ตอนที่ 1239 โลหิตแดง (4) / ตอนที่ 1240 แบบไหนถึงเรียกว่าใช้อำนาจกลั่นแกล้ง (1)
ตอนที่ 1239 โลหิตแดง (4)
แม้ว่าภูติวิญญาณจะเชื่อมโยงกับคนที่พวกมันจับคู่ด้วย แต่ภูติหลายตัวก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าของมากจนไม่อยากจากไป และคิดหาวิธีการต่างๆ ที่จะได้อยู่รอบๆ ตัวเจ้าของ พวกมันเชื่อมโยงกับวิญญาณของเจ้าของและอาศัยอยู่ในร่างของเจ้าของ แม้ว่าวิญญาณของพี่ชายของฮ่องเต้น้อยจะถูกทำลาย แต่ร่างกายยังคงอยู่ ภูติวิญญาณของเขาจึงย้ายตัวเองมาอยู่ในร่างของฮ่องเต้น้อยเพื่อปกป้องน้องชายที่เจ้าของของมันรักมากที่สุด
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เข้าใจและรู้ว่าพลังแปลกๆ ในร่างของฮ่องเต้น้อยมาจากไหน
มันคือภูติวิญญาณของพี่ชายของฮ่องเต้น้อย และมันกำลังใช้พลังวิญญาณของมันปกป้องฮ่องเต้น้อยจากโลหิตแดง
“ต้องขอบใจมันนะ” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ
“อะไรขอรับ” ราชครูเหอไม่เข้าใจ
“มันช่วยชีวิตฮ่องเต้น้อยของท่าน” จวินอู๋เสียไม่เสียเวลาอีกต่อไป ทุกวินาทีที่ฮ่องเต้น้อยมีชีวิตอยู่นั้น ภูติตนนั้นกำลังใช้พลังวิญญาณและชีวิตของมันแลกมา
ภูติวิญญาณตนนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากมายนัก เมื่อโดนสูบพลังและชีวิตไปเรื่อยๆ เช่นนี้มันก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
จวินอู๋เสียจะต้องใช้ช่วงเวลาเล็กๆ นี้ค้นหาวิธีรักษาฮ่องเต้น้อย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะสายเกินไป
อย่างที่เยี่ยซาพูดไว้ พิษของโลหิตแดงนั้นร้ายแรงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะภูติวิญญาณตนนั้นต้านทานเอาไว้ ฮ่องเต้น้อยที่ยังเป็นเด็กอายุเท่านี้ก็คงอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนนี้โลหิตแดงจะอยู่ในร่างของฮ่องเต้น้อย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปลึกเกินไปนัก พิษส่วนใหญ่ถูกภูติวิญญาณยับยั้งเอาไว้ จึงช่วยชะลอความตายของฮ่องเต้น้อยให้ช้าลง
ถ้าสถานการณ์เป็นเหมือนชายหนุ่มคนนั้นที่พิษกระจายไปทั่วร่างและซึมลึกเข้าไปในกระดูกแล้วละก็ ต่อให้จวินอู๋เสียอยากช่วย มันก็ต้องใช้เวลา และฮ่องเต้น้อยก็ไม่สามารถอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น
แต่ตอนนี้เรื่องมันง่ายขึ้นมาบ้าง เนื่องจากพิษไม่ได้กระจายไปทั่วทั้งร่างของฮ่องเต้น้อย และภูติวิญญาณก็กำลังทำหน้าที่เป็นโล่ปกป้องเส้นหัวใจของฮ่องเต้น้อย ทำให้จวินอู๋เสียมีเวลามากพอ
ราชครูเหอเฝ้าดูจวินอู๋เสียรักษาอาการของฮ่องเต้น้อย คำพูดหลายพันคำในใจเขา ได้แต่แสดงออกด้วยการคำนับอย่างต่ำที่สุด เขาไม่กล้ารบกวนจวินอู๋เสีย ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังรักษาฮ่องเต้น้อยอยู่นั้น ทางด้านรัฐจิ้วก็เกิดโกลาหลขนานใหญ่ ใครบางคนกล้าทำการสังหารหมู่ทหารรัฐจิ้วในเมืองหลวงของรัฐจิ้ว! นั่นเท่ากับการตบหน้าฮ่องเต้รัฐจิ้วตรงๆ เหยียบขยี้อำนาจอันยิ่งใหญ่ของเขาจนแหลกเละ
ทหารถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันทีในทั่วทุกหนทุกแห่งของเมืองหลวงรัฐจิ้ว
ตลอดสองวันเต็ม จวินอู๋เสียไม่ได้ก้าวออกจากห้องของนางเลยแม้แต่ก้าวเดียว นางเอาแต่พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ฮ่องเต้น้อย
ฮ่องเต้น้อยนอนหลับตาอยู่บนเตียง นิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ แสงสีขาวจางๆ ปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา จวินอู๋เสียยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นขาวซีด แต่ดวงตายังคงสดใสอยู่
แสงสีขาวจางๆ นั้นค่อยๆ รวมตัวกันเป็นรูปกระต่ายขนาดเท่าฝ่ามือบนหน้าอกของฮ่องเต้น้อย แต่ร่างของกระต่ายนั้นจางมากและดูเหมือนภาพลวงตา กระต่ายโปร่งแสงนั้นดูเหมือนก่อตัวขึ้นจากควันใสๆ ดูเหมือนเงาในจินตนาการ อ่อนแอและบอบบาง
ตอนที่ 1240 แบบไหนถึงเรียกว่าใช้อำนาจกลั่นแกล้ง (1)
เมื่อจวินอู๋เสียออกจากห้องของนาง ราชครูเหอที่รออยู่ข้างนอกเป็นเวลานานก็เดินเข้าไปหานางทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ต่างหันไปมองนาง
“ฝ่าบาท เขา…” ราชครูเหอเอ่ยปากพลางมองจวินอู๋เสียอย่างกระวนกระวาย แววตาคาดหวังและกังวล
“พ้นขีดอันตรายแล้ว” จวินอู๋เสียพูด
ร่างกายของราชครูเหอเริ่มสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาดีใจมากเสียจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่โค้งคำนับจวินอู๋เสียไม่หยุด
แต่ว่า ก็แค่ช่วยเอาไว้ได้แค่ชีวิตของฮ่องเต้น้อยเท่านั้น ภูติวิญญาณของพี่ชายเขาได้ยับยั้งพิษร้ายในร่างเอาไว้ แต่มันก็ไม่สามารถช่วยวิญญาณของฮ่องเต้น้อยได้ แม้ว่าจวินอู๋เสียจะแก้พิษในร่างได้ แต่นางก็ไม่สามารถฟื้นฟูวิญญาณของเขาได้ คำบอกกล่าวนี้ทำให้ราชครูเหอที่กำลังดีใจอย่างมากตกลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวังอีกครั้ง เนื่องจากฮ่องเต้น้อยได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลา วิญญาณของเขาจึงไม่ถูกสังเวยไปทั้งหมด แต่วิญญาณที่เสียหายจะทำให้สติปัญญาของเขาต่ำกว่าคนทั่วไปมาก พูดให้ชัดๆ ก็คือ ตอนนี้ฮ่องเต้น้อยได้กลายเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้ว
เมื่อราชครูเหอได้ฟัง เขาก็แทบเป็นลมหมดสติไป เขากล้ำกลืนความโศกเศร้าลงไปและอ้อนวอนให้จวินอู๋เสียอนุญาตให้เขาเข้าไปดูแลฮ่องเต้น้อยที่ยังหลับอยู่ในห้อง
กลุ่มผู้เยาว์มองดูแผ่นหลังที่งองุ้มของราชครูเหอ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้ว่ารัฐจิ้วโหดเหี้ยมชั่วร้ายนะ แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะข่มเหงรังแกคนอ่อนแอจนถึงขั้นนี้” ใบหน้าของเฟยเยียนไม่ปรากฏรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อยขณะที่พูด ทำร้ายเด็กเล็กขนาดนี้ได้ลงคอ ฮ่องเต้รัฐจิ้วโหดเหี้ยมอำมหิตถึงขนาดไหนกัน
“ก็แค่อาศัยอำนาจทางทหารของรัฐจิ้วกับตำหนักมังกรสวรรค์เท่านั้น ทั่วสามโลกเบื้องล่างนี้ ยกเว้นรัฐเหยียนแล้ว มีใครที่ต่อต้านพวกเขาได้ มีใครกล้าแข็งขืนต่อคำสั่งของรัฐจิ้วบ้าง รัฐเฉียวทั้งเล็กทั้งอ่อนแอ ผู้คนก็น้อย ฮ่องเต้รัฐจิ้วเห็นว่าพวกเขาไม่มีทางขัดขืนได้ ถึงได้กดขี่ข่มเหงพวกเขา” หรงรั่วพูดพลางขมวดคิ้ว ประสบการณ์อันขมขื่นของฮ่องเต้น้อยทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนแปลกหน้าก็ตาม
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรสักคำ นางแค่ฟังสหายของนางอยู่เงียบๆ แม้ว่านางจะไม่ได้นอนมาสองวัน แต่นางก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อย มีแค่ความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเดือดพล่านอยู่ในใจนาง
“การมาจากรัฐเล็กๆ ก็หมายความว่าจะถูกผู้อื่นเหยียบย่ำอย่างไรก็ได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ” เฉียวฉู่กัดฟันกรอดพร้อมกับกำหมัดแน่น พวกเขาได้ฟังเรื่องของฮ่องเต้รัฐเฉียวกับพี่ชายของเขาจากราชครูเหอแล้ว ประสบการณ์อันเลวร้ายเกินจินตนาการที่พวกเขาต้องเจอทำให้พวกผู้เยาว์รู้สึกโกรธแค้นมาก
“ถือตัวว่าเหนือกว่าเลยไม่กลัวอะไร รัฐจิ้วใช้รัฐเฉียวเตือนรัฐอื่นๆ สิ่งที่เขาต้องการก็คือให้ผู้ครองรัฐอื่นๆ หวาดกลัวและยอมจำนน สำหรับเขา รัฐเฉียวเล็กเกินจะใช้งานได้ เลยถูกทำให้เป็นเครื่องสังเวยเสีย” ฟ่านจัวพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ดีมาก” จู่ๆ จวินอู๋เสียก็พูดขึ้น
สายตาของเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ หันไปทางจวินอู๋เสียทันที
“น้องเสีย…หมายความอย่างไรที่ว่า ‘ดีมาก’ น่ะ” เฉียวฉู่งง
จวินอู๋เสียยิ้มเย็นและพูดว่า “ในเมื่อรัฐจิ้วชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า อย่างนั้นข้าก็จะปรับให้เข้ากับสิ่งที่พวกเขาชอบ” นางหรี่ตาขณะที่พูด ชอบรังแกคนอ่อนแอนักใช่หรือไม่ อย่างนั้นนางจะให้รัฐจิ้วได้สัมผัสกับประสบการณ์นั้นอย่างแท้จริง จะได้รู้ว่ารังแกคนอ่อนแอน่ะมันทำกันอย่างไร!
“น้องเสีย เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะ…” ฟ่านจัวเข้าใจความหมายของจวินอู๋เสียทันที ดวงตาของเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
จวินอู๋เสียตอบว่า “แล้วถ้าคิดเล่า ครั้งนี้ข้าอยากเล่นเกมที่ต่างออกไป หวังว่ารัฐจิ้วจะทนได้ล่ะนะ!”
คนแต่ละคนก็ต้องใช้วิธีจัดการที่แตกต่างกันไป จะจัดการกับรัฐจิ้ว นางก็ไม่รังเกียจที่จะปรับไปใช้วิธีการที่นางไม่เคยใช้มาก่อน พวกนั้นจะได้ลิ้มรสชาติโอสถวิเศษของตัวเองเสียบ้าง!