บทที่ 635 ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 635 ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี

บทที่ 635 ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี

ยามที่เจี่ยงเถิงมาถึง ในจวนท่านแม่ทัพกำลังตกอยู่ในความชุลมุน เหยาซูสั่งการให้กลุ่มคนจำนวนมากออกตามหาหลินซือ

ครั้นเห็นเหตุการณ์นี้ เจี่ยงเถิงก็รู้ทันทีว่าองค์รัชทายาททรงพาตัวหลินซือไปแล้วก้าวหนึ่ง หลังจากเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้เหยาซูฟังแล้ว ก็ให้สัญญากับเหยาซูว่าตนเองจะต้องพาอาซือกลับมาให้จงได้

ยามที่ได้ยินว่าองค์รัชทายาททรงลักพาตัวอาซือไป แม้ว่าเหยาซูจะแอบไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ แต่ก็รู้ว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จึงยกเรื่องนี้ให้กับเจี่ยงเถิง ก่อนจะไปทำเรื่องอื่นอย่างวางใจ

เมื่อได้รับการยอมรับจากเหยาซู เจี่ยงเถิงก็วิ่งตะบึงตะบันไปตลอดทาง ค้นหาในทุกที่ที่องค์รัชทายาทจะเสด็จไป แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาขององค์รัชทายาท แต่แล้วจู่ ๆ ก็นึกได้ว่าองค์รัชทายาททรงมีจวนอีกหลังหนึ่ง ที่นั่นเป็นจวนที่องค์จักรพรรดิทรงพระราชทานรางวัลให้แก่องค์รัชทายาท แต่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไปจวนขององค์รัชทายาท” เขาออกคำสั่งแก่ผู้ติดตาม ซึ่งผู้ติดตามไม่กล้าเมินเฉยแต่อย่างใด

ถึงอย่างไรทุกคนย่อมรู้ดีว่าคุณชายนั้นให้ความสำคัญต่อคุณหนูหลินเป็นอย่างมาก

พวกเขาเองก็เห็นคุณหนูหลินเป็นว่าที่ฮูหยินในอนาคตของคุณชายเช่นกัน จึงลงแส้ควบม้าเร่งความเร็ว ม้าของทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งตะบี้ตะบันออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อสตรีเพียงผู้เดียว

ส่วนหลินซือในเวลานี้ ถูกองค์รัชทายาทกักตัวอยู่ในจวนหลังนี้

“อาซือ ข้าไม่เจอเจ้าเสียตั้งนาน”

การแสดงออกของเขาไม่เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง

“องค์รัชทายาท ทรงคิดจะทำสิ่งใดเพคะ?”

“ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าเท่านั้น ผู้คนในเมืองเยอะเกินไป ข้าไม่สะดวกคุย ที่นี่มีแค่เราสองคน อยากจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แต่หม่อมฉันไม่มีสิ่งใดจะคุยกับพระองค์” ครั้นเห็นองค์รัชทายาทดูผิดแปลกไป หลินซือจึงได้ลอบหวาดกลัวอยู่ในใจ

นางไม่เข้าใจว่า เหตุใดองค์รัชทายาทถึงตามตื๊อนางไม่เลิก ก็เห็น ๆ อยู่ว่าระหว่างพวกนางเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น

“ตอนนี้เจ้าพูดเช่นนี้ได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเปลี่ยนความคิดของเจ้า”

“องค์รัชทายาท แย่แล้ว คุณหนูลู่เหยาถูกโจรเหล่านั้นจับตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงขององครักษ์ผู้หนึ่งดังขึ้นจากข้างนอก ทำให้องค์รัชทายาทหยุดชะงักไปทันที

“รนหาทีตายนัก!” เห็นได้ชัดว่าหลินซือคือคนที่สำคัญที่สุดในใจของเขา แต่ครั้นนึกถึงท่าทางที่น่าสงสารของลู่เหยาผู้นั้น องค์รัชทายาททรงเกิดความกระวนกระวายในใจระลอกหนึ่ง จนกระทั่งเสียแผนอย่างที่คาดคิดไว้จริง ๆ

“ระดมทุกคนไปช่วยลู่เหยา” องค์รัชทายาททรงปล่อยตัวหลินซือและออกไปลั่นคำสั่งกับทุกคนข้างนอก

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เฝ้านางไว้ อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด”

ก่อนจากไป องค์รัชทายาทไม่ลืมที่จะหันไปมองห้องที่ขังหลินซือไว้ ด้วยความกังวลใจยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างไรอย่างนั้น

ครั้นรู้ว่าองค์รัชทายาทจากไปแล้ว ในใจของหลินซือกลับไม่ได้โล่งใจแม้แต่น้อย

นางไม่รู้ว่าองค์รัชทายาททรงตื่นตัวกับสิ่งใด นางในตอนนี้ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่รู้ว่ามารดาของตนนั้นจะพบว่านางหายตัวไปจากจวนแล้วหรือไม่

ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของหลินซือ ทำให้หัวสมองของหลินซือเกิดความสับสนไปพักใหญ่ นางไม่รู้ว่าตัวเองควรต้องทำสิ่งใดต่อไปถึงจะถูกต้อง

แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้นางต้องรอนานมากนัก นางได้ยินเสียงครึกโครมระลอกหนึ่งดังมาจากข้างนอก ต่อมาร่างเงาของเจี่ยงเถิงก็ปรากฏตัวตรงหน้าของนาง

“พี่อาเถิง?” หลินซือไม่คิดว่าเจี่ยงเถิงจะปรากฏตัวในช่วงเวลานี้ ทำไมเขาถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่ละ?

“อาซือ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ตกใจแทบแย่…ฮือ ฮือ ฮือ” ครั้นเห็นเจี่ยงเถิง ในที่สุดหลินซือก็วางการป้องกันตัวเองที่มีมาตลอดลง แล้วปล่อยโฮออกมาโดยไม่รู้ตัว

เจี่ยงเถิงโอบกอดหลินซืออย่างแผ่วเบา ปลอบประโลมความรู้สึกของนาง อาซือเข้มแข็งมาเสมอ ดูจากในตอนนี้คงจะตกใจมากจริง ๆ

แม้ว่าคนข้างนอกจะเป็นคนขององค์รัชทายาท แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเจี่ยงเถิงคือใคร หากไม่มีคำสั่งจากองค์รัชทายาท ก็ไม่มีใครกล้าสู้กับเจี่ยงเถิงตัวต่อตัว

ด้วยเหตุนี้ ในตอนที่เจี่ยงเถิงนำตัวหลินซือจากไป จึงไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวางสักคนเดียว กระทั่งเตรียมรถม้าให้พวกเขาเรียบร้อยด้วย

“อาซืออย่ากลัวไปเลย ข้าจะพาเจ้าไปจากที่นี่” ผู้ติดตามประคองเจี่ยงเถิงและหลินซือขึ้นรถม้า จากนั้นตัวเองก็ขึ้นตามไป บังคับรถม้าไปจากจวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

เพราะจวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ดังนั้นจึงค่อนข้างเงียบสงบเป็นพิเศษ ถ้าคนทั่วไปอยากเข้ามาจะต้องได้รับการตรวจสอบหลายขั้นตอน วันนี้เป็นเพราะองค์รัชทายาทระดมคนออกไปช่วยลู่เหยา

“พี่ใหญ่ เราสืบค้นมาว่า วันนี้องค์รัชทายาทผู้นั้นเสด็จมาจวนอย่างแน่นอน ดูเหมือนจะพาสตรีนางหนึ่งมาด้วย” คนคลุมหน้าผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“เช่นนั้นเราลงเขาไปดักรอตีนเขากันเถอะ ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทก็ต้องเสด็จกลับวังอยู่แล้ว ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้เขาจะเสด็จขึ้นมาบนนี้นานนัก” คนที่เป็นผู้นำมองไปยังทางขึ้นเขาที่สูงชัน พร้อมกับลอบวางแผนการหนึ่งในใจ ไหน ๆ องค์รัชทายาทก็รนหาที่ตายเองแล้ว เช่นนั้นคงโทษเขาไม่ได้

การตัดเส้นทางรวยของเขาเท่ากับการฆ่าพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า แค้นนี้จะไม่ชำระล้างได้อย่าไงเล่า?

“พี่ใหญ่ คนที่อยู่ข้างล่างเมื่อครู่รายงานว่า มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งลงจากเขาไป ดูจากการตกแต่งแล้วน่าจะเป็นขบวนขององค์รัชทายาทไม่ผิดแน่นอนขอรับ”

“งั้นเหรอ? เช่นนั้นพวกเจ้ามัวยืนรออะไรอยู่อีก? ยังไม่รีบไปดักทางเขา ครานี้ ข้าต้องปลิดชีวิตเขาให้จงได้!”

“ขอรับ!” ทุกคนรับคำสั่ง แล้วสลายตัวไป

ส่วนเจี่ยงเถิงและหลินซือในเวลานี้ต่างไม่รู้ว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา เขากำลังปลอบประโลมหลินซือด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มีเจี่ยงเถิงอยู่ข้างกาย ความรู้สึกของหลินซือค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

“คุณชาย เบื้องหน้ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว ดูเหมือนจะกำลังพุ่งเป้ามาหาเราด้วยขอรับ”

“เห็นหรือไม่ว่าเป็นผู้ใด?”

“ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ พวกเขาใส่ผ้าคลุมหน้า”

“เร่งความเร็วรถม้า อย่าให้พวกเขาไล่ตามได้ทัน”

“ขอรับ”

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ต้านฝูงชนที่มีจำนวนมากไม่ได้ ไม่นานรถม้าก็ถูกบังคับให้หยุดลง

เจี่ยงเถิงเห็นว่าคนกลุ่มนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จึงให้ผู้ติดตามบังคับรถม้าขึ้นเขา ถ้าพวกเขากลับไปยังจวนขององค์รัชทายาทได้ คนกลุ่มนี้จะต้องไม่กล้าไล่ตามต่อเป็นแน่

เขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับคนกลุ่มนี้โดยบังเอิญ ครั้นมองไปยังหลินซือผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรในรถม้า เจี่ยงเถิงก็ยิ่งเป็นกังวลในใจ

เขาจึงให้ผู้ติดตามถอยไปอีกด้าน จากนั้นตัวเองก็บังคับรถม้าขึ้นเขา ทิ้งฝุ่นที่ตลบอบอวลไปตลอดทาง ราวกับรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย

“พี่ใหญ่ องค์รัชทายาทผู้นั้นบังคับรถม้าด้วยความเร็ว เราตามไม่ทันแน่”

“กลัวอะไร ตรงหน้าเป็นหน้าผา ถ้าองค์รัชทายาทผู้นั้นกล้ากระโดดจากหน้าผาจริง เราจะยอมชื่นชมเขา” ตอนนี้คนในวังเหล่านี้คือคนที่กลัวตายเป็นที่สุด ยอมถูกพวกเขาจับดีกว่าให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย

“ก็ใช่ พี่ใหญ่ฉลาดที่สุด”

“ให้คนข้างหน้าชะลอความเร็วลง ข้าจะคอยดูว่าองค์รัชทายาทผู้นั้นจะเลือกทางไหน”

“ขอรับ”

เมื่อเห็นว่าตรงหน้าไม่มีทางไป เจี่ยงเถิงจึงเริ่มเป็นกังวล ยื่นเชือกบังเหียนให้แก่ผู้ติดตาม ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้ารถม้าไป

“อาซือ เจ้าเชื่อใจข้าไหม?”

“ข้าเชื่อใจพี่อาเถิง”

“งั้นก็ดี เดี๋ยวเจ้าต้องกอดข้าไว้แน่น ๆ นะ”

“อื้อ” แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดพี่อาเถิงถึงพูดเช่นนี้ แต่ตราบใดที่พี่อาเถิงพูด นางย่อมเชื่อทั้งนั้น

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม เราจะกระโดดลงไปด้วยกัน หน้าผาแห่งนี้ไม่สูงมากนัก น่าจะรอดชีวิตกลับไปได้ อาซือ ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดีที่สุด”