บทที่ 651 ชอบผู้ชายเท่านั้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

เย็นหงกับฮัวหยู่อันมองหน้ากันและกัน จากนั้นก็ไปยืนยันอีกครั้งว่าเจ้าสำนักหู้เสินตายสนิทหรือยัง ถึงได้จากไปอย่างเงียบๆ

หลานเยาเยาที่ปลอมตัวเป็นเจ้าสำนักหู้เสิน อ้างว่ามีทหารนับพันรายจะมากำจัดสำนักหู้เสินให้สิ้นซาก สั่งให้ทุกคนที่อยู่ใต้ภูเขากลับไปซ่อนตัวบนภูเขา และประชาชนที่ถูกจับตัวมาให้จับขังรวมกันไว้ชั่วคราว

สองข้อนี้ไม่มีคนคัดค้าน

แต่เมื่อพูดเรื่องที่จะไปจวนตระกูลเซียวเพื่อที่จะไปจับกุมคนในจวน ผู้อาวุโสหลายคนที่มีสิทธิ์มีเสียงก็คัดค้านอย่างหนัก ให้ทำลายล้างคนตระกูลเซียวให้ราบคาบ ก็ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลนั่งรอให้พวกเขากลับมาฆ่า

หลานเยาเยาเพื่อไม่อยากให้พวกเขามองเห็นพิรุธ เลยไม่ได้สั่งห้ามการโจมตีจวนตระกูลเซียว แต่ได้เน้นย้ำไปหนึ่งข้อ ต้องจับเป็นเท่านั้น เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่ได้คัดค้าน

หลังจากมีคำสั่งลงไป

หลานเยาเยากับพวกเย็นหงเจอกันตามนัดหมาย จากนั้นก็จัดการกับร่างของเจ้าสำนักหู้เสิน อีกทั้งยังวางยาสุราที่อยู่ในสำนักมากมาย ยังให้เย็นหงติดตั้งกับดักไว้หลายรูปแบบ

ในระหว่างนั้น ส้งเย่นกุยก็ได้จัดการฆ่าผู้อาวุโสที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศหลายคน

สำนักหู้เสินก็โกลาหลมาทันที

หาตัวเจ้าสำนักไม่เจอ ทำได้เพียงไปหาผู้อาวุโสที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ผู้อาวุโสที่ยังมีชีวิตอยู่เห็นผู้อาวุโสที่ยังคงพูดคุยกันอยู่ก่อนนี้ หลายคนถูกฆ่าตายในพริบตา และก็ไม่เห็นเจ้าสำนักอีกเลย คาดว่าเขาก็ถูกลอบสังหารเหมือนผู้อาวุโสที่ตายไปแล้ว

ผู้อาวุโสที่หลงเหลืออยู่เดิมก็มีความคิดที่ไม่ภักดี อยากที่จะแยกตัวจากสำนักหู้เสินนานแล้ว เพื่อตั้งสำนักของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้!

สำนักหู้เสินจึงวุ่นวายอย่างมาก

จึงใช้โอกาสนี้ไปจากสำนักหู้เสิน

……

พาพวกส้งเย่นกุยลงเขาอย่างเร่งด่วน เพื่อไปที่จวนตระกูลเซียว

ตอนที่พวกเขามาถึง สำนักหู้เสินได้ล้อมจวนตระกูลเซียวเหมือนถังเหล็ก ข้างในกำลังต่อสู้กันอย่างโหดร้าย เสียงอาวุธที่ต่อสู้กัน ดังเข้ามาในหูอย่างไม่สิ้นสุด

เมื่อเห็นเช่นนี้

หลานเยาเยาก็กล่าวกับส้งเย่นกุยทันที

“อาส้ง เจ้ารีบไปปลอมตัวเป็นคนของสำนักหู้เสิน ไปบอกพวกเขา สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ให้พวกเขารีบถอนกำลังคนกลับไปบนเขา”

“ได้!” ศิษย์ของสำนักหู้เสินส่งเสียงข่มขู่เหมือนกับว่าเก่งมากไม่นานนัก ส้งเย่นกุยก็สวมชุดของสำนักหู้เสิน ปลอมตัวเป็นคนของสำนักหู้เสิน เดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังบ้าคลั่ง ไม่นานก็เข้าไปข้างในจวนตระกูลเซียว

คนกลุ่มนั้นของสำนักหู้เสิน เหมือนกับว่าได้กินยาที่ทำให้คนคลุ้งคลั่ง แต่ละคนบุกเข้าไปข้างในโดยไม่คิดชีวิต

ทางที่เข้าไปในจวนตระกูลเซียว ล้วนใช้ชีวิตคนในการเปิดทาง

ต่อให้ส้งเย่นกุยเข้าไปแล้ว ยังสามารถด้านนอกด้านในตีขนาบประสานงานกับนาง ต่อให้ส้งเย่นกุยจะเก่งมากพอ แต่เมื่ออยู่ในกองกำลังที่มากมายของสำนักหู้เสิน

อยากจะช่วยคนออกมาให้ครบจำนวน เป็นเรื่องที่ยากพอๆกับขึ้นสวรรค์

ไม่เพียงแต่จะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย มีความเป็นได้ว่าตัวเองอาจจะตายได้

แต่ถึงอย่างนั้น หลานเยาเยาก็ต้องทำเช่นนี้

อย่างไรเสีย!

สาเหตุของเรื่องเกิดขึ้นจากการมาของพวกนาง เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะละทิ้งและหนีไปในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้นจื่อซีจื่อเฟิงและคนอื่นๆยังอยู่ข้างใน!

ดังนั้นมันคือการต่อสู้ที่ดุเดือด!

ในเวลาอันสั้น คนที่อยู่ด้านนอกกับนางก็เข้าร่วมกันต่อสู้อย่างรวดเร็ว แม้คนจะน้อย แต่การถูกโจมตีทั้งด้านนอกด้านใน ก็ต้องสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนของสำนักหู้เสินอยู่แล้ว

หากใช้เวลานาน

พวกหลานเยาเยาจากที่เป็นผู้ได้เปรียบจะกลายเป็นผู้เสียเปรียบในไม่ช้า เพราะไม่รู้ว่าคนของสำนักหู้เสินเพิ่มขึ้นมาจากไหน ได้ล้อมคนที่อยู่ข้างนอกเอาไว้

และคนที่อยู่ในจวนตระกูลเซียวมีกำลังไม่เพียงพอในการควบคุมการต่อสู้

ไฟกำลังจะลนก้น!

ก็มีร่างที่หล่อเหลาปรากฏตัวขึ้น พากองกำลังควบม้ามา เปิดทางด้วยความเร็ว รู้ว่าหลานเยาเยาที่อยู่ด้านนอกกำลังมีอันตราย

“เห็นข้าดีใจหรือไม่?”

น้ำเสียงที่น่าฟังของอ๋องเย่ดังขึ้นที่ด้านหลังของหลานเยาเยา ในน้ำเสียงยังมีความหอบเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะว่าเร่งเดินทางมาโดยที่ไม่ยอมหยุดพัก

หลานเยาเยาหันหน้ามาแล้วถลึงตาใส่เขา กล่าวอย่างตำหนิ

“ท่านสามารถมาให้ช้ากว่านี้อีกครึ่งชั่วยาม”

อย่างนั้นนางก็คงตายแล้ว จะได้ทำให้เขาหัวใจสลาย

เยาเยากำลังโทษที่ข้ามาช้า?

“มิบังอาจ!”

จริงๆแล้วนางก็ไม่ได้อยากตำหนิ ยิ่งไม่ใช่ออดอ้อน เพียงแต่หลังจากที่เห็นคนจากนอกแผ่นดิน ได้ฟื้นฟูความทรงจำที่ถูกซ่อนเอาไว้ ทำให้นางอยากเจอเขาเป็นพิเศษ นางพยายามมาทั้งชีวิต ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ต้องกลับตามมาหาเขาจนเจอ

ดังนั้นนางอยากให้เขารู้ นางต้องการเขามาก ใส่ใจเขามาก

เย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกที่นางไม่เคยมีมาก่อน อดไม่ได้ที่จะค่อยๆเข้าไปใกล้นาง แล้วกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน

กลับเห็นหลานเยาเยาจู่ๆก็กอดเขาอย่างแนบแน่น เอาศีรษะซบลงตรงแผ่นอกของเขา กล่าวด้วยเสียงออดอ้อน

“ต่อไปจะไม่แยกจากกันแล้ว”

ร่างของเย่แจ๋หยิ่งสั่นเล็กน้อย มุมปากก็ปรากฏขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดหลานเยาเยาก็รู้จักแสดงความรักกับเขาแล้ว

ในช่วงเวลาที่แยกจากกัน มีเพียงเวลาที่ยุ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถเก็บความคิดไม่ให้คิดถึงคนที่เคยเสียไปแล้วได้กลับคืนมาในหัวใจ

ดีจัง!

ผีถึงอยากจะแยกกับนางล่ะสิ!

“ได้ ไม่แยกจากกัน ไม่แยกจากกันตลอดไป”

คนที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดทั้งสองฝ่าย หากไม่ใช่เพราะชีวิตอยู่ในอันตราย ไม่มีเวลา พวกเขาอยากที่จะกลอกตาใส่จริงๆ “ช่วยด้วย ทุกคนกำลังต่ออยู่กันอยู่นะ! พวกเจ้ากำลังพลอดรักกัน? ไม่อายเหรอ?”

การต่อสู้ครั้งนี้ สุดท้ายถูกกองกำลังของอ๋องเย่กวาดล้างจนหมด

ตามที่เข้าใจ ศิษย์ของสำนักหู้เสินเป็นศิษย์ที่ยอมสู้ถวายชีวิต จำนวนผู้สูญหายในเมืองเลยหมิงเพิ่มมากขึ้นทุกปี คนที่รู้เปิดเผยข้อมูล นอกจากคนที่หายสาบสูญจริงๆ ที่เหลือล้วนนำไปเลี้ยงสัตว์เทพที่พวกเขาเชื่อและบูชา

ด้วยเหตุนี้!

อ๋องเย่ได้ส่งกองกำลังไปกำจัดรังของสำนักหู้เสิน ใช้เวลาไปเพียงสองวันก็กำจัดคนของสำนักหู้เสินที่อยู่ในเมืองเลยหมิงที่กระทำตามอำเภอใจได้จนหมด

หลังจากที่กำจัดสำนักหู้เสินจนสิ้นซาก

กองกำลังของอ๋องเย่ต้องการพักผักครึ่งวัน ที่ทำการปกครองก็ได้ต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น ยังช่วยให้อาหารม้า

มีหลานเยาเยาคนนี้ที่เป็นหมอเทพทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้อยู่ทั้งคน เจ้าพระยาเซียวที่บาดเจ็บสาหัสนอนสลบสไหลก็พ้นขีดอันตรายแล้ว

หน้าเตียงคนป่วย

เจ้าพระยาเซียวไม่ว่าจะสั่งอะไรเซียวจิ่นหยู เซียวจิ่นหยูก็เพียงพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ

ครู่ต่อมา หลานเยาเยาก็มาดูเจ้าพระยาเซียว ข้างกายก็ต้องมีอ๋องเย่เดินตามติดมาด้วยอยู่แล้ว เจ้าพระยาเซียวอยากที่จะลุกขึ้นมาทำความเคารพ อ๋องเย่ส่งสัญญาณมือให้เขานอนพักดีๆ

หลานเยาเยาช่วยเขาตรวจชีพจร ชีพจรคงที่ หลังจากผ่านการสแกนระบบทางการแพทย์ อาการติดเชื้อต่ำมาก เพียงแต่เจ้าพระยาเซียวอายุมาก จึงทำให้บาดแผลสมานช้ากว่าปกติ

นางนั่งอยู่ด้านในไปครู่หนึ่ง ก็ออกมาแล้ว

เพราะนางรู้ว่า เจ้าพระยาเซียวเหมือนมีคำพูดจะพูดกับเย่แจ๋หยิ่ง นางก้าวเท้าออกมา เซียวจิ่นหยูก็ก้าวตามออกมาด้วย

“คุณชายซ่างกวน โปรดหยุดก่อน!”

หลานเยาเยาหยุดฝีเท้าลงแล้วมองเขา “คุณชายเซียวมีเรื่องอันใด?”

“ขอคุยกับท่านหน่อยได้มั้ย?” เขาเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

มองดูโดยรอบ หลานเยาเยาไม่เห็นมีคนอื่น แต่เซียวจิ่นหยูยังจะขอคุยด้วย ดูแล้วเรื่องที่เขาจะพูดหรือที่จะถามค่อนข้างจะลับลมคมใน

ด้วยเหตุนี้ นางจึงพยักหน้า

เซียวจิ่นหยูพนางไปในที่เปลี่ยว จึงได้หยุดฝีเท้าลง หลานเยาเยากำลังจะเอ่ยปากถามเขาว่ามีเรื่องอะไร กลับเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเซียวจิ่นหยู ทันใดนั้นก็ลงมือมาทางนาง

นางจึงต้องหลบ หลบการจู่โจม

ใครจะไปรู้ว่าเซียวจิ่นหยูกลับบีบบังคับเข้ามาเรื่อยๆ ถึงขนาดใช้มีดคม หลานเยาเยาจึงต้องหยิบผงยาออกมา ยังไม่ทันจะลงมือ เซียวจิ่นหยูก็หยุดแล้ว แล้วทำท่าคารวะมาทางนาง กล่าวอย่างอ่อนโยน

“ล่วงเกินแล้ว คุณชายซ่างกวง!”

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย “จากที่ทดสอบแล้วเจออะไร?”

จากที่อยู่ด้วยกันสองสามวันนี้ เซียวจิ่นหยูจะสงสัยนางก็เป็นเรื่องปกติ เดิมนึกว่าเขาจะถามด้วยความใจเย็น ใครจะไปรู้ เขากลับตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมแบบนี้

ไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว

“ข้านึกว่าคุณชายซ่างกวงเป็นเพื่อนเก่าของข้า หลังจากการทดสอบเมื่อกี้ ไม่เพียงแต่หน้าตาจะไม่ใช่แล้ว ท่าทางก็ไม่ใช่ แม้กระทั่งกำลังภายในก็ไม่ใช่”

แต่ฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยม และการกระทำนั้นช่างสอดคล้องกับเทพธิดามากนัก

ใช่หรือไม่ใช่?

เซียวจิ่นหยูเดาไม่ออก

หลานเยาเยาหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร คนที่สงสัยเหมือนเจ้ามีไม่น้อย ในเมื่อทดสอบเสร็จแล้ว งั้นข้าก็ขอตัวก่อน”

“เดี๋ยวก่อน!” เซียวจิ่นหยูรีบรั้งไว้

“ยังมีเรื่องอันใดอีก?” นางหันกลับไปถาม

“ด่านชายแดนมีการเปลี่ยนแปลง อ๋องเย่ผ่านตรงนี้พอดี ท่านพ่อสั่งให้ข้าไปด่านชายแดน ต่อไปยังต้องให้คุณชายซ่างกวงช่วยให้คำแนะนำ”

เจ้าพระยาเซียวที่มีความภักดี แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนเลอะเลือนไร้เหตุผล ให้เกษียณกลับมายังบ้านเกิด

ฮ่องเต้องค์ก่อนเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหา ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์ ไม่เพียงแต่ไม่เลอะเลือนเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อน แต่ได้จัดการระบบของราชสำนัก เพื่อราษฎรแล้วยังได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด แม้เขาจะแก่แล้ว แต่ก็ยังอยากที่จะออกแรงส่วนหนึ่ง

ตัวเองร่างกายไม่ไหว ก็ได้เซียวจิ่นหยูล่วงหน้าไปก่อน

อย่างไรเสีย ด้วยฐานะที่แท้จริงของเซียวจิ่นหยู่ การไปสนามรบก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี

“พูดง่าย”

หลานเยาเยาเดิมอยากจะเดินจากไป เมื่อคิดถึงพระราชธิดาจาวหยาง ก็อดไม่ได้ถามไปประโยคหนึ่ง

“เจ้ากับพระราชธิดาจาวหยางมีความสัมพันธ์แบบไหน?”

เมื่อก่อนพระราชธิดาจาวหยางกับเซียวจิ่งหยูก็ไม่ค่อยได้คุยกัน อีกอย่างนางรู้ว่า พระราชธิดาจาวหยางเมื่อก่อนเคยแอบชอบเซียวจิ่นหยู หากเซียวจิ่นหยูก็มีความรู้สึกเดียวกันกับพระราชธิดาจาวหยาง ก็จะไม่ดีแล้ว

อย่างไรเสีย เพราะเขานั้นเป็นพี่น้องกัน!

“ทำไม คุณชายซ่างกวงชอบพระราชธิดาจาวหยางหรอ?” เซียวจิ่นหยูเลิกคิ้วถาม

“น่าเสียดาย ข้านั้นชอบแต่ผู้ชาย”

คำพูดนี้ถูกพูดออกมา

“แฮ่มๆ” เซียวจิ่นหยูรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบมองนางอย่างละเอียด อีกทั้งยังได้มองสำรวจนางจากหัวจรดเท้าไปหลายรอบ จึงได้ถอยหลังไปหลายก้าว รักษาระยะห่างกับนาง