บทที่ 656 ข้าจะอยู่ที่นี่

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ในห้อง

ฮัวหยู่อันมองดูโม่เหลียงเฉินที่เหมือนวิ่งหนีออกไป ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ทำได้เพียงถอนสายตากลับมาอย่างเงียบๆ

หลานเยาเยาหันหน้ามองนาง อย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าไม่ตาม?”

ถ้าโม่เหลียงเฉินเสียใจจนหมดหวัง แล้วปล่อยมือ งั้นพวกเจ้าไม่ต้องเลิกกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆหรอ?

“ไม่จำเป็น!”

ฮัวหยู่อันตอบอย่างเรียบเฉย ก้มหน้าเล็กน้อย สายตามองอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไร

ฟังนางพูดแบบนี้ หลานเยาเยาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ปลอบใจนางไปสองสามประโยค สีหน้าของนางจึงดีขึ้นมาบ้าง

แต่พวกนางที่คุยกันเหมือนไม่เห็นคนอื่น ได้เมินเฉยต่อบรรดาแม่ทัพที่บุกเข้ามาโดยตรง

แม่ทัพที่พูดเมื่อกี้ เห็นคุณชายซ่างกวงที่โดนจับได้ ยังกล้าหยอกล้อหญิงสาวอย่างไร้ยางอายแบบนี้ ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย ยิ่งไม่เห็นอ๋องเทพสงครามของพวกเขาอยู่ในสายตาอีกด้วย

ก็โกรธขึ้นมาทันที

“คุณชายซ่างกวง ที่นี่คือชายแดน เมื่อคืนข้าศึกก็มาโจมตีเมือง ทหารเสียชีวิตมากมาย คืนนี้พวกเจ้าก็มาพลอดรักกันอยู่ตรงนี้ ช่างทำให้คนปวดใจนัก”

เผชิญกับคำตำหนิของแม่ทัพ หลานเยาเยายิ้มเล็กน้อย จากนั้น ก็ทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที ใช้สายตาที่เย็นชาจ้องมองแม่ทัพคนนี้

“หยอกล้อ? ท่านแม่ทัพเห็นศพชายเสื้อดำเป็นเพียงอากาศเหรอ ข้าซ่างกวงหนานซู่เป็นคนมีการศึกษา ท่านแม่ทัพคิดว่าข้าจะหยอกล้อผู้หญิงต่อหน้าคนตายเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้ท่านแม่ทัพพูดไม่ออก

แต่เขายังคงไม่ยอมตายใจ

อย่างไรเสีย!

ที่คุณชายซ่างกวงใกล้ชิดกับหญิงสาวเป็นเรื่องจริง มันเป็นโอกาสที่จะทำให้อ๋องเย่เห็นธาตุแท้ของคุณชายซ่างกวง จะปล่อยโอกาสไปง่ายๆได้ยังไง?

ด้วยเหตุนี้ เขาก็โต้เถียงตามเหตุผล

“แต่ความใกล้ชิดของท่านกับแม่นางคนนี้ ไม่เหมือนเพื่อนธรรมดา”

คำพูดนี้ถูกพูดออกมา หลานเยาเยาก็หัวเราะ เขามองคนพวกนี้อย่างเบื่อหน่าย

“งั้นมันก็คือเรื่องของข้ากับเสี่ยวฮัวฮัว เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า? พวกเจ้าต่างหาก บนพื้นที่นอนอยู่ด้วยศพที่ใหญ่ขนาดนี้ยังมองไปไม่เห็น ทำไมต้องเจาะจงเอาความสนใจมาอยู่ที่ตัวข้า ต้องการอะไร? หรือพวกเจ้าก็หลงใหลในความงามของข้าด้วย?”

คำพูดที่โจ่งแจ้ง ทำให้พวกหยาบกระด้างเหล่านี้หน้าตึง แต่ละคนร้อนตัวออกห่าง

พวกเขาไม่มีทางที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษที่ชอบบุรุษ

“พวกเราได้ยินเสียงต่อสู้กันถึงได้บุกเข้ามา อย่าพูดไปเรื่อย ทำลายความบริสุทธิ์ของเรา”

“คุณชายซ่างกวงเป็นเพื่อนของอ๋องเย่” เพื่อนคำนี้ คนที่พูดได้พูดเน้นคำ เหมือนจะเตือนหลานเยาเยา เขากับอ๋องเย่เป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่บุรุษชอบบุรุษเลยแม้แต่นิดเดียว “พวกเราเป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน”

“ใช่ คนที่นี่ไม่มีใครหลงใหลความหล่อของท่าน เพียงแต่จะระมัดระวังตลอดเวลาการมาโจมตีของข้าศึก”

มองพวกเขาที่แถ หลานเยาเยายังคงเฉยๆ

จากนั้น ก็ลากเสียงตอบไปว่า “อ่อ” ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความสงสัย

“งั้นก็แปลกมาก ดึกๆดื่นๆยังมีคนร้าย พวกท่านที่เป็นแม่ทัพเห็นแล้วกลับไม่รู้สึกแปลกใจ ทำให้คนเหลือเชื่อจริงๆ หรือว่าในบรรดาแม่ทัพจะมีไส้ศึกของข้าศึกอยู่ด้วย?”

เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา

บรรดาแม่ทัพเหมือนโดนบีบจนจนตรอก

มาถึงเวลานี้พวกเขาถึงได้รู้ว่า ซ่างกวงหนานซู่ไม่ใช่คนที่สวยแต่รูป ยังฉลาดเป็นกรด แค่เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็พบเห็นพิรุธ

พวกแม่ทัพหน้าเสียไปครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้อ้อมค้อมอีก บอกความจริงกับนางโดยตรง

“ชายชุดดำคนนี้เป็นไส้ศึกที่ข้าศึกส่งมาจริง เมื่อคืนที่ข้าศึกโจมตีก็มีเขาที่แอบส่งข่าว เมื่อกลางวันพวกเราหาหลักฐานจนเจอ ดังนั้นจึงจงใจแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้ไส้ศึกได้ข่าวแล้วหลบหนี เมื่อกี้พวกเรากำลังตามมาจับกุม ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเข้ามาในห้องของคุณชายซ่างกวง”

แม้ว่าจะมีความประสงค์ไล่ให้ไส้ศึกมาทางห้องของคุณชายซ่างกวง ก็เพราะอยากจะทดสอบคุณชายซ่างกวง ใช้โอกาสนี้ทำให้เขาตกใจ อยากจะดูว่าจะมีอะไรให้จับผิดได้หรือเปล่า

อย่างไรเสีย!

คนที่มีความรู้ล้วนรักหน้าตา

พวกเขาได้สอบถามมาแล้ว คุณชายซ่างกวงมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยังถูกขนานนามว่าหมอเทพ วันนี้ยังได้รักษาผู้ที่เกือบไม่รอดไปหลายคน และรู้จักป้องกันตัวเอง ยังมีจื่อซีกับจื่อเฟิงที่เป็นองครักษ์คอยคุ้มกัน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นอะไรอยู่แล้ว

แต่พวกเขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าคืนนี้จื่อซีกับจื่อเฟิงไม่ออกมา คนที่ออกมาเป็นเพียงแม่นางคนหนึ่ง

เกรงว่าจะมีอันตราย ดังนั้นจึงได้บุกเข้ามาอย่างรีบร้อน เห็นไส้ศึกถูกแทงเสียชีวิตในครั้งเดียว ยังได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น

ด้วยเหตุนี้!

แม่ทัพท่านหนึ่งก็เกิดปัญญาในเวลาคับขัน อยากที่จะทำให้เรื่องมันบานปลายไปถึงที่อ๋องเย่ ทำให้อ๋องเย่รู้ว่า คุณชายซ่างกวงแอบนัดเจอกับผู้หญิง

ใครจะไปรู้ว่าคุณชายซ่างกวงจะฉลาดขนาดนี้ แวบเดียวก็เห็นข้อช่องโว่

พวกเขาจึงต้องอธิบายตามความจริง

แน่นอน พวกเขาก็ได้ซ่อนความจริงที่อยากจะดูเขาทำเรื่องที่ผิดพลาดเอาไว้แล้ว

“ช่างเถอะ จริงหรือเท็จก็อยู่ที่พวกท่านพูด ข้าก็ไม่อยากไปสนใจเรื่องที่ซ่อนอยู่ ตอนนี้ไส้ศึกก็ได้ถูกเสี่ยวฮัวฮัวสังหารไปแล้ว ท่านแม่ทัพทุกคนสามารถรายงานกับอ๋องเย่ตามจริงได้เลย

แน่นอนยังต้องรบกวนท่านแม่ทัพหาคนมาจัดการศพของไส้ศึกด้วย”

น้ำเสียงไม่ได้ร้อนรน ไพเราะทรงพลัง ไม่มีความร้อนตัวเลย ให้ความรู้สึกเหมือนสุภาพบุรุษที่จิตใจกว้างขวาง

บรรดาแม่ทัพรู้ว่าเหตุผลไม่เพียงพอ

เมื่อรายงานกับอ๋องเย่ ก็ไม่ใส่สีตีไข่อยู่แล้ว

แต่มุมมองที่พวกเขามีต่อซ่างกวงหนานซู่รู้สึกจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แต่เพื่อชื่อเสียงของอ๋องเย่ พวกเขาก็ยังต้องหาวิธีอื่น

กลุ่มแม่ทัพจากไปในไม่ช้า

ศพของไส้ศึกก็ถูกหามออกไป เลือดที่นองอยู่บนพื้นมีทหารสองนายทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว

ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลานเยาเยาที่ยืนอยู่ในห้องก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่บางทีเหมือนได้กลิ่นบางทีก็เหมือนไม่ได้กลิ่น

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้นางก็ไม่ได้สนใจ มองไปทางฮัวหยู่อันที่ยังคงอยู่ในห้อง และพระราชธิดาที่มาเพราะได้ยินเสียงการต่อสู้

พระราชธิดาจาวหยางเดิมยืนมองอยู่ตรงประตู จากนั้นก็ค่อยๆเขยิบเข้ามาในห้องทีละนิด

จะมาไม้ไหนเนี่ย

ไม่นาน นางก็พูดขึ้น

“ได้ยินเสียงต่อสู้ ข้ากลัวมาก”

“แล้วยังไง?” หลานเยาเยาขมวดคิ้ว

“ข้าอยากจะนอนห้องเดียวกับเจ้า ก็เหมือนเมื่อก่อนไง เราก็เคยนอนด้วยกัน” ใบหน้าพระราชธิดาจาวหยางเต็มไปด้วยความคาดหวัง

หลานเยาเยาไม่รู้จะทำยังไงดี

คำพูดนี้ เหมือนว่าพวกเขาได้ทำเรื่องที่มิดีมิร้าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้นางปลอมตัวเป็นชาย ในสายตาคนนอก นางก็คือผู้ชาย หากนางไม่สนใจแล้วให้จาวหยางนอนด้วย จะเลินเล่อเกินไปหรือเปล่า?

อีกอย่าง หากแพร่งพรายออกไปก็ไม่ดี

“เจ้ามีห้องตัวเอง นางปฏิเสธอย่างสุภาพ”

แต่………

“ข้าได้ยกห้องให้กับทหารที่บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ไม่มีที่นอนแล้ว พระราชธิดาจาวหยางฉายแววเจ้าเล่ห์ในดวงตา แล้วแสดงความคับข้องใจออกมาทางใบหน้า

นางได้ปิดหนทางตัวเองไว้หมดแล้ว

ก็เพื่อจะนอนกับหลานเยาเยาทุกคืน แบบนี้ถึงจะรู้สึกปลอดภัย

หากหลานเยาเยาไม่เห็นด้วย นางเหมือนมีความคิดที่จะเอาหัวชนฝาผนังให้ตาย………….

พระราชธิดาจาวหยางเห็นนางยังมีความลังเลอยู่ ก็เดินเข้าไปใกล้ คล้องแขนของนางเอาไว้ ยังถือโอกาสเอาน่องไก่ออกมาแกว่งไปมาตรงหน้านาง

มองน่องไก่สีทองที่เลิศรส………..

ดมกลิ่นหอมที่โชยกลิ่นออกมายั่วยวน………..

หลานเยาเยาทำได้เพียงตกลง

แค่พยักหน้า น่องไก่ก็ถึงมือทันที

พระราชธิดาจาวหยางมองไปทางฮัวหยู่อัน ใบหน้าที่ได้ใจอย่างเห็นได้ชัด ยิ้มให้นางอย่างสดใส ก็ไม่รู้ว่ามีน่องไก่มาจากไหนอีกหนึ่งน่อง ยื่นไปตรงหน้าของฮัวหยู่อัน

“ให้เจ้า อย่าเอาเรื่องที่ข้านอนที่นี่ไปบอกกับพี่เซียว และอย่าให้จื่อซีรู้ ได้หรือเปล่า?”

ฮัวหยู่อันเบี่ยงหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะสนใจนาง

พูดอย่างเซ็งๆ “ไม่มีใครอยากไปฟ้องหรอก เอาน่องไก่ออกไป”

สำหรับท่าทีที่เย็นชาของฮัวหยู่อัน พระราชธิดาจาวหยางเห็นจนชินแล้ว และไม่ได้ถือสานาง

“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ตัวข้าเองยังรอกินมันอยู่เลย!”

พูดจบ พระราชธิดาจาวหยางที่ถือน่องไก่ไว้กำลังจะกัดกิน เพียงแต่น่องไก่ที่หอมหวนยังไม่ทันเข้าปาก ก็ได้บินหายไปแล้ว

น่องไก่ก็ได้บินหายไปง่ายๆแบบนี้ เหลือเพียงแค่คราบมันๆไว้บนมือ

พระราชธิดาจาวหยางหันหน้าไป น่องไก่ที่หายไป เวลานี้อยู่ในมือของฮัวหยู่อัน นางที่โกรธกัดน่องไก่กินไปหนึ่งคำ เหมือนว่ากำลังสู้กับศัตรูอย่างสุดชีวิต ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองพระราชธิดาจาวหยางไปแวบหนึ่ง

สายตานั้นเหมือนกำลังพูดว่า ไอ้ขี้เหนียว แน่จริงก็มาแย่งสิ!

“เจ้า เจ้า เจ้า………..”

พระราชธิดาจาวหยางชี้ไปที่ฮัวหยู่อัน โกรธจนพูดไม่ออก แต่ไม่นานนางก็ทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที แล้วก็หยิบน่องไก่ออกมาอย่างเย้ยหยัน

“โชคดีที่ได้เตรียมการมาดี ไม่อย่างนั้นทำได้เพียงมองพวกเจ้ากินแล้ว”

แต่เพิ่งจะกินไปไม่กี่คำ

ฮัวหยู่อันจู่ๆก็ได้หยุดท่าทางที่กินน่องไก่ลง นางมองพระราชธิดาจาวหยางอย่างเงียบๆ สุดท้ายก็ไปมองที่หลายเยาเยา กลืนน่องไก่ที่รู้สึกว่าเคี้ยวละเอียดแล้ว พูดขึ้นมาเบาๆ

“ข้าจะอยู่ที่นี่”