงไปพร้อมกับเสื้อที่เขาสวมใส่ แทงจนบาดแผลนั้นทั้งยาวและลึก จนเห็นเนื้อใน เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมา ทำให้เสื้อขาวตัวในนั้นกลายเป็นสีแดง และเสียงกรีดร้องของชายคนนี้ก็ดังก้องไปทั่วทั้งท่าเรือ

ชิงโม่และคนอื่นๆก็จัดการกับคนที่เหลือจนสลบไป เหลือเพียงคนที่ถูกลี่จุนถิงเอามีดเสียบขาคนนั้นที่ยังมีสติอยู่ ชิงโม่ปรบมือ ให้ลูกน้องมัดพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ แล้วพากลับไปยังที่พักของพวกเขาที่อยู่ใกล้ๆนี้

หลังจากที่กลับมา ลี่จุนถิงให้ชิงโม่ขังพวกเขาทั้งห้าหกคนเอาไว้ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง

“หาคนมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาไปก่อน ฉันไม่ใช่พ่อค้าอาวุธ ไม่ได้เข้มงวดและไม่ต้องใช้รุนแรงขนาดนั้น”

ชิงโม่มองไปแวบหนึ่ง แล้วพึมพำในใจว่า “คุณไม่ใช่พ่อค้าอาวุธ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพ่อค้าอาวุธเลย คุณมีมาดนักธุรกิจที่ไหนกัน มีสายอยู่ทั่วโลก และยังเล่นปืนกับมีดเป็น ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อค้าอาวุธเลย แล้วยังใจคอโหดร้ายเหมือนกันอีก ”

“ดูเหมือนนายจะมีปัญหากับคำพูดของฉันนะ คุณหัวหน้าชิง” ลี่จุนถิงเห็นสายตาที่ไม่เข้าใจของชิงโม่ ก็พูดหยอกล้อเขาไป

“อุ๊ย ประธานลี่ของผม อย่าเรียกผมหัวหน้าชิงเลยครับ คุณก็รู้ว่าผมเกลียดชื่อนี้ที่สุด ผมทั้งสูงทั้งหล่อ เหมือนหัวหน้าชิงคนนั้นที่ไหนกัน ทำไมพวกคุณ ……”

“คุณยังจะพูดมากอยู่ตรงนี้อีก รีบไปหาคนมารักษาพวกเขา อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่” ลี่จุนถิงเตะไปที่ชิงโม่ทีหนึ่ง แล้วเร่งให้เขาไปทำงาน

หลังจากที่ชิงโม่ถูกเตะ ก็เดินออกจากอย่างเศร้าสร้อย และยังพูดพึมพำกับตัวเองไปตลอดทาง

“ก็เห็นอยู่ว่านายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน สุดท้ายก็ยังมาโทษฉันว่าฉันพูดมาก ผู้ชายคนนี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ก่อนหน้านั้นบอกว่าตัวเองไม่เข้มงวดไม่ใช้ความรุนแรง หรือว่านายไม่รู้ตัวเลยว่านายเป็นคนยังไงในสายตาคนอื่นกัน นายมันเป็นปีศาจ ……”

เมื่อมาถึงที่คุมขังคนเหล่านั้น ชิงโม่ก็ยังคงพูดไปเรื่อยไม่หยุด คนที่เดินผ่านเขาต่างก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าผู้ช่วยที่เย็นชาไร้น้ำใจนี้จะจู้จี้ขี้บ่นได้ถึงเพียงนี้

ชิงโม่เรียกคนมาสองสามคนทำแผลให้คนเหล่านี้พอเป็นพิธีไปก่อน จากนั้นชิงโม่ก็พาตัวชายที่ถูกมีดแทงที่ขา ไปหาลี่จุนถิง

ลี่จุนถิงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองไปยังทางเกาะร้างนั้น เจียงหยุนเอ๋อ รอผมนะ ผมกำลังจะไปช่วยคุณแล้ว

ตอนที่ชิงโม่เข้ามาก็เห็นลี่จุนถิงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ไฟที่เปิดอยู่ก็มืดสลัวมาก เขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ทำให้รู้สึกลึกลับมากขึ้นไปอีก ลี่จุนถิงที่อยู่ในชุดดำกับแผ่นหลังที่เหยียดตรงดูแล้วสวยงามสบายตายิ่งนัก เขาหันกลับมาอย่างใจเย็น ใบหน้าไม่ได้มีความนิ่งเงียบเหมือนก่อนหน้าแล้ว

ลี่จุนถิงตอนนี้มีอาการตื่นเต้นและดีใจเล็กน้อย

หลังจากเห็นคนที่เดินเข้ามา ใบหน้าของลี่จุนถิงก็นิ่งไป ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ทันทีที่ดวงตาคู่นั้นดำดิ่งก็ทำให้ร่างกายของเขาราวกับมีไอสังหารไหลเวียน ชิงโม่รู้สึกถึงอุณหภูมิรอบตัวลดฮวบลงไปหลายองศา เมฆดำหนาบดบังดวงอาทิตย์

ดวงตาของลี่จุนถิงน่ากลัว ในตอนที่มองไปยังชายคนนั้น แทบไม่มีอากาศหลงเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ

ชิงไม่ได้แต่สวดมนต์ให้คนที่อยู่ข้างๆ

ลี่จุนถิงเดินมายังโซฟาที่อยู่ข้างๆ แล้วนั่งลง หยิบมีดพับสวิสขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วหมุนเล่นมันในมือ ถามราวกับคนใจลอยไปว่า

“รู้ไหมว่าจับนายมาทำไม? เข้าไปในเกาะร้างนั้นต้องมีรหัสลับอะไรไหม หรือต้องแสดงบัตรอะไรหรือเปล่า ”

แต่ชายคนนั้นกลับมองหน้าเขาอย่างหวาดกลัว ชิงโม่ที่อยู่ข้างๆเตะเขาเข้าไปที่หนึ่ง “กำลังถามนายอยู่?”

ชายคนนั้นส่ายหัว “ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังพูดถึงอะไร”

เมื่อลี่จุนถิงได้ยินเขาพูดภาษาอิตาลี ก็ถามเขาเป็นภาษาอิตาลีอย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง

“ประธานลี่ นี่คุณก็พูดภาษาอิตาลีได้ด้วยเหรอ พูดคล่องกว่าผมอีก” ชิงโม่รู้สึกประหลาดใจมาก

ลี่จุนถิงจ้องเขม็งไปที่ชิงโม่แวบหนึ่ง ชิงโม่ก็หุบปากลงทันที แล้วเตะไปที่ชายคนนั้นอีกครั้ง “พูด”

เขารู้สึกขมขื่น คิดว่าแกล้งทำเป็นฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องแล้วจะสามารถหนีพ้นกับการตอบคำถามนี้ได้ แต่แล้วสองคนนี้ก็พูดภาษาอิตาลีได้ และตัวเองก็ยังถูกเตะไปสองที

เขาเงยหน้าขึ้นมองลี่จุนถิง“พวกเราเข้าไปต้องสแกนลายนิ้วมือ หากลายนิ้วมือไม่ได้รับการยืนยันก็จะถูกกำแพงที่ซ่อนอยู่ตรงประตูทับตาย เพราะฉะนั้นในขณะที่เทียบลายนิ้วมือนั้นต้องกระทำการอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษถึงจะผ่านเข้าไปได้ พวกคุณไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน ”

ลี่จุนถิงมีอาการไม่พอใจ ให้ชิงโม่เอาอุปกรณ์ออกมา แล้วพิมพ์ลายนิ้วมือของคนผู้นี้เอาไว้ จากนั้นก็ไปพิมพ์ลายนิ้วมือของคนที่เหลือเหล่านั้นด้วย หากในตอนที่เข้าไป ก็สามารถติดมันลงไปบนนิ้วมือของตัวเองโดยตรง

ลี่จุนถิงก็ยังได้ถามว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง คนคนนี้เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมพูด ชิงโม่ให้คนมาซ้อมเขา และคนคนนี้ก็ทนต่อไปไม่ไหว จนยอมพูดออกมา

หลังจากที่เก็บลายนิ้วมือเสร็จ ลี่จุนถิงก็ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญอีกสองสามคนมา เก็บรายละเอียดตำหนิรูปพรรณสัณฐานหน้าตาของพวกเขาออกมา จากนั้นก็ทำเป็นหนังมนุษย์เทียม เพื่อง่ายต่อการปลอมตัว ไม่ให้เพื่อนของพวกเขาจับความผิดแปลกได้

หลังจากเก็บรายละเอียดเสร็จ ชิงโม่ก็ได้ถามชื่อแซ่ของคนเหล่านี้ และพฤติกรรมนิสัยกับคำถามอีกมากมายที่ตามมา

หลังจากที่คนคนนี้ตอบคำถามไปจนหมด ก็ปวดเศียรเวียนเกล้า แต่ลี่จุนถิงก็ยังถามคำถามเขาเพิ่ม

“หัวหน้าของนายจับผู้หญิงคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน? แล้วศูนย์กลางของฐานทัพนั้นอยู่ที่ไหน ? และรูปแบบการรักษาความปลอดภัยของฐานทัพที่นั่นเป็นยังไง ”

“ฉันไม่รู้ เรารับผิดชอบแค่ส่วนของในครัวเท่านั้น แม้แต่การส่งอาหารก็ยังมีคนอื่นมารับช่วงต่ออีกทีเราไม่ได้มีอำนาจอะไร”

ลี่จุนถิงเองไม่พอใจกับคำตอบของเขาสักเท่าไร