ตอนที่ 1237 โลหิตแดง (2) / ตอนที่ 1238 โลหิตแดง (3)
ตอนที่ 1237 โลหิตแดง (2)
เมื่อชาติก่อน มือของจวินอู๋เสียได้ช่วยคนไปมากเท่าไร หรือทำให้คนตายไปมากแค่ไหน แม้แต่ตัวนางเองก็จำไม่ได้แล้ว และในชาตินี้ นางก็ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ที่ผู้อื่นกำหนดมาให้
จวินอู๋เสียสงบจิตใจลง นางพบว่าพลังที่ตรงข้ามกันสองชนิดในร่างของฮ่องเต้น้อยนั้นมีบางอย่างที่ผิดปกติ หนึ่งในนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโลหิตแดงที่เยี่ยซาพูดถึง มันกำลังกินพลังชีวิตของฮ่องเต้น้อยอย่างรวดเร็วเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย
พลังอีกอย่างที่อยู่ในร่างของฮ่องเต้น้อย เมื่อเทียบกับโลหิตแดงแล้ว พลังนี้ค่อนข้างอ่อนแอกว่ามาก ดูเหมือนจะสลายไปเมื่อไรก็ได้ แต่พลังที่อ่อนแอนี้คอยยับยั้งโลหิตแดงเอาไว้ไม่ให้สูบพลังชีวิตของฮ่องเต้น้อย พลังที่ไม่ใช่พลังจากร่างของเขาเองค่อยๆ ขับพิษโลหิตแดงไปทีละนิด สละตัวเองแทนที่พลังชีวิตของฮ่องเต้น้อย และค่อยๆ ถูกโลหิตแดงกลืนกินอย่างช้าๆ
ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ทำให้จวินอู๋เสียตกใจ เพราะนางค้นพบว่าพลังที่กำลังต่อต้านโลหิตแดงอยู่นี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างไม่อาจอธิบายได้
ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่นางเคยเจอมาแล้วตอนที่เริ่มเรียนทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ ความรู้สึกที่พลังวิญญาณแล่นพล่านไปทั่วร่างนั้นเป็นผลงานของร่างวิญญาณ!
“เป็นร่างวิญญาณได้อย่างไร…” จวินอู๋เสียถามพลางขมวดคิ้ว ฮ่องเต้น้อยอายุแค่แปดเก้าขวบ อายุเท่านี้เป็นไปไม่ได้ที่ภูติวิญญาณจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่แล้วนางก็นึกย้อนกลับไปถึงหางกระต่ายที่อยู่ด้านหลังของฮ่องเต้น้อย ตอนนั้นราชครูเหออ้างว่า มันคือภูติวิญญาณ…
เพื่อให้รู้แน่ชัดถึงต้นกำเนิดของพลังนั้น จวินอู๋เสียจึงต้องถามราชครูเหอเรื่องนี้ ตอนนี้นางจึงทำได้แค่ใช้โอสถวิเศษปกป้องชีวิตของฮ่องเต้น้อยเอาไว้ชั่วคราวเพื่อชะลอการสูบพลังชีวิตของโลหิตแดง
ดูเหมือนฮ่องเต้น้อยจะไม่รับรู้อะไรเลย เมื่อจวินอู๋เสียเอาโอสถวิเศษให้เขา เขาก็ไม่ตอบสนอง จวินอู๋เสียจึงต้องบังคับป้อนเข้าไปในปากของเขา
ความขมของยากระจายไปทั่วปาก แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังไม่รู้สึกอะไร
ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย
ราชครูเหอรู้สึกตัวในอีกไม่กี่ชั่วยามต่อมา ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาก็ลุกพรวดขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ เพื่อหาใบหน้าที่คุ้นเคย
เมื่อเขาเห็นฮ่องเต้น้อยนั่งอยู่ที่ด้านหนึ่ง เขาก็ตกใจมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้านั้นเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยอย่างมากแล้วละก็ เขาก็คงไม่เชื่อว่าเด็กชายผมแดงตาแดงคนนี้คือฮ่องเต้ของเขา!
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาท…” ราชครูเหอลุกขึ้นจากเตียงลงไปยืนที่พื้น เขาเดินโซซัดโซเซเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าฮ่องเต้น้อย และเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปจะจับมือของฮ่องเต้น้อย แต่เมื่อเห็นดวงตาที่มองอย่างไร้จุดหมายนั่น มันก็ทำให้เขาใจสลายทันที
“อ๊า!!!”
เสียงร้องแห่งความสิ้นหวังดังขึ้นภายในห้อง เมื่อจวินอู๋เสียได้ยิน นางก็รีบร้อนเข้ามา
นางเห็นราชครูเหอกอดขาฮ่องเต้น้อยพลางคร่ำครวญด้วยความเศร้าเสียใจและสิ้นหวัง
“ข้ามันไร้ประโยชน์ ข้าทำให้ฝ่าบาทต้องเป็นแบบนี้…ข้าสมควรตาย…สมควรตาย…”
ตอนที่ฮ่องเต้น้อยไม่กลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ในใจของราชครูเหอก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และเมื่อได้เห็นสภาพของฮ่องเต้น้อยในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นน้ำแข็งไปในทันที!
ดวงตาที่ดูไร้ชีวิตคู่นั้น เขาคุ้นกับมันมากทีเดียว ในตอนนั้น เพื่อปกป้องทหารของรัฐเฉียว ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ได้อาสาเอาตัวเองมาทดลองโอสถพิษ แล้วก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ราชครูเหอไม่เคยคิดเลยว่าชะตากรรมเช่นเดียวกันจะเกิดขึ้นกับฮ่องเต้น้อยด้วย
เขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น ฮ่องเต้รัฐจิ้วทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร!
แต่ไม่ว่าราชครูเหอจะรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมากเพียงใด มันก็ไม่ได้กระตุ้นให้ฮ่องเต้น้อยตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนตุ๊กตาตัวหนึ่ง ที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ส่งเสียง และไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น
ตอนที่ 1238 โลหิตแดง (3)
จวินอู๋เสียมองราชครูเหอคร่ำครวญด้วยความเสียใจอยู่เงียบๆ
“คุณชาย…” ราชครูเหอสังเกตเห็นจวินอู๋เสีย น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม เขาไม่ลืมบุญคุณที่จวินอู๋เสียได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ และหันกลับไปคำนับจวินอู๋เสียด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยพวกเรา! ขอบคุณคุณชาย…”
เมื่อชาติก่อนจวินอู๋เสียเคยเจอสถานการณ์คล้ายกันนี้มาหลายครั้งแล้ว นางคิดว่านางชินชากับเหตุการณ์แบบนี้แล้วเสียอีก แต่ครั้งนี้นางกลับรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก
ดูสภาพของฮ่องเต้น้อยในตอนนี้ จวินอู๋เสียรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าหัวเราะ นี่จะนับว่าเป็นการช่วยพวกเขาได้อย่างไร
“ลุกขึ้นมาคุยกันเถอะ อาการของฮ่องเต้น้อยของท่านในตอนนี้วิกฤตมาก ข้าต้องการให้ท่านบอกข้าตามความจริง” จวินอู๋เสียพูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่ไม่ใช่เวลาที่นางจะยอมให้ความคิดของนางออกนอกลู่นอกทาง
ในฐานะหมอ ถ้านางไม่สามารถคุมสติเอาไว้ได้ตลอดเวลา และปล่อยให้ตัวเองหวั่นไหวไปตามอารมณ์แล้วละก็ มันก็คงจะแย่เอามากๆ
ราชครูเหอตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย
“ท่าน…ท่านหมายความว่า…ฝ่าบาท…ฝ่าบาท…ยัง…ยังสามารถช่วยได้อย่างนั้นหรือ”
“ไม่แน่ใจ แต่เราจะลองดู” จวินอู๋เสียพูด
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของราชครูเหอพลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“คุณชาย ท่านต้องช่วยฝ่าบาทนะ! ถ้าท่านช่วยฝ่าบาทได้จริงๆ ท่านก็คือผู้มีพระคุณของรัฐเฉียว ตาแก่คนนี้จะยอมรับใช้เป็นวัวเป็นม้าให้ท่าน ตอบแทนบุญคุณของท่าน!”
จวินอู๋เสียพยุงราชครูเหอให้ลุกขึ้นยืน
“ท่านอยากถามอะไร…ทุกอย่างที่ข้ารู้…ข้าจะบอกท่าน…ทุกอย่างเลย…” ราชครูเหอหมดหวังไปแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าจวินอู๋เสียจะมอบเศษเสี้ยวแห่งความหวังให้กับเขาอีกครั้ง
จวินอู๋เสียพูดว่า “ความจริงเรื่องภูติวิญญาณของเขามันเป็นอย่างไร”
ราชครูเหอแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะถามเรื่องนี้
“เด็กอายุแปดเก้าขวบมีภูติวิญญาณได้อย่างไร” จวินอู๋เสียถามพลางมองไปที่ราชครูเหอ
ราชครูเหอตกใจ แววตาของเขามีความเศร้าปนอยู่ เขาก้มหน้าและพูดเสียงสั่นเครือว่า “หางกระต่ายที่ด้านหลังของฝ่าบาท…เป็นภูติวิญญาณจริงๆ …”
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเข้าหากัน
แต่ราชครูเหอพูดต่อว่า “เพียงแต่…ภูติวิญญาณนั่น ไม่ได้เป็นของฝ่าบาท แต่…แต่เป็นของพระเชษฐาของฝ่าบาทที่เป็นฮ่องเต้องค์ก่อนของรัฐเฉียว”
การถ่ายโอนภูติวิญญาณ เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียได้ยินเรื่องนี้ แต่นางไม่สงสัยในคำพูดของราชครูเหอ ตอนที่นางตรวจอาการของฮ่องเต้น้อยก่อนหน้านี้ นางตรวจสอบแล้วว่าพลังอีกอย่างคือภูติวิญญาณเช่นกัน เพียงแต่การที่มีมันอยู่ในร่างเป็นเรื่องที่แปลก เพราะไม่สอดคล้องกับอายุของฮ่องเต้น้อย
“เมื่อหนึ่งปีก่อน รัฐเฉียวยังถูกปกครองโดยฮ่องเต้องค์ก่อน เขาคือพระเชษฐาของฝ่าบาท…”
รัฐเฉียวในเวลานั้นมีพระเชษฐาของฮ่องเต้น้อยเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์และได้กลายเป็นผู้ครองรัฐ ผู้ครองรัฐหนุ่มมีปณิธานอันสูงส่ง เขาได้เลือกหน่วยองครักษ์ด้วยตัวเองและฝึกฝนร่วมกันกับพวกเขา ไม่มีการถือตัวว่าเป็นฮ่องเต้เลยสักนิด
ในรัฐเฉียว เขาเป็นที่รักของประชาชน
แต่ฮ่องเต้หนุ่มผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์ก็พลันประสบกับเหตุร้าย!
คณะผู้แทนจากรัฐจิ้วได้มาที่รัฐเฉียว โดยมีฮ่องเต้รัฐจิ้วเสด็จมาด้วยตัวเอง ทุกคนในรัฐเฉียวต่างคิดว่าแปลก ฮ่องเต้องค์ก่อนระมัดระวังตัวและปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสุภาพ แต่ไม่คาดว่า ฮ่องเต้รัฐจิ้วได้เอ่ยว่า เขารู้วิธีที่จะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และบอกว่าเขาอยากใช้องครักษ์ของรัฐเฉียวทดลองวิธีการนี้
เพื่อปกป้ององครักษ์ของเขาจากอันตราย ฮ่องเต้องค์ก่อนได้อาสาตัวเองไปแทนที่ และนับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนมาได้ตลอดไป!
ร่างกายของเขาอาจจะไม่ตาย แต่วิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้ว ภูติวิญญาณของฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ได้หายไป ตรงกันข้าม มันย้ายตัวเองไปอยู่ในร่างของฮ่องเต้น้อย