บทที่ 605 หาหน้าร้านขายของ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 605 หาหน้าร้านขายของ

บทที่ 605 หาหน้าร้านขายของ

หลังจากขึ้นรถไฟ โซซัดโซเซอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเมือง การเดินทางด้วยรถระยะสั้น ผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่พบปัญหาใดแม้แต่น้อย

ฉีเหลียงอิงยังพูดอย่างตื้นตันว่า ก่อนหน้านี้ทำได้แต่มองคนอื่นนั่งรถไฟ ในที่สุดตัวเองก็ได้นั่งสักครั้ง

“แม่รอง ในอนาคตยังมีเวลานั่งรถไฟ และไม่ใช่แค่รถไฟ แม้แต่เครื่องบินก็นั่งได้ด้วยค่ะ!”

ในยุคสมัยนี้ยังนั่งเครื่องบินไม่ได้ แต่ผ่านไปอีกไม่กี่สิบปี การนั่งเครื่องบินจะกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป

ฉีเหลียงอิงยิ้มพลางกล่าว “เครื่องบินอะไรกัน แม่ไม่กล้าหวังหรอก คนอยู่บนฟ้า เกิดร่วงลงมาจะทำยังไงล่ะ?”

ซูเสี่ยวเถียนอยากบอกว่ายานพาหนะที่ใช้เดินทางล้วนแต่มีอันตราย เครื่องบินนับว่าปลอดภัยที่สุดในบรรดาทั้งหมด แต่คิดอีกทีก็กลัวว่าจะอธิบายไม่ชัดเจน แล้วจะยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่

“แม่รองไม่อยากรู้หรือครับ ว่าถ้าได้มองลงมาจากบนฟ้าจะเป็นอย่างไร?” ซูโส่วเวินถามที่จริงเขาอยากรู้มาก แต่ได้ยินว่าตั๋วเครื่องบินราคาแพงมาก จึงนั่งไม่ได้!

“อยากเห็นมันก็อยากเห็นอยู่ แม่ไม่กลัวหรอก!”

พวกเขาพูดคุยไปหัวเราะไปตลอดทาง จนมาถึงที่พัก พวกเขายังพักอยู่ในที่พักซึ่งเคยพักก่อนหน้านี้ เมื่อเข้ามาในที่พัก หลังจากถามว่าไม่มีใครถามหาพวกเขาใช่ไหม ซูโส่วเวินก็เปิดห้องสองห้อง

ซูเสี่ยวเถียนและฉีเหลียงอิงทั้งสองคนอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนซูเหล่าเอ้อร์อยู่ห้องเดียวกับซูโส่วเวิน

วันนี้เป็นวันที่ยุ่งเหยิงวันหนึ่ง พวกเขาล้วนเหนื่อยล้า กินข้าวเย็นเรียบร้อยก็ต่างคนต่างไปอาบน้ำพักผ่อนยามที่นอนอยู่บนเตียง ซูเสี่ยวเถียนก็ยังไม่ลืมอ่านหนังสืออีกครู่หนึ่ง

ฉีเหลียงอิงนอนบนเตียง มองซูเสี่ยวเถียนอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้รบกวนหลานสาวแต่อย่างใด รู้ตัวอีกทีฉีเหลียงอิงก็ผล็อยหลับไปเสียแล้ว วันนี้ซูเสี่ยวเถียนกลับอ่านหนังสืออยู่ตลอด หลังจากอ่านมากพอก็ลงชื่อเข้าใช้ และหลับพักผ่อน

ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อค่อย ๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่ ตอนนี้ที่ซูเสี่ยวเถียนลงชื่อเข้าใช้ จึงได้เงินมากกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว ตอนนี้ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้ขาดเงินจำนวนเล็กน้อย แต่เป็นเพราะได้ปลูกฝังนิสัยเก็บเล็กผสมน้อยแล้ว จากหนึ่งเดือนไปหนึ่งปี จากหนึ่งปีไปหลายปีก็จะกลายเป็นเงินจำนานมาก

หลังจากได้รับระบบมา ซูเสี่ยวเถียนก็ไม่เคยหยุดอ่านหนังสือสักวันเดียว และทุกวันยังพยายามอ่านหนังสือให้นานที่สุดเท่าที่จำได้ เพราะความมุมานะของเธอ ตอนนี้ระบบอ่านหนังสือจึงค่อย ๆ สมบูรณ์แบบขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีกว่าตอนที่เพิ่งได้รับมามาก

เพียงแต่ตอนนี้ก็ยังไม่เริ่มภารกิจส่วนที่สาม ซูเสี่ยวเถียนจึงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่เธอเชื่อว่า ขอเพียงมุมานะต่อไป ในอนาคตภารกิจส่วนที่สาม จะต้องเปิดแน่นอน เมื่อถึงเวลาระบบนี้ก็คงจะสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

เช้าวันที่สอง ทุกคนตื่นขึ้นมาก็เริ่มถามหาหน้าร้านขายของไปทั่ว สถานที่ทำการค้าไข่พะโล้ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มาก และคนต้องหลั่งไหลไปมา ดังนั้นทุกคนจึงพยายามอย่างหนักที่จะหาสถานที่ที่คนพลุกพล่าน

ที่นี่มีหน้าร้านขายของเปิดให้เช่าขายของ แต่หลังจากดูมาหลายร้าน พวกซูเสี่ยวเถียนก็ยังไม่พอใจ

“ทำไมหน้าร้านขายของของพวกเราถึงหายากขนาดนี้?” ฉีเหลียงอิงพูดอย่างท้อแท้

“หน้าร้านขายของดี ๆ แน่นอนว่าต้องหายาก แม่รอง พวกเราอดทนต่อไปอีกสักนิดเถอะค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องเร่งรีบนักก็ได้” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มพูด

“จะไม่รีบได้อย่างไร แม่ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!” ฉีเหลียงอิงพูดด้วยความร้อนรน

โลกนี้กว้างใหญ่ เรื่องสำคัญที่สุดก็คือการหาเงิน!

เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง?

ภรรยาของหลี่จู้จื่อได้เลือกหน้าร้านขายของดี ๆ ในอำเภอแล้ว เธอคิดจะทำเรื่องนี้ก่อน จะมาตามหลังภรรยาของหลี่จู้จื่อได้หรือ?

ซูเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“วันนี้พวกเราหามาทั้งวันแล้ว อย่าหาต่อเลย พรุ่งนี้ค่อยมาหากันใหม่ ต้องเจอที่เหมาะ ๆ แน่นอนค่ะ”

ซูเสี่ยวเถียนคาดเดาว่า หากพวกซูซื่อเลี่ยงไม่กลับมาวันนี้ ก็ต้องเป็นพรุ่งนี้ หากพวกเขากลับมาก่อน พวกเขาก็คงไม่ยุ่งยากแล้วจริง ๆ

พวกพี่รองน่าจะกลับมาวันนี้ช่วงค่ำ

วันนี้ทั้งวันพวกเขาล้วนค่อย ๆ หาสถานที่ที่เหมาะสม เดินหาไปทั่วก็ยังไม่เจอหน้าร้านขายของที่เหมาะสม ฉีเหลียงอิงรู้สึกผิดหวังมาก ท่าทางจึงเซื่องซึมไม่มีชีวิตชีวา เดิมทียังคิดว่าในเมืองกว้างใหญ่เช่นนี้ จะต้องหาได้มากกว่าที่อำเภอแน่

แต่ลองมาดูตอนนี้แล้วก็ชักไม่แน่ใจ ว่าที่เมืองจะมีสถานที่ที่เหมาะสมหรือเปล่า

มาถึงช่วงเที่ยง พวกซูเสี่ยวเถียนก็มากินข้าวข้างนอก

เวลานี้มีร้อนอาหารเล็ก ๆ อยู่ไม่น้อย ซึ่งราคาถูกกว่าร้านอาหารของหน่วยงานรัฐ อีกทั้งยังรสชาติไม่เลว พวกซูเสี่ยวเถียนเลือกร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่งที่คนไม่เยอะเกินไป แต่คนก็นับว่าไม่น้อย

ฉีเหลียงอิงยุ่งมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้จึงหิวมากจริง ๆ

ระหว่างที่เธอกินข้าว ก็ยังพึมพำว่า “รสชาติไม่เลวแต่แพงไปหน่อย พวกเราต้องรีบหาเช่าหน้าร้าน จะได้ทำอาหารกินเองได้”

เงินทั้งหมดในมือเธอมีอยู่เพียงเท่านี้ หากหมดไปกับค่าอาหารจะไปพอเปิดร้านได้อย่างไร?

ซูเหล่าเอ้อร์มองภรรยาตัวเองแล้วพูด “ไม่ง่ายกว่าจะได้มากินข้าวนอกบ้าน ทำไมเธอต้องพูดเรื่องนี้ตลอดเลย?”

ฉีเหลียงอิงไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่คลี่ยิ้ม

ที่แท้ในเมืองตอนนี้ก็มีคนทำการค้ามากแล้ว หากเธอเปิดร้าน เหมือนอย่างที่เด็กทั้งสองพูดจริงก็จะทำเงินได้อย่างรวดเร็ว กินข้าวเสร็จก็พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง และทุกคนก็หันไปยุ่งกับงานต่อ

“เมืองใหญ่จริง ๆ เดินจนขาฉันปวดหมดแล้ว” ฉีเหลียงอิงพูดออกมา “ถ้ามีเวลาฉันจะลองไปที่เมืองหลวงแน่นอน”

“แม่รอง หรือไม่แม่ก็ไปเมืองหลวงก่อนสักรอบหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาเปิดร้านค้าไหมคะ?”

ฉีเหลียงอิงกลับส่ายหน้า “แบบนั้นไม่ได้ เรื่องหาเงินสำคัญกว่า ตอนนี้ในมือแม่มีเงินไม่มากจะฟุ่มเฟือยไม่ได้”

เอาเถอะ!

ซูเสี่ยวเถียนไม่เกลี้ยกล่อมต่อ

แม่รองเป็นคนที่มุ่งมั่นกับการหาเงินมาก

ซูเหล่าเอ้อร์เห็นภรรยาเป็นเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา แต่หลังจากหัวเราะแล้วในใจกลับเศร้าใจ

ภรรยายังทำเพื่อลูก ๆ ในครอบครัวมีลูกชายหลายคน พอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องแต่งภรรยา

เมื่อเรียนมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าไม่อาจให้ภรรยากลับมาแต่งงานที่ชุมชนการผลิตได้ จะต้องแต่งภรรยาในเมือง

ได้ยินว่าในเมืองชิ้นส่วนหลักทั้งสาม[1]ราคาแพงมาก ทั้งยังมีเครื่องเรือนอีกสี่สิบแปดขา[2]ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินเล็กน้อย

เขาทำงานเลี้ยงหมูงานมีไม่น้อย แต่นับว่ารายได้ไม่ได้มาก พวกลูกชายในบ้านต้องแต่งภรรยา แต่กลัวจริง ๆ ว่าจะต้องไปพึ่งภรรยา เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ซูเหล่าเอ้อร์ก็หัวเราะภรรยาไม่ออกอีก

ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างราบรื่น พวกซูเสี่ยวเถียนเจอหน้าร้านขายของเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนย่านที่อยู่อาศัยทั้งสองข้างทาง

เส้นทางสัญจรนี้ได้รับการปรับปุรงแล้ว กว้างสิบกว่าตารางเมตร ซึ่งถือว่ากะทัดรัดเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหน้าร้านขายของนี้ ความจริงฉีเหลียงอิงยังคิดว่ามันเล็กไปหรือไม่

“หน้าร้านขายของร้านนี้ไม่ใหญ่ แต่ด้านหลังยังมีอีกห้องหนึ่ง ทั้งยังสามารถให้คนอยู่ได้ ถือว่าไม่เลวทีเดียว” ซูเหล่าเอ้อร์มองไปรอบ ๆ ครั้งหนึ่ง และพูดออกมาอย่างพิจารณา

ฉีเหลียงอิงที่อยู่ที่นี่จะได้มีที่อยู่ด้วย

หน้าร้านขายของนี้มีห้องเล็ก ๆ ข้างหลังอีกห้องหนึ่งซึ่งสะดวดสบายมาก

ฉีเหลียงอิงได้ยินสามีบอกว่าบ้านหลังนี้สะดวกสบาย ก็ไม่พูดสิ่งใดให้มากความ ในใจฉีเหลียงอิงเป็นผู้หญิงที่ว่าตามสามีอย่างแท้จริง และเคารพความคิดเห็นของสามีทุกเรื่อง

“ห้องเล็ก ๆ ห้องนี้แยกออกจากกันพอดี ยังเหลือพื้นที่ให้อยู่อาศัยได้ และมีครัวเล็ก ๆ อยู่ด้วย” ซูโส่วเวินก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

[1] ชิ้นส่วนหลักทั้งสาม หมายถึง ชิ้นส่วนหลักทั้งสามของรถยนต์หนึ่งคัน

[2] เครื่องเรือนอีกสี่สิบแปดขา หมายถึง พวกเครื่องเรือนที่ต้องซื้อสำหรับการแต่งงาน นับรวมขาของเครื่องเรือนทั้งหมดได้สี่สิบแปดขา