บทที่ 657 ข้าไม่อยาก ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

พระราชธิดาจาวหยางได้ยิน ยังจะทนได้เหรอ?

เนื้อน่องไก่ชิ้นใหญ่ยังอยู่ในปากก็ไม่สนใจแล้ว

“อะไรนะ? แย่งน่องไก่ข้าก็ช่างแล้ว แม้แต่นอนกับหลานเยาเยาเจ้าก็จะมาแย่งกับข้า? ไม่ได้ ข้าไม่ยอม”

หลานเยาเยา “………….”

ทำไมคำพูดนี้ยิ่งฟังยิ่งไม่ชอบมาพากลล่ะ?

ช่างเถอะ ยังไงก็กินน่องไก่ให้หมดก่อนแล้วค่อยพูด

หลานเยาเยากำลังใช้แรงทำหมดในการกัดกินน่องไก่สีทองที่หอมกรุ่น พระราชธิดาจาวหยางและฮัวหยู่อันที่ได้เริ่มทะเลาะวิวาท ดูท่าทางนี้แล้วจะไม่จบง่ายๆ

นี่ยังไม่พอ

พระราชธิดาจาวหยางที่เจอเรื่องเลวร้ายมาหลายปี ไม่เพียงแค่ห่วงเรื่องกิน แถมยังไม่มีท่าทางขององค์หญิงเลย ปากคอเราะราย ด่าคนเก่งมาก สำหรับฮัวหยู่อันผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลายเป็นคนเงียบและไม่ค่อยพูด ก็เหนือกว่ามาก

อีกทั้ง!

พวกนางต่างก็เป็นผู้หญิง

ไม่เพียงแต่จะทะเลาะ ยังจะลงมืออีกด้วย

ยกมือยกไม้ คนที่ไม่มีวรยุทธ์อย่างองค์หญิงจาวหยาง เมื่อเทียบกับคนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งอย่างฮัวหยู่อัน ก็เสียเปรียบอยู่มาก ฮัวหยู่อันเพียงแค่ออกแรงนิดหน่อย ก็สามารถทำให้พระราชธิดาจาวหยางกระเด็นไปไกล

“ข้าได้คุยกับหลานเยาเยาก่อน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแทรก?” พระราชธิดาจาวหยางพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“สิทธิ์ที่ข้าสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของนาง ในเวลาคับขัน เจ้านั้นเป็นได้เพียงตัวถ่วง” ฮัวหยู่อันโต้เถียงอย่างไร้ความปรานี พูดแทงใจดำพระราชธิดาจาวหยางโดยตรง

พระราชธิดาจาวหยางก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โต้เถียงกลับไป

“ข้ามีองครักษ์ส่วนตัวมากมาย สามารถให้องครักษ์มาล้อมเป็นกำแพงปกป้องห้องนี้ ยังสามารถส่งอาหารให้หลานเยาเยาตลอดเวลา เจ้าล่ะ? นอกจากมุทะลุ และทำเป็นหน้าเย็นชา ใครอยากจะมองหน้าเจ้า อยากคุยกับเจ้า?”

ฮัวหยู่อันก็ถูกพูดแทงใจดำ

ไม่แม้กระทั่งจะใช้วรยุทธ์แล้ว ก็พุ่งเข้าไปทางพระราชธิดาจาวหยาง

ทั้งสองคนไม่เพียงแต่จะเถียงกัน ยังได้ลงมือโดยตรง ทั้งดึงเนื้อดึงตัว กระชากเสื้อผ้ากระชากผม กระชากกันไปมา สู้กันได้รุนแรงมาก ท่าทางการต่อสู้ เหมือนได้ออกแรงทั้งหมดที่มี

ในที่สุดหลานเยาเยาที่กินน่องไก่จนหมดจด มองทั้งสองที่รัดกันเป็นก้อน ตีกันจนแยกไม่ออก จึงนึกขึ้นได้ว่านางควรจะห้าม

จึงได้ปรับโทนเสีย

“ทั้งสอง ฟังที่ข้าพูด…………”

ยังไม่ทันพูดจบ ใครจะไปรู้ แม่เสือสองตัวที่ทะเลาะวิวาทเพราะนางก็มองไปทางนาง แล้วพูดพร้อมกัน

“หุบปาก!”

“ได้เลย รบกวนแล้ว รบกวนแล้ว”

เวลานี้ หลานเยาเยาต่ำต้อยมาก

จากนั้น เดินออกไปตักน้ำด้วยฝีเท้าที่ปกติ เมื่อกลับมา ทั้งสองคนยังนอนตีกันอยู่บนพื้น นางทำได้เพียงล้างมืออย่างเงียบๆ รอจนกระทั่งทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงได้นั่งลงไปบนพื้นเพื่อดูเขาสองคนตีกัน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งสองคนที่เห็นหลานเยาเยา

ที่มีท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งโมโห

“เจ้าจะนั่งดูแบบนี้เหรอ? พวกเราทะเลาะกันเพราะเจ้านะ”

“เจ้าพูดมา คืนนี้ควรจะให้ใครนอนที่นี่?”

“…………..”

หลานเยาเยาปวดหัวเล็กน้อย เขาห้ามไปแล้วนี่นา แต่ไม่มีคนฟังนาง สำหรับเรื่องที่จะให้ใครอยู่ที่นี่ นางไม่อยากให้อยู่สักคน คนที่นางต้องการคือเย่แจ๋หยิ่ง พวกเจ้าอย่าใจร้อน ฟังข้าพูดก่อน……..”

“อย่าพูดมากอีกเลย แค่พูดมาว่าจะให้ใครนอนที่นี่ก็พอ!” ฮัวหยู่อันกล่าว

“ใช่ เจ้าพูดสิ!” พระราชธิดาจาวหยางพูดเสริม

ทันใดนั้น พระราชธิดาจาวหยางกับฮัวหยู่อันก็ยืนฝั่งเดียวกัน

“ข้า……….เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย อย่ากระชาก กระชาก มือเจ้ามีคราบมัน………..”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลานเยาเยาที่มีใจจะห้าม ถูกฮัวหยู่อันกับพระราชธิดาจาวหยางผลักแล้วถาม จากที่ตีกันสองคนกลายเป็นตีกันสามคน

อีกอย่างการตีกันเหมือนจะไม่จบง่ายๆ

ในห้องนอนของนางเสียงดังมากเกินไปแล้วจริงๆ

ทำให้จื่อซีจื่อเฟิงอดไม่ได้ที่จะปรากฏตัวออกมา เย็นหงก็วิ่งเข้ามอย่างรีบร้อน เห็นภาพตรงหน้า ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่เบิกตากว้าง

นี่จะห้ามยังไง?

เย็นหงที่โผงผางไม่มีเหตุผลก็ดึงแขนเสื้อกำลังจะเข้าไปร่วม ถูกจื่อเฟิงขวางเอาไว้

“เจ้าอย่าเข้าไปดีกว่า ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวคนที่พวกเราต้องห้ามปรามก็จะไม่ใช่สามคนแล้ว”

หงเย็น “…………” นางแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?

จื่อซีตัดสินใจใช้เสียงในการห้าม กลับไม่รู้ว่าส้งเย่นกุยมาปรากฏอยู่ตรงหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไหร่ มองดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ มุมปากโผล่ขึ้นด้วยรอยยิ้มที่จางๆ กล่าวโดยตรง

“ไม่ต้องยุ่ง!”

แต่จื่อซีไม่ฟังเขาอยู่แล้ว

เขาจะไม่ยุ่งได้ยังไง?

คนหนึ่งคือคุณหนูที่เคารพของบ้านตัวเอง คนหนึ่งคืนผู้หญิงที่ตัวเองชอบมาหลายปี อีกคนหนึ่งคือผู้หญิงที่คุณชายโม่เหลียงเฉิงตามหาอย่างยากลำบาก

ยังไงก็ต้องห้ามไม่ใช่เหรอ?

จื่อซีเพิ่งจะเดินขึ้นมาข้างหน้า ส้งเย่นกุยก็แวบเข้ามาขวางตรงหน้าของเขา

แม่ทัพที่ไปแล้วได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทก็ได้ย้อนกลับมา เมื่อเห็นภาพนี้ เทียบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ปากที่อ้าอยู่สามารถยัดไข่เข้าไปได้สองลูกแล้ว

คนหนึ่งเป็นองค์หญิงที่สูงศักดิ์……….

คนหนึ่งเป็นสาวใช้ที่เหมือนนักฆ่ายิ่งกว่านักฆ่า………

คนหนึ่งเป็นคุณชายผู้สง่างาม……….

ทำไมถึงตีกันได้ล่ะ? เมื่อกี้ยังรักกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?

แต่ฝั่งนี้ทั้งสามคนที่ตีกันยังไม่หยุด ส้งเย่นกุยกับจื่อซีที่อยู่ในห้องก็สู้กันขึ้นมา จื่อเฟิงก็เข้าร่วมการต่อสู้ในไม่ช้า ด้านข้างยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบใช้กำลังอยากจะลองฝีมือ……..

เหล่าแม่ทัพมึนหัวไปชั่วขณะ

นี่มันอะไรยังไงกันแน่?

พวกเขาควรจะช่วยฝั่งไหน หรือควรจะห้ามฝั่งไหน?

แล้วควรจะห้ามยังไง? ใช้สิทธิ์อะไรในการห้าม? เหล่าแม่ทัพไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย………

ขณะที่พวกแม่ทัพกำลังหัวหมุน ก็มีภาพที่น่าสยดสยองเกิดขึ้น

ฝั่งหลานเยาเยา ทั้งสามคนที่ตีกันอยู่ดีๆ จู่ๆก็หัวเราะกันขึ้นมา ยิ่งหัวเราะยิ่งสะใจ ยิ่งหัวเราะยิ่งเสียงดัง เหมือนกับการได้ปลดปล่อย มันน่าแปลกมากถึงมากที่สุด

จากนั้นก็ได้ยินคุณชายซ่างกวงพูดขึ้นมา

“นอนด้วยกันทั้งสามคนเถอะ!”

ทั้งสองคนก็ตอบอย่างประนีประนอม

“ดูแล้วก็คงต้องอย่างนี้แหละ”

“ได้!”

เหล่าแม่ทัพที่ดูอยู่รู้สึกสยดสยอง “………….”

นี่มันคำพูดทะลึ่งอะไรกันเนี่ย?

เป็นสิ่งที่พวกเขาคิดและเข้าใจเหรอ?

หลานเยาเยาจัดเสื้อผ้าที่ถูกกระชากจนหมดสภาพ ยังได้สางผมที่ยุ่งเหยิง กลับสู่สภาพที่สง่างามเหมือนเดิม

“แฮ่มๆ!”

มองดูคนที่อยู่เต็มห้อง อดไม่ได้ที่จะกระแอมไปหนึ่งที หันหน้ามองไปทางสามคนที่ยังต่อสู้กันอยู่ ตะโกนขึ้น

“อาส้ง พอได้แล้ว”

ส้งเย่นกุยจึงยอมรามือ จื่อซีกับจื่อเฟิงก็หยุดลงด้วย

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ได้ส่งเสียงรบกวนถึงอ๋องเย่แล้ว อ๋องเย่ก็ได้มาถึงที่หน้าประตูแล้ว ก็ได้ยินหลานเยาเยาตกลงให้จาวหยางกับฮัวหยู่อันนอนกับนาง ก็เลยมองหลานเยาเยาด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง ยิ่งกว่าเหมือนถูกเมินเฉย

ตระหนักถึงสายตาที่มองอยู่ หลานเยาเยาเพิ่งจะสังเกตเห็นเย่แจ๋หยิ่ง อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

นางก็จนปัญญาแล้ว………

ไม่เช่นนั้นจะให้ทำยังไง?

ตอนนี้อ๋องเย่มาแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน รอบตัวกระจายด้วยความเย็น บรรดาแม่ทัพแต่ละคนไม่กล้าออกเสียง อยากจะหลีกหนีความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายซ่างกวงกับอ๋องเย่ ในเวลานี้ล้วนมีความคิดที่อยากจะไปจากที่นี่โดยเร็ว ต่างก็ลาอ๋องเย๋อย่างสุภาพ แล้วรีบออกไปทันที

เพื่อหลีกเลี่ยงเจอกับลูกหลง

ครู่ต่อมา!

หลานเยาเยากับจาวหยาง ฮัวหยู่อันนั่งอยู่ในแถวเดียวกัน นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา เสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงถูกจัดเรียบร้อยแล้ว แต่ในพื้นยังมีน่องไก่สองน่องที่กัดกินไปครึ่งหนึ่งหล่นอยู่ และผมที่บิดๆเบี้ยวๆได้บอกกับพวกนางว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเรื่องจริง

พวกนางตีกันเหรอ!

ทั้งสามคนก็เหมือนกับได้ทำเรื่องที่เห็นผู้คนไม่ได้

อ๋องเย่นั้นเหมือนกำลังจับชู้อยู่

เขามององค์หญิงด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง น้ำเสียงเย็นเหมือนน้ำแข็ง

“เก่งมากเหรอ? ยังไม่รีบไสหัวกลับไปนอนอีก?”

ใครจะไปรู้……….

องค์หญิงจาวหยางที่เชื่อฟังมาโดยตลอด ก็กอดแขนของหลานเยาเยาทันที ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดไม่จา ไม่ว่ายังไงก็จะกอดหลานเยาเยาไม่ปล่อย ไม่ไปนั้นทั้งนั้น

มันคือการต่อต้านโดยปราศจากเสียง

อ๋องเย่หลับตาไปครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังระงับความโกรธเพื่อให้ให้ตัวเองใช้กำลัง แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้งยังคงมองไปที่หลานเยาเยา

“เจ้า ไปกับข้า”

เป็นตายนางก็จะอยู่ที่นี่ งั้นเขาก็พาหลานเยาเยาไป ไปห้องนอนของเขา

แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด

ไม่เพียงแต่พระราชธิดาจาวหยางที่กอดแขนของหลานเยาเยาเอาไว้ แม้แต่ฮัวหยู่อันก็คว้าแขนอีกข้างของหลานเยาเยาไปกอดทันที ความหมายนั้นชัดเจนมา เป็นตายก็ไม่ยอมให้หลานเยาเยาไป

และหลานเยาเยาทำได้เพียงมองเย่แจ๋หยิ่งอย่างผู้บริสุทธิ์

นางก็ไม่อยาก

นางก็ไม่รู้จะทำยังไง!

เย่แจ๋หยิ่งนั้นโกรธมาก สะบัดแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินจากไป