บทที่ 675 เซิ่งเหมิง

“เราวนกลับมาที่เดิมจริงๆ” ตู้เย่ว่า ใบหน้าของอาหูเป็นสีแดงเขาหน้าเสีย

“ข้า ..ข้าแน่ใจว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ” เขาพูดช้าๆ

“สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแปลกมันไม่ใช่ความผิดของเจ้า” ถังหลี่ว่า

“พวกเจ้าทุกคนออกมาเถอะ” ถังหลี่พูดกับองครักษ์เงา เพราะนางกังวลว่าพวกเขาจะพากันหลงทาง แม้ว่าจะมีข้อบังคับ ถือว่าเป็นความลับไม่ให้ปรากฏตัวแก่คนภายนอกก็ตาม แต่ในสถานที่เช่นนี้ย่อมถือเป็นข้องดเว้น หลังจากที่พูดจบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“ฉือซื่อ” ถังหลี่เรียกอีกครั้ง บนต้นไม้ที่เหนือศีรษะของนางมีร่างหนึ่งกระโดดลงมาเขาคือฉือซื่อ

“ฟังนายหญิง พวกเจ้าออกมา” ฉือซื่อพูด สิ้นคำ พวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวราวกับออกมาจากอากาศ คนเหล่านี้แต่งตัวเหมือนกันเมื่อมองแว่บแรกเท่านั้น พวกเขาราวกับฉือซื่อที่แยกร่างออกไป ถังหลี่นับจำนวน เมื่อครบทั้งสิบคนนางก็โล่งใจที่ไม่มีใครสูญหาย

คนอื่นไม่คิดอะไรเมื่อทั้งสิบคนปรากฏตัวขึ้น แต่อาหูตกใจมากดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง

กลุ่มคนทั้งหมดยังคงเดินหน้าต่อไปโดยมีองครักษ์เงาเดินล้อมอยู่รอบๆ ถังหลี่กับซานเป่า อาหูเริ่มมีความระมัดระวังมากขึ้น เขาสำรวจทิศทางอย่างรอบคอบ แต่สีหน้าของทุกคนไม่ค่อยดีนัก หากพวกเขายังติดอยู่ที่นี่เสบียงที่นำติดตัวมาจะร่อยหรอลง ไม่ช้าหรือเร็วก็จะหมดไป

อากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งสัตว์ป่าที่อยู่รอบๆ ทำให้ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ใบหน้าของอาหูมืดครึ้มลงเรื่อยๆ

“เหตุใดยังกลับมาที่เดิมอีก ข้าเดินระวังมาก..” อาหูพูด “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

“ครั้งที่แล้วข้ามาที่นี่ข้าเดินไปข้างหน้าแล้วก็วนกลับมาที่เดิม ตอนนั้นข้าตื่นตระหนกมากจึงคุกเข่าที่พื้นขอร้องให้เทพสวรรค์ช่วยข้า ข้าบอกว่าแม่ข้าป่วย ข้าต้องการยาไปรักษานาง แล้วก็มีเสียงเคาะ..”

“เทพเจ้าปรากฏตัวขึ้นหรือ?” ซานเป่าถามด้วยความสงสัย ในโลกใบนี้มีเทพเจ้าจริงๆ หรือ?

“ข้า..ข้าหมดสติไป” อาหูกล่าว

“อ้าว..” ซานเป่าร้อง

“ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้าพบว่าตัวเองอยู่ที่อื่นแล้ว ตอนที่ข้าจากไปเห็นเทพสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้น” อาหูกล่าว

ไม่น่าแปลกใจที่อาหูดูระมัดระวังมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หวาดกลัว แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าไป

“…นายหญิง เราอาจจะหาทางเข้าเผ่าโบราณไม่ได้ หรือว่านี่จะเป็นอาถรรพ์ของผีป่าเจ้าเขา!” อาหูพูดช้าๆ

ผีป่าเจ้าเขา!

ทันใดนั้นแม้แต่องครักษ์เงาก็รู้สึกว่าภูเขาและป่านี้ดูขนลุกน่ามาก ลมหนาวที่กรูพัดมาทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว

“นายหญิง ควรทำอย่างไรดีขอรับ”

หรือพวกเขาควรจะวิงวอนให้เทพเจ้าช่วยเหมือนอาหู?

“ข้าขอคิดก่อน” ถังหลี่คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ถังหลี่ยังคงมีทีท่าสงบนิ่งไม่ตื่นตะหนกแต่อย่างใด

เมื่อเห็นท่าทีของถังหลี่ เหล่าองครักษ์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางมองตู้เย่

“เจ้าเคยเจออะไรแบบนี้หรือไม่?” เขาส่ายหัว

แม้เขาจะเจออะไรมามากแต่เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยเห็นเลยบราวนี่ออนไลน์

“มันไม่ใช่ผีแต่อาจจะเป็นค่ายกล..” ถังหลี่ว่า

“ในการรบ จูกัดเหลียงเลยใช้ค่ายกลเพื่อดักจับกองกำลังกว่าหนึ่งแสนนายของหลู่ซุน”

ทุกคนโล่งอกเมื่อคิดว่าไม่ใช่อาถรรพ์ของผีป่าเจ้าเขา

“อาหูอาจจะออกไปได้เพราะเขาได้รับการช่วยเหลือจากเผ่าโบราณ” ถังหลี่กล่าว

คงจะมีคนใจดีอยู่ในเผ่าบ้าง พวกเขาคงบังเอิญผ่านมาแล้วประทับใจกับความกตัญญูของอาหูจึงยื่นมือเข้ามาช่วย อาหูอาจจะมีโชคแต่ว่าพวกถังหลี่ไม่มี ยิ่งไปว่านั้นตอนนี้พวกนางกำลังดั้นด้นหาทางเข้าอู๋ซาน การรุกรานนี้เช่นนี้ย่อมทำให้คนในเผ่าไม่พอใจ

“ข่าวดีตอนนี้คือเรามาถูกทางแล้ว ที่ด้านหน้าของพวกเราคือที่ตั้งของเผ่าโบราณ เขาอาจจะใช้ค่ายกลบางอย่างเพื่อปกป้องตัวเองไว้ ไม่อย่างนั้นคงมีคนพบเห็นพวกเขานานแล้ว” ถังหลี่เอ่ยขึ้น

“แต่ข่าวร้ายก็คือเราติดอยู่ในค่ายกลแห่งนี้ หากแก้ค่ายกลได้ เราจะพบทางเข้าของเผ่า” คำพูดของถังหลี่ทำให้เกิดความหวัง

“พวกเราจะทำลายค่ายกลได้อย่างไร?” องครักษ์อดไม่ได้ที่จะถาม

“ขอข้าคิดดูก่อน” ถังหลี่พูด “ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว พวกเราหาที่พักกันก่อนเถอะ”

ในที่สุดพวกเขาก็พบกับที่ราบที่หนึ่ง ก้อนหินใหญ่พวกนี้สามารถกันลมและสัตว์ป่าได้ พวกเขาจุดไฟ ซานเป่านั่งติดกับถังหลี่นางกินอาหารแห้งที่นำติดมาด้วย ตอนนี้เด็กน้อยกินอาหารแห้งมาสองสามวันแล้ว นางอยากกินเนื้อมาก ซานเป่ามองไปรอบๆ แต่พบว่าคนๆ หนึ่งหายไป

อาจารย์ของนางหายไปไหน?”

“ท่านแม่ อาจารย์ไปไหน?” ซานเป่ากังวลมาก

ถังหลี่ไม่ยอมให้ทุกคนออกนอกเส้นทางแต่ตู้เย่แตกต่างออกไป ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำลายค่ายกลได้แต่ตู้เย่จะไม่หลงทาง

“อีกสักพักเขาก็กลับมา”

พักใหญ่ตู้เย่กลับมาจริงๆ พร้อมกับกระต่ายสองตัวในมือ เขาโยนให้หวังหยู เด็กหนุ่มรับไปจัดการและย่างกระต่ายสองตัว ซานเป่าเฝ้ามองอย่างกระตือรือร้น

“เช็ดน้ำลายก่อน” ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม

อา.. นี่นางน้ำลายหกต่อหน้าท่านอามากมายหรือ!

ใบหน้าเล็กๆ ของซานเป่าขึ้นสีระเรื่อ นางรีบเช็ดมุมปากของตัวเองแต่พบว่ามันแห้งผาก

“ท่านแม่โกหก” ซานเป่าพูดอย่างเขินอาย

ถังหลี่ยิ้มกอดเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานซานเป่าก็โผล่หัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นหอม

ในที่สุดความคาดหวังของนางก็เป็นจริง ซานเป่าได้ขากระต่ายมากิน

หลังจากที่กินเนื้อแล้วเด็กหญิงตัวน้อยรุ้สึกพอใจมาก องครักษ์เงาและคนคุ้มกันผลัดกันเฝ้ายามทั้งกลุ่มจึงปลอดภัยจนถึงรุ่งเช้า

วันรุ่งขึ้น ทุกคนพยายามหาวิธีทำลายค่ายกล แต่หากไม่มีแม่แบบในการสร้างก็เหมือนแมลงวันที่ไร้หัว อาหูแทบอยากจะเป็นลมไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คงไม่มีเทพสวรรค์ลงมาช่วยอีกแล้ว ตอนนี้เสบียงอาหารและน้ำกำลังลดลง ไม่มีแม้แต่ลำธาร สถานการณ์กำลังเข้าสู่ทางตัน ความสิ้นหวังกำลังกลืนกินทุกคนอย่างช้าๆ แม้แต่ถังหลี่เองก็รู้สึกเหนื่อยล้า หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะทนไม่ได้อีกต่อไป

“วนมาที่เดิมอีกแล้ว” แม้แต่องครักษ์ก็เหนื่อยล้า

“ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็วนกลับมาที่เดิมตลอด”

“พวกเราจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือ?”

ถังหลี่ขอให้ทุกคนพักผ่อน นางนั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนเช่นกัน หญิงสาวคิดถึงเว่ยฉิงกับลูกน้อยทั้งสองคนมาก ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่นางก็ยิ่งว้าวุ่นใจมากขึ้น ในตอนนั้นเองมือเล็กๆคู่หนึ่งก็เข้ามาช่วยบีบนวดไหล่ ถังหลี่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าซานเป่ากำลังนวดนางอยู่

“ท่านแม่เหนื่อยมาก ข้าจะนวดให้” ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

ในตอนที่คณะเดินทางเต็มไปด้วยความกดดัน เด็กหญิงคนนี้กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย นางเป็นเพียงเด็กตัวเล็กเท่านั้น แต่ซานเป่ายังเปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนดวงอาทิตย์

“เจ้าไม่กลัวหรือ?” ถังหลี่ถาม

“ไม่กลัวเลย ท่านแม่อยู่กับข้า ข้ามั่นใจว่าเราจะออกไปข้างนอกได้”

ถังหลี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใช่แล้ว!นางคือปลาหลี่ นางจะต้องออกจากที่นี่ได้แน่นอน ถังหลี่หยิบหินขึ้นมาสองสามก้อนก่อนจะวางลงทำเป็นค่ายกล ตู้เย่เข้ามานั่งข้างๆ เพื่อศึกษาหาวิธี

พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องค่ายกลมากนัก แต่รู้ว่าค่ายกลนั้นต้องประกอบด้วยทวารบานทั้งแปด ได้แก่ ซิ่ว เซิ่ง ฉาง ตู้ จิ้ง ซี่ จิ่ง พวกเขาจำเป็นต้องหาประตูเซิ่งให้เจอ ดวงตาของซานเป่ามองไปที่หวังหยู เขาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ในช่วงสองวันมานี้หวังหยูดูสับสนมาก ซานเป่าเดินไปจิ้มแก้มของเขา

“ไม่ต้องกดดันตัวเองมากนะ” ซานเป่าว่า

นางรู้ว่าหวังหยูกำลังพยายามนึกถึงอดีตของตัวเองเพื่อต้องการช่วยทุกคน แต่การเรียกคืนความทรงจำนั้นจะทำง่ายๆ ได้อย่างไร หวังหยูพยักหน้าแต่หัวใจของเขายิ่งจมดิ่ง ยิ่งเจ้านายดีกับเขามากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น หากเพียงเขาจำได้ล่ะก็ คงจะดีไม่น้อยที่ทุกคนได้ออกไป ยิ่งหลงทางก็ยิ่งสิ้นหวัง

“ไปดูกันเถอะว่าท่านแม่กับท่านอาจารย์ได้อะไรบ้าง” ซานเป่าพาไปหาทั้งสองคนที่นั่งขมวดคิ้ว

“ประตูเซิ่งอยู่ไหนนะ” ถังหลี่เสียใจที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องค่ายกลมากกว่านี้ ตอนนี้นางอาจจะติดอยู่ที่นี่จนกระทั่งตายไปก็เป็นได้ หวังหยูมองก้อนหินที่วางอยู่กับพื้น ตอนนั้นเองเศษเสี้ยวความทรงจำที่เลือนลางในหัวก็ชัดเจนขึ้นมา

“ผู้คนภายนอกทั้งโลภและมีเล่ห์เหลี่ยมมาก เราจะต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ดังนั้นบรรพบุรุษของเราจึงตั้งค่ายกลขึ้น ค่ายกลนี้เราได้ต้นแบบมาจากค่ายกลแปดทวารแต่มันต่างออกไป ตรงนี่คือเซิ่งเหมิง”

ในความทรงจำของเขา มือใหญ่หยาบถือก้อนหิน เสียงทุ้มนุ่ม หวังหยูกัดฟันแน่นเขาพยายามนึกเพื่อไม่ให้พลาด ไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น

“ตรงนี้คือเซิ่งเหมิง” เขาชี้

ถังหลี่หันไปมองหวังหยู รู้สึกว่าเสียงของเขาราวกับเสียงสวรรค์