บทที่ 674 เข้าสู่เขาอู๋ซาน

“นายหญิงเจ้าคะในหม้อยังพอมีอาหารอยู่บ้าง ท่านอยากให้เอาออกไปวางหรือไม่เจ้าค่ะ” ภรรยาของหวังเอ้อร์ถาม ถังหลี่คลี่ยิ้ม

“ขอบคุณฮูหยินมาก”

ภรรยาของหวังเอ้อร์นำเนื้อใส่ชามไปวางไว้ข้างนอก นางหันไปมองรอบๆ แต่ไม่พบว่ามีคนหรือสัตว์ใดๆ เลย แต่เมื่อนางไม่สนใจอยู่ครู่เดียวทั้งน้ำและเนื้อในชามก็หายไป จนหมด ทำให้นางประหลาดใจมาก

หลังจากที่กินอาหารเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ถังหลี่บอกให้ทุกคนพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเขาจะขึ้นไปที่ภูเขา ถึงช่วงเย็นของวันนั้นข่าวดีก็มาถึง มีชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านยินดีที่จะพาพวกเขาขึ้นไปบนภูเขา ชายหนุ่มคนนี้ชื่ออาหู ปีนี้อายุได้สิบแปดปี พ่อของเขาถูกสัตว์ป่าฆ่าตายตอนที่เขายังเด็ก เขาอยู่อาศัยกับมารดาสองคน ไม่นานมารดาก็ป่วย เพื่อหาเงินรักษามารดา อาหูเคยเข้าไปในส่วนลึกของอู๋ซานและกลับออกมาได้อีกครั้ง หวังเอ้อร์พาอาหูมาหาพวกเขา อาหูเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าซื่อๆ

“อาหู เจ้าแค่นำทางนายหญิงคนนี้ก็พอ” หวังเอ้อร์ชี้ไปที่ถังหลี่ อาหูมองไปถังหลี่ ใบหน้าเขาแดงระเรื่อขึ้น

“ผู้มีพระคุณ อาหูเป็นเด็กขี้อายมากเวลาที่เขาเจอหญิงสาวมักจะหน้าแดงเสมอ แต่ไม่ต้องกังวลเขาซื่อสัตย์ กตัญญูมาก ท่านไว้ใจเขาได้ ” หวังเอ้อร์ให้คำรับรองเป็นอย่างดี

“นายหญิง ท่านลุงหวังเอ้อร์บอกว่าท่านจะให้เงินในการนำทาง” อาหูพูดด้วยเสียงแผ่วๆ ถังหลี่หยิบเงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้เขา

“นี่เป็นเงินครึ่งหนึ่ง ข้าจะให้อีกครึ่งตอนที่ข้ากลับออกมาแล้ว” อาหูถือเงินไว้ในมือ

“เราวางแผนออกเดินทางในพรุ่งนี้เช้า ขอบคุณที่เจ้าทุ่มเทอย่างหนักคืนนี้พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ”

ถังหลี่กล่าว อาหูพยักหน้าก่อนจะจากไป

รุ่งขึ้นอาหูมาแต่เช้า เขานำเชือกและไม้เท้าหลายอันมาด้วย ก่อนออกเดินทางอาหูดึงหวังเอ้อร์ออกไป มอบก้อนเงินให้กับหวังเอ้อร์

“อาหู เจ้าทำอะไร?” เขาตกใจมาก

“ท่านลุงหวังเอ้อร์ ข้าขอรบกวนท่านอีกอย่างได้หรือไม่ หากข้าไม่สามารถกลับมาได้ ท่านช่วยพาท่านแม่ของข้าไปหาหมอที” อาหูหน้าแดง

“นี่..ทำไมเจ้าจะกลับมาไม่ได้ ต้องกลับมาให้ได้นะ มารดาเจ้ารออยู่ ข้าจะดูแลนางให้ แต่ข้าดูแลไม่ได้ดีเหมือนเจ้าหรอกนะ”

“แต่อู๋ซาน..” อาหูขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าการเดินทางในครั้งนี้จะมีอันตรายมากขนาดไหน หวังเอ้อร์เห็นท่าทางกระสับกระส่ายของเขา จึงได้ถอนหายใจออกมา

“อาหู ถ้าเจ้าไม่อยากไป บอกข้า ข้าจะบอกผู้มีพระคุณให้ นางไม่ได้บังคับเลย”

“ข้าต้องไป ท่านแม่ของข้าป่วยหนักขึ้นทุกวัน ท่านลุงหวัง ท่านช่วยดูแลนางให้ข้าหน่อยเถอะ” ในที่สุดหวังเอ้อร์จึงได้รับปาก

ถังหลี่พาซานเป่าออกมาจากห้อง ในขณะที่คนอื่นออกมารวมตัวกันแล้ว อาหูเข้าไปมอบไม้ให้แต่ละคนแล้วหยิบมีดพร้อมเชือกออกเดินทางไปด้วย หวังเอ้อร์มองเขาหายลับเข้าไป

“ท่านพี่ดูนี่สิ” ภรรยาของเขาวิ่งออกมาพร้อมกับเหรียญเงินในมือ

“ข้าเจอมันตอนที่เข้าไปทำความสะอาดที่นอน”

หวังเอ้อร์เข้าใจทันทีว่าผู้มีพระคุณของเขาทิ้งสิ่งนี้ไว้ให้ เมื่อคืนนางต้องการที่จะให้เงินเขา แต่เขาปฏิเสธไป หากไม่ใช่เพราะพวกเขาแล้ว หวังเอ้อร์คงไม่รอดชีวิตกลับมา อาหารกับที่พักเพียงคืนเดียวเขาจะกล้ารับเงินพวกนี้ได้อย่างไรกัน

“ผู้มีพระคุณจะต้องกลับออกมา ถึงตอนนั้นข้าจะคืนนางไป”

ภรรยาของหวังเอ้อร์อดไม่ได้ที่จะกำมือไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเงินมากมายขนาดนี้ ด้วยเงินจำนวนนี้มันสามารถทำให้พวกเขาผ่านฤดูหนาวไปได้ เขาถอนหายใจ เขาจะเก็บมันไว้ หวังเอ้อร์หวังว่าผู้มีพระคุณและอาหูจะสบายดี ข้าขอให้นางหาหลานชายให้เจอ และอาหูกลับมาจากภูเขาอย่างปลอดภัย

อาหูเดินนำหน้าไปโดยมีถังหลี่และซานเป่าตามไม่ห่าง

“บนภูเขามีหมอกลงหนาจะทำให้หลงทางได้ง่ายขึ้น พวกท่านควรตามข้าให้ใกล้ชิด”

การที่มีอาหูนำทางทำให้การเดินทางง่ายขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ถูกบดบังจนไม่เห็นแสงสว่าง อาหูยังสามารถบอกทิศทางตามความหนาแน่นของใบไม้ และสีของก้านไม้ไผ่นำทางได้อีกด้วย

ในช่วงแรกของการเดินทางเป็นถนนจึงเดินไปได้อย่างไม่ยากลำบากมากนัก แต่ยิ่งลึกเข้าไปก็ยิ่งเดินได้ยากมากขึ้น ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันแต่พวกเขาไม่อาจหยุดพักได้ หากหยุดพักนานยิ่งอันตราย

เบื้องหน้าของพวกเขาในตอนนี้เป็นหน้าผาที่ขวางพวกเขาไว้มีความสูงเท่ากับคนสามคนต่อกันได้

“ข้าจะปีนขึ้นไปแล้วดึงพวกท่าน” อาหูกล่าว

สถานที่นี้ค่อนข้างยากลำบาก เขาเกือบตายอยู่ที่แห่งนี้ในครั้งที่แล้ว หากมีเขาเพียงตามลำพังย่อมไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่การพาคนจำนวนมากมาด้วยนั้นไม่ง่ายเลย เขานำเชือกติดตัวมาด้วยเพื่อสถานการณ์นี้โดยเฉพาะ ในขณะที่อาหูกำลังปีนขึ้นไป ก็มีมือยื่นออกมา เขาเงยหน้าไปมอง

ทันใดนั้นก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีอยู่ผู้หนึ่งที่ทำให้เขาประทับใจมาก เขาไม่เคยเห็นใครสง่างามเท่านี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นบุรุษแต่งดงามกว่าผู้หญิง ดูบอบบาง เงียบขรึม เย็นชา เขาจะเดินรั้งท้ายอยู่เสมอจนอาหูเป็นห่วงว่าเขาจะหลงทาง

“ส่งเชือกมาให้ข้า” ตู้เย่สั่ง

อาหูไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงมอบเชือกในมือให้กับอีกฝ่าย ตู้เย่หยิบเชือก เขาถอยหลังไปสองก้าวกระโดดขึ้นต้นไม้ จากนั้นจึงใช้แค่ปลายเท้าสะกิดส่งตัวเองร่อนไปยังหน้าผาโดยใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น

อาหูตกตะลึงอ้าปากค้าง ชายบอบบางเช่นนี้มีพละกำลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

ตู้เย่ผูกปลายเชือกไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนจะโยนเชือกลงไปด้านล่าง ซานเป่าจับเชือกแล้ววิ่งขึ้นไปอย่างง่ายดาย ยิ่งทำให้อาหูอ้าปากค้างมากขึ้น สาวน้อยเอาแต่ใจคนนี้เป็นคนที่เก่งฉกาจมากเช่นกัน

ถังหลี่ปีนขึ้นไปตามด้วยหวังหยูและอาหูรวมถึงองครักษ์เงาทีละคน เรียบง่ายจนอาหูตกใจ ระหว่างทางเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองตู้เย่

“เขาเป็นอาจารย์ของข้าเอง เขาเก่งมากเลยล่ะ” ซานเป่าว่า นางหยิบใบไผ่โบกไปมา

“ท่านอาจารย์สามารถฆ่าคนได้ด้วยใบไผ่ใบเดียวเลยนะ”

จากนั้นใบไผ่ใบหนึ่งก็ทะลุแหวกอากาศตรึงงูพิษที่กำลังจะฉกอาหูไว้กับต้นไม้

ตู้เย่แสดงการฆ่างูพิษด้วยใบไผ่ อาหูเบิกตากว้างมากขึ้น

พวกเขาพากันเดินตั้งแต่เช้าจรดค่ำ อาหูพาไปที่ถ้ำเพื่อพักผ่อน เขาได้ค้นพบถ้ำนี้จากครั้งก่อน ตอนนั้นเขาบังเอิญเจอหมีดำเลยซ่อนตัวในถ้ำแห่งนี้เสียสองวัน

ทุกคนพักในถ้ำหนึ่งคืน รุ่งขึ้นจึงได้ออกเดินทางต่อ ทางเดินที่เจอเดินได้ง่ายและสะดวกสบาย จนถังหลี่ไม่สบายใจ นางรู้สึกเหมือนมีอันตรายกำลังรออยู่ข้างหน้าอย่างอธิบายไม่ได้

อาหูเริ่มมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นในการนำทาง

ในตอนนั้นเองถังหลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางหันไปมองต้นไม้ที่ล้มอยู่ข้างทาง

ดูคุ้นเคยมาก

“เราไม่ได้เพิ่งเดินผ่านไปหรือ?”